บทที่ 33 มัจจุราชแห่งยมโลก EnjoyBook
บทที่ 33 มัจจุราชแห่งยมโลก
“ห๊ะ?!” หวังเฉิงห่าวอุทาน“ นายกำลังจะบอกว่า ฉันเพิ่งนั่งอยู่กับผีเหรอ? มันจะเป็นไปได้ยังไง?! เมื่อวานฉันยังนั่นเรียนอยู่กับเธออยู่เลย! นายมีหลักฐานมั้ยล่ะ?”
“ หลักฐาน … ฮ่าฮ่าฮ่า … ” ฉินเย่หัวเราะออกมา ที่ไหนได้เขาก็ยังคงเป็นแค่เด็กน้อย ถ้าอีกฝ่ายมีความเป็นผู้ใหญ่กว่านี้สักนิด เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขากลัวจนหัวหด
ที่จริงฉินเย่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงช่วยหวังเฉิงห่าว เพราะคนอย่างหวังเฉิงห่าวมีแต่จะเป็นภาระเขาเท่านั้น
“สัญชาตญาณ” ฉินเย่เตะประตูอย่างแรงอีกครั้ง ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก
ทันใดนั้น
“ อ๊ากกกกก!!!” ก่อนที่ฉินเย่จะพูดจบ เสียงกรีดร้องโหยหวนนับไม่ถ้วนดังก้องมาจากห้องอาหาร กลิ่นเหม็นสนิมของเลือดก็ทำให้พวกเขารู้ทันที
มันเริ่มขึ้นแล้ว …
“ บ้าน้า … ” ฉินเย่สูดหายใจลึกและดึงหวังเฉิงห่าวให้รีบวิ่งลงไปชั้นล่าง เขาไม่คิดว่าผีร้ายจะบ้าคลั่งถึงขนาดนี้ราวกับว่าไม่ได้คำนึงถึงพลังหยางที่แฝงอยู่ในบริเวณนั้นเลยแม้แต่น้อย!
“ แล้วเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา” หวังเฉิงห่าวเริ่มรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาก็ยังถามถึงเพื่อนร่วมชั้นของเขา แม้ว่าเขาจะกำลังวิ่งสุดชีวิตและเหนื่อยหอบอยู่ก็ตาม
“ นี่นายยังห่วงคนอื่นอยู่หรอ! ถ้าไม่เพราะ … นายคิดว่าฉันจะพานายมาด้วยจริง ๆ เหรอ?” ฉินเย่ระเบิดเพราะหงุดหงิด จากนั้นเขาหายใจเข้าลึก ๆ และพูดต่อว่า “ ฉันขอโทษ แต่ผีร้ายตัวนี้มีพลังมากกว่าตัวที่อยู่ในบ้านของนายมาก ไม่มีอะไรที่ฉันสามารถทำได้เลย”
“ หวังว่าที่ทำอยู่ตอนนี้จะพอซื้อเวลาให้เราได้นะ”
ก่อนที่เขาจะพูดจบเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวจากด้านหลัง ก็เปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องแห่งความสิ้นหวังแทน ทั้งสองไม่พูดรอช้าและพุ่งขึ้นไปที่ชั้นสี่ ทันทีที่พวกเขาเดินมาถึงมุมทางเดินชั้นสาม ทั้งสองต่างก็ต้องผงะในทันที
มีประตูเหล็กปิดกั้นทางลง
ประตูเหล็กบานนี้มันเหมือนกับไม่สามารถเปิดออกได้เลย แม้ว่ายมทูตธรรมดาคนใด ก็สามารถกำจัดประตูเหล็กได้โดยไม่ต้องเสียเหงื่อด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้รูม่านตาของฉินเย่หดตัวลงในทันทีก็คือตรายันต์สีดำที่มนุษย์มองไม่เห็น
พลังงานหยิน
เป็นพลังหยินที่ล้นหลามมากเสียด้วย!
ฉินเย่ใช้เวลาดูเพียงครั้งเดียวก็รู้ได้ในทันทีเลยว่านี่ไม่ใช่ตราผนึกที่เขาสามารถทำลายได้ด้วยตัวเองแน่ และเขารู้แน่ชัดแล้วว่าเขาไม่มีทางเอาชนะผีตนใดที่สามารถสร้างยันต์ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้
“นี่คือ … ตราของมือสังหารแห่งยมโลก?” อาร์ทิสอุทานทันที“ นี่หมายความว่าวิญญาณร้ายนี่คือมัจจุราชแห่งยมโลกหรอ?”
