บทที่ 632 เกิดมาหน้ากวนประสาท โดย Ink Stone_Fantasy
ช่องโหว่นี้ปรากฏขึ้นเพียงเสี้ยววินาที และหายไปในชั่วพริบตา คนทั่วไปแม้จะสังเกตเห็น แต่ก็ยากที่จะตอบสนองได้ทัน
เพราะถึงแม้จะสามัคคีกับเพื่อนร่วมทีมอีกมากแค่ไหน การเคลื่อนไหวของคนสองคนก็ไม่อาจพร้อมเพรียงกันได้ 100%
แต่หลิงม่อไม่เหมือนกัน ด้านหนึ่งเป็นเพราะเขาฝึกฝนการตอบสนองทางจิตจนถึงขั้นสุดยอดแล้ว ในอีกด้านเป็นเพราะ เขาและเย่เลี่ยนมีจิตและความคิดเดียวกันแต่แรกอยู่แล้ว
ขณะที่ช่องโหว่ของสัตว์ประหลาดปรากฏขึ้น หลิงม่อก็เคลื่อนไหวทันทีโดยสัญชาตญาณ
เขาลอยตัวขึ้นสูงทันที หนวดสัมผัสสองเส้นพุ่งออกไปจากดวงแสงแห่งจิตของเขา เข้าไปดึงเท้าข้างนั้นที่เสียหลักของมัน
“โครม!”
สัตว์ประหลาดล้มเสียงดังโครมคราม จากนั้นก็กลิ้งหลุนๆ ออกห่างไประยะหนึ่ง และกระแทกเข้ากับรั้วกั้นข้างทางในที่สุด
ไม่รอให้มันลุกขึ้นยืน เทพเจ้าสายฟ้าในมือเย่เลี่ยนพลันลั่นกระสุนออกไปโดยพลัน
หยาดเลือดมากมายพุ่งกระฉูดออกมาจากร่างกายของสัตว์ประหลาด เสียงกรีดร้องของมันดังบาดหูขึ้นมาทันที
และการร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์ที่ราวกับเกิดจากการเคลื่อนไหวของคนคนเดียวนี้ ก็ทำให้มู่เฉินอึ้งเป็นรอบที่ร้อยของวันนี้ จากมุมมองของคนดู ลำดับการเคลื่อนไหวหน้าหลังของหลิงม่อและเย่เลี่ยนนั้นไหลลื่นมาก ถึงแม้ขั้นตอนดุดัน ผลที่ได้นองเลือด แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูการแสดงที่ผ่านการซักซ้อมมาก่อน แต่พอจินตนาการว่าเป็นตัวเอง ในสมองของมู่เฉินก็เหลือเพียงความตกตะลึง
ไม่ว่าจะวิเคราะห์อย่างไร เขาก็ไม่มีทางทำได้อย่างพวกหลิงม่อแน่นอน และเมื่อกี้ ถ้าหากพวกเขาคนใดคนหนึ่งเคลื่อนไหวช้าแม้เพียงศูนย์จุดวินาที ผลที่ได้คงไม่ออกมาเป็นอย่างนี้
“นี่สิถึงจะเรียกว่า Relationship Goal ที่แท้จริง…” มู่เฉินพึมพำขณะที่กำลังตกตะลึง
ขณะที่สัตว์ประหลาดล้มลงไป หลิงม่อไม่ได้พุ่งเข้าไปทันที แต่เขาเพ่งสมาธิก่อน จากนั้น “ใยแมงมุม” ที่แผ่ปกคลุมอยู่รอบด้านก็กลายสภาพเป็นสสารทันที
เสียงแค่นหัวเราะด้วยความไม่พอใจดังขึ้นกลางอากาศ ไม่นานเงาร่างของใครคนหนึ่งก็ปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ ตัวเขา
คราวนี้หลิงม่อยังไม่ทันลงมือ เฉินเล่อก็เป็นฝ่ายหายตัวไปก่อน และวินาทีถัดมาเขาก็ไปปรากฏตัวอยู่ข้างสัตว์ประหลาดตัวนั้น
“แกทำได้ยังไง…” เฉินเล่อมองหน้าหลิงม่อด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ราวกับว่ายากที่จะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่าไม่นานเขาก็เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา “แต่ว่า ฉันเข้าใจพลังของแกแล้วล่ะ การโจมตีที่มองไม่เห็น แต่มีขีดจำกัดเรื่องระยะห่างและอานุภาพ ยิ่งระยะห่างมากเท่าไหร่ พลังก็ยิ่งอ่อน สามารถตั้งรับการโจมตีได้ แต่เดาว่าก็คงมีขีดจำกัดเหมือนกัน…”
เขาทำท่าครุ่นคิด แล้วพูดต่อว่า “พลังจิต แต่พลังงานทางจิตของแกจะยืนหยัดไปได้อีกนานแค่ไหนกัน?”
