เกมแรกอันพาแกรนด์ชนะไป 

 

 

กองเชียร์ส่งเสียงดังกึกก้อง 

 

 

แคลร์เหลือบมองท่านทูต เขามองนิ่งๆ ในขณะที่คนอื่นในพื้นที่พิเศษต่างนิ่งเฉยไม่ได้แสดงออกอะไร มีเพียงฮองเฮาที่มีสีหน้ายินดี 

 

 

“แคลร์ ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เจ้าคิดว่าชายผู้นี้ชนะง่ายเกินไปหรือเปล่า?” วัลโดสงสัย 

 

 

แคลร์ไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจของนางเห็นด้วยกับวัลโด การประลองนี้ง่ายเกินไปจริงๆ หากดูตามเหตุผลแล้ว ฝ่ายตรงข้ามล้วนเป็นคนที่มีเวทย์ขั้นสูง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำผิดพลาดในเรื่องเล็กน้อยอย่างการประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป แต่ว่าในความจริงแล้วฝ่ายตรงข้ามได้พ่ายแพ้ต่อลูกศรน้ำเนื่องจากประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไปจริงๆ 

 

 

นักเรียนของโรงเรียนไรซิ่งซันเข้าไปล้อมยินดีกับนักเวทย์ธาตุน้ำที่ลงจากแท่นสูงราวกับวีรบุรุษ นักเรียนหญิงคนหนึ่งช่วยจัดแต่งทรงผมให้เขาอย่างดีและยื่นผ้าขนหนูให้นักเวทย์ธาตุน้ำใช้ 

 

 

ถึงแม้โรงเรียนอีกฝั่งจะเงียบ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดหรือโวยวายอะไร แคลร์เหล่มองเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นจะคาดการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ คงไม่ดีแล้วล่ะ 

 

 

สัญชาตญาณของแคลร์ถูกต้องอีกครั้ง 

 

 

ในการประลองระหว่างนักรบกับนักรบในรอบต่อไปนั้น นักรบที่ทรงพลังที่สุดในไรซิ่งซันเกือบจะเสียชีวิตจากการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม หากไม่มีโล่สามเหลี่ยมจากปรมาจารย์คลิฟ อันพาแกรนด์จะต้องสูญเสียนักรบผู้กล้าในอนาคตไปอย่างแน่นอน การต่อสู้ครั้งนี้เรียกได้ว่าจริงจังมาก พลังยุทธ์ที่ปะทุออกมาล้วนทำให้ทุกคนทึ่ง นักเรียนอายุเพียงเท่านี้แต่เป็นนักดาบที่แข็งแกร่งจริงๆ! 

 

 

เมื่อนักเรียนของไรซิ่งซันที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดถูกพาตัวลงไป นักเรียนของโรงเรียนไรซิ่งซันคนอื่นๆ ก็มองชายที่ยืนอยู่บนแท่นสูงด้วยความเกลียดชัง ดวงตาของชายผู้นั้นเป็นสีแดงดูกระหายเลือด ใบหน้าของเขามีความเยาะเย้ยอยู่ จากนั้นชายผู้นั้นก็ทำพฤติกรรมบางอย่างที่น่ารังเกียจยิ่งขึ้นไปอีก เขาเก็บดาบแล้วใช้มือเสยผมที่ไม่ได้ยุ่งเหยิงในการต่อสู้เลยสักนิดของเขาเบาๆ แล้วก้าวเท้าของเขาลงจากแท่นสูง 

 

 

การกระทำนี้ทำให้นักเรียนของไรซิ่งซันโกรธเป็นอย่างมาก 

 

 

“สุ่ยเหวินโม่ เจ้ายังทำเป็นเล่นอยู่อีก จริงจังหน่อยไม่ได้หรือ? ” เฟิงอี้เซวียนพูดอย่างดูถูกทันทีที่นักรบผู้นั้นมายืนอยู่หน้าเก้าอี้นั่งของพวกเขา 

 

 

“ท่าเสยผมที่สมบูรณ์แบบของข้า อย่างไรข้าก็จะทำไปตลอดชีวิต” นักรบที่ชื่อว่าสุ่ยเหวินโม่ยื่นมือออกมาแล้วเสยผมอีกครั้ง 

 

 

ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ มองทั้งสองคนด้วยความชื่นชม ทั้งสองคนมีนามสกุลโบราณและพรสวรรค์ของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา พวกเขาเป็นสหายที่สมบูรณ์แบบมาก นักเวทย์ที่ทรงพลังและนักรบที่แข็งแกร่ง พวกเขาเข้ากันได้ดีเสมอมา… รวมทั้งยามที่ทั้งสองต่อล้อต่อเถียงกันด้วย 

 

 

“น่าปวดหัวจริงๆ เจ้าสร้างปัญหาให้ข้า ตอนนี้คนเหล่านั้นคงจะอยากกำจัดเจ้ามากๆ แล้วเอาความโกรธนั้นมาระบายใส่ข้าแทนในไม่ช้านี้” เฟิงอี้เซวียนพูด ถึงแม้ปากของเขาจะพูดไปเช่นนั้น แต่ท่าทางของเฟิงอี้เซวียนนั้นดูไม่แยแสเลย 

 

 

“พอเถอะน่า ครั้งที่แล้วเจ้าก็ทำเรื่องน่าอายไว้ไม่น้อย เจ้าปวดท้องเข้าห้องน้ำในช่วงเวลาสำคัญที่กำลังจะกำจัดหญิงไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำผู้นั้น สุดท้ายเจ้าก็แพ้ เป็นเรื่องตลกคลาสสิกจริงๆ ปีนี้เจ้าคงไม่แพ้นางอีกหรอกนะ” สุ่ยเหวินโม่พูดดูถูกเฟิงอี้เซวียนที่กำลังบ่นเขา 

 

 

“เฟิงอี้เซวียน คราวนี้ไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่? ” อาจารย์ที่อยู่ข้างๆ เขากังวลเล็กน้อย 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ก็ขึ้นไปเองเลยสิ” เฟิงอี้เซวียนเลิกคิ้วหันหน้าไปมองอาจารย์ที่ดูกังวลแล้วพูดออกมา อาจารย์เงียบไปทันทีเพราะเขาไม่สามารถรับมือกับนักเรียนคนนี้ได้ เฟิงอี้เซวียนไม่สนใจผลลัพธ์ของการประลองนี้ ทั้งเขาและสุ่ยเหวินโม่ทำตามใจตัวเองมาโดยตลอด และพวกเขามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้เพราะทั้งคู่มีภูมิหลังที่ยาวนานและความแข็งแกร่งอันเป็นเลิศ 

 

 

เฟิงอี้เซวียนลุกขึ้นหาว สะบัดคอจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง แล้วเดินไปข้างหน้าช้าๆ 

 

 

สุ่ยเหวินโม่เดินไปตรงที่นั่ง ขณะที่ทั้งสองเดินสวนกัน สุ่ยเหวินโม่ก็กระซิบให้ได้ยินกันแค่เพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น “เจ้าจะฆ่าหญิงผู้นั้นหรือไม่? “ 

 

 

“เจ้าคิดเช่นไรล่ะ? ” เฟิงอี้เซวียนเหล่มองไปที่แท่นสูงของการประลองด้วยรอยยิ้ม แต่ในดวงตาของเขากลับเย็นชา 

 

 

“เหอะๆ ” สุ่ยเหวินโม่หัวเราะ เขาเดินกลับไปนั่งและเตรียมเพลิดเพลินกับการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมนี้ เขารู้จักนิสัยของเฟิงอี้เซวียนดี คราวนี้สาวผมทองผู้นั้นคงได้ลาโลกแล้วล่ะ 

 

 

แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเด็กหนุ่มผมแดงที่เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้าๆ กลิ่นอายสังหารที่ตัวของเขาถูกปกปิดไว้อย่างดีทีเดียว แต่ก็ยังไม่รอดพ้นการรับรู้ของแคลร์ไปได้ เพราะแคลร์คุ้นเคยกับกลิ่นอายเช่นนี้เป็นอย่างมาก 

 

 

ดูเหมือนว่าชายผู้นี้ไม่ได้ต้องการแค่ประลองจริงๆ 

 

 

เขาต้องการฆ่าราเซีย! 