“นั่นอะไรน่ะ?”
อาร์ทิสหยุดชั่วขณะก่อนจะอธิบาย“ เจ้า … วิ่งให้เร็วและไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ มัจจุราชแห่งยมโลก … ถือว่าเป็นหนึ่งในกองกำลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในนรก “
“ ยันต์นี้เรียกว่ายันต์ปราบอสูรเวทเก้าภาค ตราบใดที่ตราประทับยังคงอยู่ พลังหยินจะไม่รั่วไหลออกมาเลย เว้นแต่จะมีอำนาจของตุลาการนรก จงอย่าคิดที่จะแยกมันออกจากกันเชียว”
แม่งเอ้ย!
ฉินเย่หันกลับมาและวิ่งไปที่ห้องจัดงาน หากนี่เป็นทางตัน ก็คงจะเหลือแค่ทางเดียว
นั่นก็คือ การเผชิญหน้าอย่างเต็มรูปแบบกับมัจจุราชแห่งโลกใต้พิภพ
“ ฉะ ฉะ ฉินเย่ … ” หวังเฉิงห่าวสั่นสะท้านด้วยความกลัว
“นี้เจ้าหนู…” ทวารทั้งเจ็ดของฉินเย่กำลังกระเพื่อมไปด้วยคลื่นพลังหยิน “ต่อจากนี้หน้าที่เดียวของนายคือวิ่ง ฉันดูแลนายไม่ได้แล้ว จะเป็นหรือตาย ขึ้นอยู่กับตัวนายเอง” [1]
“แล้วนายล่ะ?”
กึก… ตอนนี้กระบี่ของฉินเย่เริ่มขยายตัว น้ำเสียงของฉินเย่เย็นชาและเยือกเย็น “ ถ้าฉันตายอย่าลืมถวายเครื่องเซ่นให้ฉันในช่วงเทศกาลเชงเม้งด้วยละ ฉันมาจากหมู่บ้านเนินเขาหลิวเอ๋อ แม่น้ำกาจือ เมืองถังอัน นครฉิงกวง”
สถานที่แห่งนี้ถูกปิดตายไปแล้ว คนด้านนอกไม่มีทางหาพวกเขาเจอแน่ ในเมื่อไม่อาจซ่อนตัวต่อไปได้ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนอีกต่อไป
ตูม!
พลังงานหยินของฉินเย่ปะทุขึ้นเต็มที่ทันทีที่เขากลับเข้าไปในห้องโถงใหญ่ กระแสพลังงานเล็ก ๆ ไหลเข้าเต็มทางเดิน แม้ว่าจะเป็นตอนเย็น แต่หวังเฉิงห่าวสามารถบอกได้ว่าทางเดินทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยควันดำเป็นลูกคลื่นและสามารถได้ยินเสียงร้องของผีนับร้อยตนจากระยะไกล
พรึ่บ พรั่บ … เสื้อผ้าของฉินเย่เริ่มกระพืออย่างรุนแรง เขาได้เปลี่ยนร่างเป็นยมทูตแล้ว เสื้อคลุมยาวสีดำปักลวดลายขาว ดำสามรอบ โซ่ตรวนวิญญาณถูกพันรอบเอวของเขา เขาสวมหมวกสีดำปิดใบหน้าครึ่งบนเอาไว้ทั้งหมด แขนของฉินเย่จับที่ด้ามกระบี่ปีศาจของเขาแน่นจนเส้นเลือดรอบแขนของเขาปูดเหมือนพร้อมที่จะระเบิด สายตาของเขามุ่งไปที่ในห้องโถงใหญ่ปลายสุดของทางเดิน
อีกฝั่งในห้องจัดงาน นายหุ่นเชิดเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปที่ทางเดินด้านหลังของห้องโถง จากนั้นเขาก็ร้องด้วยเสียงแหบแห้ง “ยมทูต!!!”