“ไม่เลวนี่” หลิงม่อเอ่ยปากชม
เดิมเฉินเล่อท่าทีได้ใจ แต่สายตาดูถูกของหลิงม่อ กลับทำให้รอยยิ้มของเขาค่อยๆ จางไป กลายเป็นความโกรธขึ้งเข้ามาแทนที่ เขาพูดเสียงเข้ม “หมายความว่าไง?”
“ไม่ได้มีแค่แกที่กำลังหยั่งเชิงอยู่นะ” หลิงม่อบอก “ฉันขอเดานะ การล่องหนของนาย น่าจะได้ผลแค่ในระยะ 30 เมตรใช่ไหมล่ะ?”
เฉินเล่อไม่พูด แต่สีหน้าของเขาบูดบึ้งทันที ซึ่งนั่นกลับเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
ความจริงแล้ว ตอนนี้ในสมองของเขากำลังคิดอยู่เพียงเรื่องเดียว : เจ้าหมอนั่นรู้ได้ยังไง!
ไม่นาน เขาก็ตระหนักได้ว่า การโจมตีที่ดูอ่อนหัดและเสียเวลาทั้งหมดก่อนหน้านี้ของหลิงม่อ ความจริงก็คือการหยั่งเชิงอย่างหนึ่ง…
เฉินเล่อเปลี่ยนแปลงตำแหน่งในการปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง ระหว่างนั้นเขาก็ได้ค้นพบว่าพลังจิตจู่โจมของหลิงม่อมีจุดอ่อนเรื่องระยะห่าง และหลิงม่อเองก็ค้นพบจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเขาเหมือนกัน
เดิมเขาสามารถอาศัยสัตว์ประหลาดมาหยั่งเชิงหลิงม่อได้อย่างสบาย แต่เพราะการโจมตีอย่างต่อเนื่องอันน่าโมโหของหลิงม่อ เขาเลยถูกกระตุ้นให้โกรธได้โดยง่าย
จากที่ดูตอนนี้ เมื่อกี้เขาคิดว่าหลิงม่อคือไอ้อ่อนที่น่าเบื่อคนหนึ่ง แต่ในใจของหลิงม่อกลับกำลังคิดอย่างได้ใจว่า เขามันก็แค่ไอ้หน้าโง่ที่โดนหลอกได้อย่างง่ายดาย…
“ดังนั้น แกก็เลยเป็นไอ้โง่ที่แท้จริงไงล่ะ” หลิงม่อส่ายหน้าไปมา แล้วบอก
เขี่ย! เฉินเล่อกำหมัดแน่น หน้าซีดเหมือนแผ่นเหล็ก
“แต่ตอนแรกฉันนึกว่าพลังล่องหนของนายไม่มีพลังโจมตี คิดไม่ถึงว่านายจะอดกลั้นไม่ลงมือไว้น่ะ” หลิงม่อพูดต่อ
“แล้วยังไง?” ถึงแม้จะรู้ดีว่าหลิงม่อกำลังใช้คำพูดเหล่านี้เพื่อล้วงความลับ แต่เฉินเล่อกลับอดถามต่อไม่ได้
หลิงม่อยังคงยิ้มอ่อนต่อไป “ความจริงนายเป็นผู้มีความสามารถทางด้านพลังจิต”
“อะไรนะ?!”
คราวนี้คนที่ตะโกนเสียงดังลั่น กลับเป็นมู่เฉินที่ยังพิงกำแพงอยู่
ตั้งแต่ที่เฉินเล่อแสดงความสามารถพิเศษของเขาให้เห็น มู่เฉินก็มั่นใจมากว่าเจ้าหนูคนนี้เป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้านศักยภาพร่างกาย
ความเร็วนั่น และท่าทางลึกลับนั่น…จะเป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตไปได้อย่างไร?
