บทที่ 40 ความแข็งแกร่งของกิ้งก่าเพลิง

ราชาซากศพ

บทที่ 40
ความแข็งแกร่งของกิ้งก่าเพลิง

ผลที่ได้นั้นไม่เหมือนที่เถาจุนคิด เขาคิดว่ากิ้งก่าเพลิงจะถูกสังหารทันทีที่ส่งออกไป ตรงกันข้ามกับเป็นกิ้งก่าเพลิงที่สามารถข่มสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาและต่อสู้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ตามคำสั่งของหลินเว่ย เจ้ากิ้งก่าเพลิงก็วิ่งเข้าหาสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาอย่างดุร้าย ในเวลานั้นสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาก็ถูกจงชานและคนอื่น ๆ ทำให้ปั่นป่วนไปหมด เมื่อเห็นกิ้งก่าเพลิงวิ่งเข้ามา มันก็ไม่คิดอะไรแค่เหวี่ยงเท้าออกไปที่กิ้งก่าเพลิง

อุ้งเท้าของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขานั้นเหยียบเข้าไปที่หัวของกิ้งก่าเพลิงโดยตรง สัตว์อสูรยักษ์ภูเขาไม่สนใจจงชานและคนอื่น ๆ แต่ตรงเข้าโจมตีกิ้งก่าเพลิง ภาพที่เห็นคือหัวของกิ้งก่าเพลิงฝังอยู่ในพื้นดิน แต่สำหรับหางของมัน ยังคงฟาดไปที่สัตว์อสูรยักษ์ภูเขา
“ตูม!” เสียงทื่อ ๆ ดังขึ้น ขาของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาถูกหางของกิ่งก่าเพลิงฟาด ทันใดนั้นทั้งร่างก็เสียสมดุลและล้มลงบนพื้น
จากนั้นกิ้งก่าเพลิงใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ กระทืบเท้าลงบนพื้นด้วยแรงทั้งหมด “ตูม!” ไม่ใช่คำสั่งของหลินเว่ยแต่เป็นสัญชาตญาณของสัตว์โครงกระดูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิ้งก่าเพลิงที่มีร่องรอยของภูมิปัญญาที่จาง ๆ อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน หลินเว่ยนั้นมองเพียงร่างของกิ้งก่าเพลิง
แม้ว่าสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาจะล้มลงแต่มันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อกิ้งก่าเพลิงเอาหัวออกมาจากพื้นดิน สัตว์อสูรยักษ์ภูเขาก็พลิกตัวและลุกขึ้นยืนหางของกิ้งก่าเพลิงสะบัดเอาเศษดินออกจากร่างของมัน

สัตว์อสูรยักษ์ภูเขานั้นพุ่งการโจมตีมาที่กิ้งก่าเพลิงเต็มที่ แม้ตอนแรกมันจะถูกจงซานและคนอื่น ๆ ดึงความสนใจเอาไว้ แต่ตอนนี้มันหันมาสนใจเพียงกิ้งก่าเพลิงเท่านั้น
เมื่อทั้งจงชานและสองคนที่เหลือ เห็นดังนั้นพวกเขาจึงเข้าไปหาหยางอี้ และปกป้องหยางอี้ในเวลาเดียวกัน
“โฮก!”
หลังจากการปะทะกันหลายครั้ง สัตว์อสูรยักษ์ภูเขาก็ถอยร่นออกไปหลายก้าวติดต่อกัน กิ้งก่าเพลิงจับพื้นแน่น แทบจะไถลไปไกลแต่เท้าของมันตรึงอยู่ที่พื้น
เห็นได้ว่าในด้านความแข็งแกร่งของกิ้งก่าเพลิงนั้น ร้ายกว่าสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาเล็กน้อย