ด้วยเสียงร้องของเขาทำให้พลังหยินที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาซึ่งหนากว่าพลังงานที่ไหลออกจากร่างกายของฉินเย่หลายสิบเท่ากระเพื่อมเหมือนคลื่นยักษ์ หลังจากเสียงร้องโหยหวนครั้งที่สอง เขาก็เปลี่ยนเป็นพลังหยินที่หนาแน่นและวิ่งลงไปชั้นล่าง
นี้เป็นพลังที่เกิดมาจากความหวาดกลัว
นรกสามารถกลับมาในยุครุ่งเรืองได้อย่างไรน่ะหรือ? เจ้าแห่งนรก ตุลาการนรกนับพัน นักล่าวิญญาณ ยมทูตขาวดำ และผีร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน ความหวาดกลัวได้ตราตรึงอยู่ในใจของเขาไปเสียแล้ว
ปัง! โคมไฟระย้าบนเพดานสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง โต๊ะและเก้าอี้ในห้องจัดงานก็ถูกพายุพัดตกระเนระนาด แต่ทันทีที่เขามาถึงชั้นสี่เขาก็หยุด
“ มีบางอย่างไม่ถูกต้อง … ”
“ นี่คือยมทูตของแท้… ความบริสุทธิ์ของพลังหยินนั้นไม่ผิดแน่ … แต่ไม่ว่ายังไง … ”
“ … มันเป็นแค่ยมทูตระดับยมเทพ ไม่ใช่แม้แต่นักล่าวิญญาณ … กล้าอวดพลังต่อหน้าข้าเชียวรึ!”
“รนหาที่ตายนัก!!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบพายุพลังหยินก็หมุนกลับและพุ่งตรงกลับไปที่ฉินเย่
อีกฝั่ง ฉินเย่รู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อเดินกลับเข้าไปในห้องจัดงาน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือผีร้ายอาจรออยู่ที่ปลายอีกด้านของทางเดิน เพราะว่าทางเดินแคบจนไม่มีที่ว่างสำหรับการซ้อมรบหรือหลบหนีเลย แต่เขาอาจจะไปถึงห้องโถงใหญ่ได้โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้
แม้ว่าเขาจะเตรียมใจไว้แล้วสำหรับฉากแห่งความหายนะ แต่เขาก็ยังตกใจกับการนองเลือดในห้องจัดงาน
เลือด
เลือดอยู่ทั่วทุกที่
การสังหารหมู่นี้ไม่มีใครรอด
เก้าอี้และโต๊ะส่วนใหญ่ถูกทุบจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผนังและพื้นถูกปกคลุมไปด้วยควันและรอยเฉือนเหมือนมาจากใบมีดอันทรงพลัง เพื่อนนักเรียนที่เพิ่งหัวเราะและเล่นกับเขาเมื่อสิบนาทีก่อนตอนนี้ …ทุกคนถูกแขวนอยู่บนโคมไฟระย้าในห้องโถง!
นักเรียนทุกคนถูกห้อยด้วยด้ายสีเข้ม แขนขาถูกมัดพวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตอย่างน่าอนาถ
นักเรียนลอยหมุนไปมาอย่างน่าขนลุกเลือดยังคงไหลลงมาจากร่างกายของพวกเขา กลายเป็นบ่อเลือดที่เจิ่งนองเต็มพื้น
ลมกระโชกของพลังหยินพัดไปมาอย่างหนาวเหน็บ ควันสีดำลอยอยู่รอบ ๆ ทำให้ดูเหมือนป่าช้าของอสูรที่น่าสะพรึงกลัว!
“ พรึ่บบ … ”หวังเฉิงห่าวไม่เคยเห็นภาพที่แปลกประหลาดแบบนี้มาก่อนในชีวิต เขาหันไปอ้วกทันที ฉินเย่ยังคงนิ่งแม้ว่าตอนนี้ร่างกายทั้งร่างจะตึงเครียดอย่างหนัก พลังหยินที่รุนแรงพุ่งตรงมาทางพวกเขาจากฝั่งทางเข้า ทั้งยังเป็นพลังงานที่แข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า!
พรึ่บบบ!!! เขาถูกแรงของพลังหยินพัดถอยไปไกลสามเมตร แม้ว่าเขาจะยืนในท่าที่มั่นคง แต่ร่างกายของเขากลับไม่สามารถต้านพลังนี้ได้เลย!
หากเปรียบพลังงานหยินของฉินเย่คือกระแสน้ำเล็ก ๆ พลังงานหยินของฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ต่างจากแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราก มันไหลเข้าท่วมห้องโถงในทันที บดบังแสงทั้งหมดภายในห้อง เปลี่ยนกลางวันเป็นกลางคืน!