 

 

แคลร์ปวดหัวขึ้นมาทันที เด็กผู้หญิงที่น่ารำคาญนั่นจะเป็นหรือตายก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนาง แต่ถ้าราเซียตาย แคทเธอรีนผู้อ่อนโยนจะต้องเสียใจอย่างมากแน่นอน แค่แคลร์นึกถึงแม่ผู้อ่อนโยน หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น แคลร์จะทำทุกอย่างเพื่อแม่ผู้อ่อนโยน แคลร์จะปล่อยให้เด็กหญิงเอาแต่ใจคนนี้ตายไม่ได้เด็ดขาด 

 

 

ไม่มีใครรับรู้ถึงกลิ่นอายสังหารของชายหนุ่มที่ชื่อเฟิงอี้เซวียนเลย เขายิ้มได้อ่อนโยนราวกับดอกไม้ และค่อยๆ ก้าวขึ้นไปบนแท่นสูงท่ามกลางสายตาที่เกลียดชังของนักเรียนจากไรซิ่งซัน ท่าทีที่เกียจคร้านทำให้ไม่มีมีใครรับรู้ถึงกลิ่นอายสังหารของเขาได้เลย 

 

 

ความรู้สึกของชายหนุ่มที่ชื่อเฟิงอี้เซวียนนั้นแตกต่างจากราเซียอย่างสิ้นเชิง หากชายหนุ่มผู้นี้เป็นสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เช่นนั้นราเซียก็เป็นแกะตัวน้อยแต่ทรงพลัง 

 

 

“ราเซีย ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง” เฟิงอี้เซวียนโค้งคำนับอย่างสง่างาม 

 

 

ในสายตาของราเซียแล้ว สหายของชายผู้นี้เกือบจะฆ่ารุ่นพี่ไปแล้ว! น่ารังเกียจนัก! แค้นนี้จะต้องถูกชำระ ครั้งที่แล้วนางชนะมาได้เพราะเขาเกิดปัญหาระหว่างต่อสู้ แต่ครั้งนี้จะแตกต่างออกไป ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้นางได้ฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้นางจะต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยกำลังและความสามารถของตนเองให้ได้ 

 

 

“หยุดพูดจาไร้สาระ” ราเซียตะคอกแล้วท่องคาถาสั้นๆ ทันที เกิดฟ้าร้องและสายฟ้าขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าใส่เฟิงอี้เซวียน แน่นอนว่าราเซียรู้ดีว่าสิ่งนี้ไม่สามารถทำอันตรายเฟิงอี้เซวียนได้ นี่เป็นเพียงแค่การก่อกวนเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้เขาสับสนเพื่อซื้อเวลาให้นางได้ท่องคาถาอันทรงพลังมากขึ้น 

 

 

ใบหน้าของเฟิงอี้เซวียนแสดงความเย้ยหยันออกมา เขาโบกมือเล็กน้อยแล้วมือของเขาก็มีแสงสว่างจ้า แสงนั้นกระจายออกมาแล้วผลักสายฟ้าทั้งหมดของราเซียออกไป 

 

 

แคลร์ขมวดคิ้ว การเปิดเผยธาตุของเฟิงอี้เซวียนทำให้หัวใจของแคลร์เต้นแรง เฟิงอี้เซวียนเป็นนักเวทย์ธาตุน้ำแข็ง อีกทั้งความแข็งแกร่งของเขายังเหนือกว่าราเซียมาก 

 

 

“เหอะ น้องสาวที่แสนหยิ่งยโสของเจ้าประสบโชคร้ายครั้งใหญ่แล้วล่ะแคลร์ พวกเขาสองคนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยสักนิด” เสียงร้ายกาจของวัลโดดังขึ้นในหัวของแคลร์ ข้อเท็จจริงนี้จะได้รับการพิสูจน์ในอนาคต สายตาของวัลโดเฉียบคมจนถึงขั้นน่ารังเกียจเลยทีเดียว 

 

 

“เจ้ามองออกได้อย่างไร?” แคลร์สื่อสารกับวัลโดด้วยจิต 

 

 

“ลมหายใจของคนๆ นั้นคล้ายกับของข้ามาก” วัลโดยิ้ม “อย่าเข้าใจผิด เขาไม่ใช่นักเวทย์มนตร์ดำ ข้าหมายถึงจิตใจของเขาเหมือนกับของข้า” 

 

 