อีกอย่างหากเป็นผู้มีพลังจิต หลิงม่อก็น่าจะดูออกตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อตอนแรกเขาดูไม่ออก แล้วทำไมจู่ๆ ก็คิดว่าเขาเป็นผู้มีพลังจิตกันล่ะ?
ตัวเฉินเล่อเองก็เหมือนจะตกใจมากเหมือนกัน หนึ่งวินาทีผ่านไป เขาก็ถามว่า “นายรู้ได้ไง?”
“ห๊า เรื่องจริงหรอเนี่ย!” มู่เฉินยกมือขึ้นตบหน้าผาก พลางพูดขึ้นอย่างตกใจ
“เพราะฝีมือนายแย่เกินไป” หลิงม่อตอบ แต่คำตอบของเขาเกือบทำมู่เฉินสำลักพรวดออกมา
ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเห็นใจเฉินเล่อบ้างแล้วสิ ท่าทางเด็กหนุ่มผมสีเพลิงที่กำลังกำหมัดแน่นและกัดฟันกรอด แต่กลับไม่สามารถโต้ตอบใดๆ ได้ ทำให้มู่เฉินเห็นแล้วอดรู้สึกเจ็บใจแทนไม่ได้
แข่งลองเชิงเพื่อล้วงความลับกับหลิงม่อ ผลปรากฏว่าเขาแพ้ยับเยิน!
ไม่เพียงเท่านี้ ยังถูกหลิงม่อพูดจาดูถูกรัวๆ เดาว่าตอนนี้เขาคงโมโหจนแทบขาดสติแล้ว
ผู้มีพลังจิตที่ไม่สามารถควบคุมจิตใจให้นิ่งสงบได้ เท่ากับรนหาที่ตายชัดๆ…
มู่เฉินเหลือบมองหลิงม่ออย่างกลัวๆ ตอนนี้เขาทั้งทึ่ง และหวั่นเกรงในตัวเด็กหนุ่มคนนี้
เทียบกับเฉินเล่อที่กำลังตกอยู่ในความหวาดระแวง หลิงม่อดูหลักแหลมกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ตอนที่เพิ่งเจอเฉินเล่อ เขายังคิดว่าทั้งสองคนมีจุดคล้ายๆ กันอยู่บ้าง
พวกเขาชอบยิ้ม และทำท่าทางไม่ค่อยแคร์อะไรเหมือนกัน…คนแบบนี้มักเป็นคนที่มีความคิดความอ่านไม่เลว
แต่จากที่เห็นในตอนนี้ พอเทียบกับหลิงม่อแล้ว เฉินเล่อยังด้อยกว่าอีกหลายขุม “ความผ่อนคลาย” ของเขาถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของพลัง แต่หลิงม่อนั้นถึงแม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เขาก็ยังคงความคิดและท่าทีอย่างงนี้ไว้ได้เสมอ
ตอนนี้พอทั้งสองปะทะกันซึ่งๆ หน้า ความแตกต่างก็ปรากฏออกมาให้เห็นทันที
“ในเมื่อเป็นผู้มีพลังจิต เรื่องก็ง่ายขึ้นเยอะ…” น้ำเสียงของหลิงม่อฟังดูมีความมั่นใจมากขึ้น
“งะ…ง่าย” เฉินเล่อเผยรอยยิ้มคลุ้มคลั่งออกมาทันที น้ำเสียงพลันดูดุดันขึ้น “ดูออกก็ไม่มีประโยชน์หรอก ยังไงฉันก็ยังทำให้แกคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าฉันได้เหมือนเดิม แกรู้ไหมว่าฉันจะทำอะไรแก? ฉันจะให้แกมองดูแฟนสาวคนสวยของแกถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา จากนั้นก็ถูกหมายเลข 1 กินซะ! ฮ่าฮ่าฮ่า…ไม่ๆๆ ให้เธอกินดีกว่า”
เฉินเล่อพยักพเยิดไปทางสวี่ซูหาน “ให้แฟนสาวคนสวยคนนั้นของแก กินแฟนสาวคนอื่นๆ ของนายซะ ดีไหมล่ะ? ฮ่าฮ่าฮ่า…”
“เธอไม่ใช่แฟนของฉัน” หลิงม่อตอบอย่างใจเย็น
“…” เสียงหัวเราะของเฉินเล่อสะดุดทันใด จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นคลั่งแทน ความรู้สึกที่ “ตัวเองอุตส่าห์แสดงพังออกมาอย่างเต็มที่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านซักนิด” อย่างนี้ ก็เหมือนกับออกหมัดต่อยปุยฝ้ายเต็มแรง จากนั้นก็มองดูมันค่อยๆ กลับสู่สภาพเดิม
รู้สึกไร้ความสามารถ! และเคียดแค้น!