แม้ว่าสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาจะเก่งกว่าสัตว์อสูรทั่วไปในเรื่องความแข็งแกร่ง แต่เมื่ออยู่เบื้องหน้ากิ้งก่าเพลิงก็ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ กิ้งก่าเพลิงทิ้งน้ำหนักของมันไปที่อุ้งเท้าและรีบวิ่งเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง
หลังจากที่สัตว์อสูรยักษ์ภูเขาลุกยืนได้แล้ว มันก็ไม่ผลุนผลันเหมือนเมื่อก่อน เมื่อเห็นกิ้งก่าเพลิงแกว่งหางและรีบวิ่งเข้ามาหามัน ปากของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขา ก็มีรอยยิ้มที่ไม่สามารถอธิบายได้ จากนั้นหลินเว่ยก็รู้สึกว่ามีแรงกดดันที่แข็งแกร่งโผล่ออกมาจากสัตว์อสูรยักษ์ภูเขา

“นี่เหรอพลังงานที่สะสมไว้ในสัตว์ร้ายตัวนี้ ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าหยางอี้เสียอีก มันน่าจะเริ่มใช้ทักษะระดับกลาง” เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มีเลศนัยของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขา หลินเว่ยก็คิดในใจเล็กน้อย
และเข้าใจแผนการของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาแล้ว หลินเว่ยนั้นจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน หลินเว่ยสั่งกิ้งก่าเพลิงหยุดฝีเท้าลงทันที
หลินเว่ยได้เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะขั้นกลางคือทักษะของการโจมตีที่รุนแรงในครั้งเดียว ดังเช่น สัตว์อสูรวานรสามารถทุบแรดนอเดียวเอาชนะได้เพียงการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ด้วยคำสั่งของหลินเว่ยกิ้งก่าเพลิงหยุดทันที แต่เนื่องจากมันวิ่งด้วยความเร็วมาก เมื่อมันหยุดเท้าอย่างกะทันหัน ร่างกายทั้งหมดก็จะไถลไปข้างหน้าเป็นระยะทางหนึ่ง เพื่อคงร่างกายให้เสถียร

ทันทีที่กิ้งก่าเพลิงทรงตัวได้ ทักษะของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาก็เริ่มใช้งานขึ้นแล้ว ทักษะดิน “วังวนแห่งความตาย”
นี่เป็นทักษะที่หาได้ยาก ตราบเท่าที่ถูกกักขังไว้จะไม่สามารถหนีไปไหนได้ ต้องถูกความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามสังหารจนตาย นอกจากว่าจะมีความแข็งแกร่งเหนือกว่า จึงจะสามารถหลุดพ้นได้

อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงทักษะขั้นกลางซึ่งมีข้อจำกัดอย่างมาก ทักษะนี้สามารถเปิดใช้ได้บนพื้นดินเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นหากฝ่ายตรงข้ามมีความแข็งแกร่งก็สามารถหลุดพ้นได้ หากพบฝ่ายตรงข้ามที่สามารถบินได้ มันก็ไร้ประโยชน์และทำได้เพียงจ้องมองเท่านั้น
แม้ว่าวังวนแห่งความตายจะเป็นทักษะที่มีข้อบกพร่องบางประการ แต่ก็มีผลดีมากกับศัตรูที่มีความแข็งแกร่ง
ระดับต่ำกว่าตนเองมันจะคงอยู่เป็นเวลานาน เมื่อเวลาผ่านไปจนกว่าผู้ใช้งานจะหยุดปล่อยพลังงาน และฝ่ายตรงข้ามจะยิ่งสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น
ฉะนั้น ทักษะระดับกลางนั้นมีประสิทธิภาพหากใช้งานได้อย่างเหมาะสม

แม้ว่ากิ้งก่าเพลิงจะหยุดร่างของตนลง แต่หลินเว่ยก็เห็นว่าที่เท้าของมันมีวังวนก่อตัวขึ้น และอุ้งเท้าทั้งสี่ก็ถูกดินกลืนกินไป แม้ว่ากิ้งก่าเพลิงจะดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งหรือหลุดพ้นได้
ในช่วงเวลานี้หลินเว่ยสั่งกิ้งก่าเพลิงให้หยุดดิ้นรน หลินเว่ยตัดสินใจวิ่งมาในสนามรบของสัตว์อสูรทั้งสอง
เมื่อถึงระยะที่สามารถดึงกิ้งก่าเพลิงกลับมายังพื้นที่มิติได้ หลินเว่ยไม่รอช้าเก็บร่างของกิ้งก่าเพลิงกลับเข้ามิติทันที