“ร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ ชอบซ่อนตัวอยู่ในความมืด ชอบวางแผนเงียบๆ แล้วฆ่าคนด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม” แคลร์พูดอย่างเย็นชา คนๆ นั้น หึ แน่นอนว่าเขาไม่ใช่นักเวทย์ธรรมดา กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากส่วนลึกของเขาเป็นลักษณะเฉพาะของนักฆ่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่านักฆ่าที่เชี่ยวชาญในเวทมนตร์อีกแล้ว นักฆ่าไม่สามารถเผชิญหน้ากับนักเวทย์หรือนักรบแบบตัวต่อตัวได้ หากทำเช่นนั้นก็เหมือนเอาไข่ไปกระทบหินอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าในตอนที่นักเวทย์ทำสมาธิหรือนักรบกำลังพักผ่อน นักฆ่าสามารถปลิดชีวิตของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเงียบๆ ยิ่งเป็นทั้งนักฆ่าและนักเวทย์ควบคู่กันก็นับว่าเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ 

 

 

วัลโดแสยะยิ้มที่มุมปาก แม้ว่าทั้งหมดที่แคลร์พูดมาจะเป็นความจริง แต่เมื่อออกจากปากของปีศาจน้อย ทำไมจึงฟังดูรุนแรงจังนะ 

 

 

“นั่นล่ะ ข้าคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของชายผู้นี้ เขาน่าจะสามารถร่ายเวทย์ได้ทันที ข้าคิดว่าเขาน่าจะมีแผนจัดการน้องสาวของเจ้าแล้วล่ะ” วัลโดกระพริบตาและพูดต่อไป 

 

 

จะช่วยหรือจะไม่ช่วยดี? 

 

 

“พายุ! เมฆา! สายฟ้า! ด้วยพันธะสัญญาแต่โบราณจงมาอยู่ข้างกายข้า! …สายฟ้าจงมา! ” ราเซียร่ายคาถาใกล้จะจบแล้ว หากใครถูกคาถานี้โจมตีเข้าคงจะไม่ดีแน่ ยิ่งถ้าเป็นคนธรรมดารับรองว่าตายแน่นอน โล่เวทย์ธรรมดาก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีนี้ได้แน่ นักเวทย์หลายคนดูหวาดกลัวและตกใจ ต่างพากันสงสัยว่าหากเป็นพวกเขาที่โดนคาถานี้แล้ว พวกเขาจะสามารถป้องกันการโจมตีที่น่ากลัวนี้ได้หรือไม่ 

 

 

เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นหน้าเปลี่ยนสี โมซาผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนไรซิ่งซันพยักหน้าอย่างชื่นชม การพัฒนาจนถึงตอนนี้ของราเซียเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ท่านทูตมองไปที่ราเซียที่อยู่บนแท่นสูงด้วยใบหน้าเรียบเฉย ถึงแม้เด็กผู้หญิงคนนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่นางก็ไม่ได้มีพลังมากพอที่จะเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่ไว้ชีวิตนางมาจนถึงตอนนี้หรอก 

 

 

คลิฟหาวแล้วมองไปที่กระโปรงของสาวใช้ข้างหลังอย่างเบื่อหน่าย 

 

 

เกิดลมแรง เมฆหมอกหนา ฟ้าร้องคำราม ไม่ช้าบริเวณแท่นสูงก็มืดสลัวลงเล็กน้อย 

 

 

เฟิงอี้เซวียนรู้สึกผ่อนคลาย เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างาม เหมือนกำลังรอให้ราเซียร่ายคาถาจนจบก่อน 

 

 

แคลร์มองแท่นสูงที่ค่อยๆ มืดลงด้วยความตกใจ ในสถานการณ์เช่นนี้สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนแท่นสูงนั้นได้เลย แต่แคลร์มองเห็นรอยยิ้มเย็นชาจางๆ บนใบหน้าของเฟิงอี้เซวียน 

 

 

นั่นมันคือรอยยิ้มมัจจุราช! 

 

 

เฟิงอี้เซวียนขยับนิ้วเล็กน้อย แท่งน้ำแข็งขนาดเล็กปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วของเขา เขาเพียงปล่อยโล่น้ำแข็งออกมากันสายฟ้าที่กำลังจะตกลงบนหัว จากนั้นเฟิงอี้เซวียนก็เริ่มร่ายคาถา แท่งน้ำแข็งขนาดต่างๆ จำนวนมากปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาเพื่อเตรียมที่จะต่อสู้กลับ มีเพียงแท่งน้ำแข็งเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ระหว่างนิ้วของเขาเท่านั้นที่ดูแปลกและมีกลิ่นอายประหลาดๆ ซึ่งแคลร์เองก็ไม่เข้าใจ 

 

 

…………………………………………………………………………………………………