ไม่นานก็มีเสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดดังขึ้นพร้อมกับร่างหนึ่งที่ออกมาจากคลื่นหมอกสีดำ มือของมันเปล่งประกายด้วยแสงและพุ่งตรงไปยังฉินเย่ราวกับสายฟ้าฟาด
มาแล้ว!
ร่างนั้นขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในดวงตาของฉินเย่ มันคือหลินเย่ ร่องรอยบาดแผลเห็นได้จากทุกข้อบนร่างกาย รวมถึงปากของเธอด้วย ผมของเธอสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง หลินเย่พุ่งเข้าใส่ฉินเย่โดยถือดาบที่แกะสลักด้วยกระดูกที่เหน็บไว้ข้างเอว
ฉินเย่ก็เคลื่อนไหวเช่นกัน เขาปลดกระบี่ยาวของเขาออกและปลดปล่อยการโจมตีของเขี้ยวจันทราทะลวงสวรรค์ที่มีความสูงหลายเมตร พลังหยินที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาถูกกวาดต้อนไปในทันที!
ปัง!!
แรงปะทะที่ระเบิดได้ส่งแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ที่กระเพื่อมผ่านพลังงานหยินรอบข้างเหมือนคลื่นที่ทรงพลังในมหาสมุทร ฉินเย่ส่งเสียงครางอู้อี้เพราะหลังเขากระแทกเข้ากับผนังด้านหลัง คลื่นแห่งความเจ็บปวดที่รุนแรงแผ่กระจายไปทั่วหลัง กระดูกของเขาแตก ร่างกายของหลินเย่กระจัดกระจายไปทุกทิศทางและสลายไป
“ระวัง” อาร์ทิสเตือนฉินเย่อย่างจริงจังว่า“ นี่คือนักเชิดหุ่น หนึ่งในอาชีพพิเศษเฉพาะทางในหมู่ผู้สื่อสาร! พวกเขาไม่เคยร่วมในการต่อสู้เป็นการส่วนตัว ช่วงเวลาที่พวกเขาปรากฏตัวก็เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาพ่ายแพ้เช่นกัน หากเจ้าไม่สามารถหาร่างของเขาได้ เจ้าก็จะต้องเผชิญหน้ากับหุ่นที่ไม่มีวันตาย! อย่าลืมว่าตอนนี้มีชิ้นส่วนร่างกายมากมายนับไม่ถ้วนอยู่รอบตัวเจ้า!”
ก่อนที่เธอจะพูดจบฉินเย่ก็เปลี่ยนกระบี่ปีศาจของเขากะทันหัน ร่างของฉินเย่เปล่งเสียงดังฟู่ขณะที่มันพุ่งเข้าใส่ฉินเย่ด้วยมีดผลไม้ มันพยายามจะแทงเขาตรงซี่โครง โชคดีที่ฉินเย่โจมตีกลับด้วยกระบี่ขนาดใหญ่ของเขา
มันคือ ซูเฉาหยาง
ซูเฉาหยางเป็นนักเรียนที่ได้คะแนน 7/10 ในแง่ของรูปร่างหน้าตา แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดไปหมด ดวงตาของเขาแดงก่ำ รอยช้ำสีม่วงปรากฏขึ้นทั่วร่างกายของเขา และน้ำลายที่ไหลไม่หยุดปกคลุมขากรรไกรของเขา
ทันใดนั้นฉินเย่ก็สังเกตเห็น หวังเฉิงห่าวนั่งอยู่บนพื้นใกล้ ๆ ขาของเขาอ่อนปวกเปียกและสั่นระริก เขาตะโกน“ ถอยไป!”