“แกหลงประเด็นแล้ว!”
แต่เสียงพูดของเฉินเล่อเพิ่งจะจบ หัวไหล่ของเขาก็มีรูแผลปรากฏขึ้นมาหนึ่งแผล
เฉินเล่อหายตัวไปขณะที่มีสีหน้าตกใจสุดขีด เพื่อหลบปืนของเย่เลี่ยนที่กำลังเล็งตามมาติดๆ
“จิ๊ ยิงไม่โดนหัว” หลิงม่อพูดอย่างเสียดาย
“ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายได้เปรียบแต่กลับยังลอบโจมตีอีก…” มู่เฉินเองก็ปากอ้าตาค้าง ตอนนี้เขาไม่แน่ใจแล้วว่าหลิงม่อเป็นคนกวนประสาทอย่างนี้อยู่แล้ว หรือว่าเขาจงใจทำให้อีกฝ่ายเสียสมาธิกันแน่
ถ้าหากเป็นอย่างแรก คนคนนี้ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว นี่มันเหมือนสลักความไร้ยางอายกับความชั่วร้ายลงในสัญชาตญาณเลยนะ!
พริบตาเดียวเฉินเล่อก็ไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังสัตว์ประหลาดตัวนั้น เขายกมือขึ้นตบมันหนึ่งที พลางใช้มือข้างเดียวกันกุมหัวไหล่ตัวเอง แล้วผิวปากด้วยความฉุนเฉียว!
“หมายเลข 1 ลุย!
เมื่อเสียงตะโกนของเฉินเล่อดัง หมายเลข 1 ที่สภาพเหมือนใกล้ตายรอมร่อ กลับลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ
ยิ่งกว่านั้น มันเพิ่งจะยืนขึ้น ก็ออกตัวพุ่งเข้ามาทันที
ระหว่างที่พุ่งมาข้างหน้า มันเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วสองครั้ง เพื่อหลบปากปืนของเย่เลี่ยน และพุ่งตรงมาหาหลิงม่อ
แต่หลิงม่อที่กำลังมองดูมันเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง ยิ่งรู้สึกบางอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“มันไม่ใช่ซอมบี้!”
ความคิดนี้มักผุดขึ้นมาในสมองของหลิงม่อเป็นระยะๆ แต่ครั้งนี้ เขาค่อนข้างมั่นใจแล้ว
ขณะเดียวกันร่างของเฉินเล่อก็หายวับไปกับตา จากนั้นก็ตามมาปรากฏตัวอยู่ด้านข้างสัตว์ประหลาด เพื่อฉวยโอกาสใช้มันเป็นกำบังให้ตัวเอง “30 เมตรแล้วยังไง? แกออกห่างจากฉันให้ได้แล้วกัน!”
พูดจบ เขาก็สลายตัวเป็นฟองสบู่แล้วหายวับไป
“เลิกลอบโจมตี แล้วหันมาสู้พร้อมกันแล้วหรอ?” หลิงม่อหัวเราะเย็นชา “ทำหน้าที่เป็นคนเลี้ยงสัตว์ของแกไปเถอะ!”
หนวดสัมผัสหลายสิบเส้นที่เตรียมพร้อมไว้นานแล้ว พุ่งเข้าไปยังหมายเลข 1 พร้อมกันทั้งหมด!
การหยั่งเชิงจบลงแล้ว และตอนนี้ เขาจะใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน!
—————————————————————————–