ทันใดนั้นในขณะที่กิ้งก่าเพลิงในสายตาของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาที่กำลังดิ้นรนอยู่ในวังวนจากทักษะการโจมตีของมัน จู่ ๆ ก็พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย มันส่งเสียงร้องด้วยความโกรธที่ศัตรู จู่ ๆ ก็หายลับจากสายตาของมันโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“โฮก!” สัตว์อสูรยักษ์ภูเขาก็รู้สึกงุนงงและหันไปรอบ ๆ เพื่อมองหาศัตรูของตนเอง เพื่อที่จะโจมตีด้วยทักษะที่มันเรียกใช้งานอยู่ก่อนหน้านี้
แม้ว่าสติปัญญาของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาจะไม่สูงมากนัก แต่มันรู้ชัดเจนในหัวใจว่าการที่กิ้งก่าเพลิงศัตรูของมันหายตัวไป นั้นต้องมีสิ่งเกี่ยวข้องกับมนุษย์ที่อยู่ไม่ไกลจากร่างของมันแน่นอน มันหันเหสายตากลับไปมองหลินเว่ย
ราวกับตัดสินใจได้ว่า มันต้องจัดการกับมนุษย์ผู้นี้ให้จงได้

เนื่องจากการใช้พื้นที่มิติของหลินเว่ยนั้นสัมพันธ์กับระยะทาง ดังนั้นตำแหน่งปัจจุบันของหลินเว่ยจึงอยู่ใกล้กับ วังวนแห่งความตายทักษะของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขามาก โดยธรรมชาติแล้วสัตว์อสูรยักษ์ภูเขานั้น จึงพุ่งเป้าการโจมตีไปที่หลินเว่ย มันผลักความผิดทั้งหมดไปยังหลินเว่ยที่ทำให้ศัตรูของมันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในตอนนี้หลินเว่ยพบว่า ตัวเองนั้นตกอยู่ในสายตาของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาแล้ว หลินเว่ยรอจังหวะที่เหมาะสม และหลอกล่อสัตว์อสูรยักษ์ภูเขา เบื้องหน้าเขาหันเหความสนใจของมัน แต่เบื้องหลังกลับลอบปล่อยกิ้งก่าเพลิงออกมาเพื่อจะโจมตีสัตว์อสูรยักษ์ภูเขา หลินเว่ยกำลังหาโอกาสที่เหมาะสมสำหรับการโจมตี ดังนั้นเขาจึงปล่อยกิ้งก่าเพลิงให้หยุดนิ่งก่อน เพราะตอนนี้หลินเว่ย ดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขาอยู่

แต่ทว่าสัญชาตญาณของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขา เมื่อรับรู้ได้ถึงศัตรูของตนเองมันจึงละทิ้งความสนใจไปจากหลินเว่ยและหันหน้าไปมองหากิ้งก่าเพลิงอย่างรวดเร็ว

เมื่อพบศัตรู ดวงตาของสัตว์อสูรยักษ์ภูเขากลายเป็นสีแดง สัตว์อสูรยักษ์ภูเขาคำรามใส่กิ้งก่าเพลิง คราวนี้สัตว์อสูรยักษ์ภูเขาก็ทำเหมือนก่อนหน้ามันก็เปิดใช้ทักษะ จากนั้นกิ้งก่าเพลิงไม่ได้ขยับเท้าหนีไปไหนแต่มันเปิดใช้ทักษะ “ระเบิดลูกไฟ!” ทักษะระดับกลาง ลูกไฟเหล่านี้คือพลังจากสายเลือดพิเศษที่ทรงพลังอีกอย่างหนึ่งของกิ้งก่าเพลิง
เมื่อเห็นลูกไฟถูกปล่อยออกจากปากของกิ้งก่าเพลิง อสูรยักษ์ภูเขานั้นไม่ใส่ใจแม้เพียงน้อยนิด
มันกลับพุ่งเข้าใส่และมองระเบิดลูกไฟด้วยสายตาเหยียดหยาม และไม่ได้คิดที่จะป้องกันด้วยซ้ำไป
เห็นได้ชัดว่ามันดูแคลนทักษะการโจมตีของกิ้งก่าเพลิง