ทันทีที่เขาพูดจบใบมีดจำนวนมากก็ปรากฏ หมอกสีดำที่ปกคลุมรอบตัวเขาสั่นราวกับน้ำเดือด จู่ ๆ ก็มีนักเรียนประมาณแปดคนยืนอยู่รอบตัวเขา พวกเขาทุกคนถือมีดปอกผลไม้ ร่างกายพวกเขาบิดเบี้ยวจนจำไม่ได้
ทุกข้อบนร่างกายของพวกเขาเชื่อมด้วยด้ายสีดำซึ่งจางหายไปในความมืดด้านหลังพวกเขา ทั้งหมดส่งเสียงสยองขวัญน่าขนลุก
การแสดงเชิดหุ่นเพิ่งเริ่มต้น
“ อะ… อ่า …” หวังเฉิงห่าวตัวสั่น ในหัวของเขาว่างเปล่าจนกระทั่งเสียงตะโกนของฉินเย่ทำให้เขารู้สึกตัว เขาค่อย ๆ คลานไปที่ลิฟต์อย่างสั่นเท่า
เงียบ
ความเงียบงันเข้าปกคลุม
ฉินเย่ถือดาบปีศาจของเขาไว้ในมือท่ามกลางพวกผีที่น่ากลัว ความเงียบสงัดและหมอกสีดำปกคลุมไปทั่วทุกทิศ ฉินเย่เงี่ยหูเพื่อฟังการเคลื่อนไหวของพวกผี
แต่สิ่งเดียวที่เขาได้ยินกลับเป็นเสียงเต้นของหัวใจเขาเอง หยดเหงื่อไหลลงจากหน้าผากของเขา สมาธิของเขาถึงขีดจำกัดแล้ว อันที่จริงทุกรูขุมขนบนร่างกายของเขาถูกบีบรัดอย่างแน่นหนา มันเป็นความสงบก่อนพายุจะมา เหมือนการถดถอยของกระแสน้ำก่อนที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลัน …มีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ นี้เป็นครั้งแรกที่เขาเจอสถานการณ์ที่อันตรายที่สุดแล้ว
“มนุษย์หรือ?” เสียงหนึ่งดังก้องผ่านหมอกสีดำที่ปกคลุมไปทั่ว “เจ้าเป็น … คนที่ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”
“ ความเชี่ยวชาญกระบี่ของเจ้าบอกข้าว่าเจ้าเคยฝึกฝนมันมาก่อน … ยมทูตแห่งนรกที่มีชีวิตนั้นหายากเหลือเกิน …เห็ดเทียนสุ่ยหรือ? ของในตำนานนั่นเมื่อกินเข้าไปก็จะเป็นผู้ที่สามารถดำรงชีวิตได้สองพิภพทั้งบนโลกมนุษย์และโลกใต้พิภพ … ดังนั้นเจ้าจึงถูกเลือกให้เป็นยมทูตใช่หรือไม่?”
เขาพูดแบบเนิบ ๆ แต่ฉินเย่ก็เข้าใจว่าเหตุผลเดียวที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีท่าทีสงบก็เพราะมันรู้ว่าชัยชนะอยู่ในมือกำมือของมันนี้เอง
ฟรึ่บ … ในตอนนั้นเขาประหลาดใจ ที่เห็นว่าศพทั้งหมดรอบตัวเขาได้วางมีดลงพร้อมกัน
“ ข้าจะให้โอกาสเจ้าเพียงแค่ครั้งเดียว”
“ ถ้าเจ้าให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อปรมาจารย์ของข้า วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป เจ้าควรจะขอบคุณที่คุณมีร่างกายอันมีค่า”
“ ข้าจะให้เวลาเจ้าตัดสินใจหนึ่งนาที”
ดวงตาของฉินเย่เริ่มมีประกาย แต่เขาก็ยังคงนิ่งเงียบ นั่นเป็นเพราะอาร์ทิสพูดอยู่กับเขาตลอด
“ให้ข้าออกไป”
“เจ้าสู้มันไม่ได้ จะไม่มีใครสามารถปกป้องเจ้าได้นอกจากข้า!”
“และมันยังพูดถึงบางอย่างเกี่ยวกับ ‘เจ้านาย’ ถ้าเจ้าไม่ฆ่ามันตอนนี้แล้วหากเขาไปรายงานเหตุการณ์นี้ให้ปรมาจารย์ของมันฟัง เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น? คราวนี้เจ้าอาจจะรอด แต่คราวหน้าล่ะ”
“ ถ้าเจ้าปล่อยข้าออกไปตอนนี้ … ข้าก็ขอปฏิเสธที่จะเชื่อว่าปรมาจารย์ของมันเป็นระดับชั้นตุลาการนรก! เพราะแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ความแตกต่างระหว่างหน่วยงานระดับตุลาการนรกนั้นมีมากมาย “
“ และข้า … คือตุลาการชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย คือผู้ที่สามารถรอดพ้นจากการล่มสลายของนรกที่เกิดจากการขึ้นสู่สวรรค์ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์!”