“แทนที่จะมัวมาคิดเรื่องไร้สาระ ฉันควรคิดหาวิธีว่าจะใช้เงินก้อนนี้ไปยังไง…”
เผยเชียนยืนรับลมฤดูใบไม้ร่วงพลางครุ่นคิดหากลยุทธ์อยู่บนดาดฟ้าของหอพัก
“แค่เอาเงินไปซื้อทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ในเกมมันช้าเกินไป!”
“รายจ่ายหลักของบริษัทมีอะไรบ้าง ค่าเช่า ค่าไฟ เครื่องใช้สำนักงาน เงินเดือนพนักงาน…”
“ถ้าต้องจ่ายทั้งหมดที่ว่ามา รายจ่ายต่อเดือนไม่พุ่งไปไกลเลยเหรอ”
“ใช่…เอาแบบนี้แหละ ไหนดูซิ”
เผยเชียนหยิบมือถือเข้าเครื่องคิดเลขแล้วคำนวณอย่างรวดเร็ว
“หาเงินได้ห้าแสนในสัปดาห์แรก…เดือนหน้าตัวเลขต้องพุ่งขึ้นอีกแน่ กะดูแล้วน่าจะหาเงินได้ทั้งหมดห้าล้านหยวน กำไรสุทธิอยู่ที่สองล้านห้าแสนหยวนต่อเดือน”
“ถึงตัวเลขจะตกลงในอีกสองเดือนถัดไป แต่ก็ไม่น่าจะตกฮวบทันที”
“วันปิดบัญชีคืออีกสามเดือน”
“ถ้าประเมินให้ต่ำสุด ยอดกำไรสุทธิน่าจะพุ่งไปแตะหกล้านหยวน…”
“แม่งเอ๊ย! ทำอะไรลงไปเนี่ย!”
“ถ้าปล่อยไปแบบนี้ กำไรที่แปลงมาเป็นความมั่งคั่งส่วนบุคคลจะเท่ากับหกหมื่นหยวน แต่ถ้าเสียไปหมด เงินในความมั่งคั่งส่วนบุคคลของฉันก็จะเพิ่มมาห้าแสนหยวน…”
“จิ๊! ต่างกันเกินไปแล้ว!”
“ก็หมายความว่า ฉันต้องเสียเงินให้ได้หกล้านภายในสามเดือน…”
“คิดสิ คิด! จะเอาเงินไปลงตรงไหนให้ได้มากที่สุดดี”
“ถึงจะเช่าออฟฟิศที่แพงที่สุด ราคาประมาณห้าหยวนต่อตารางเมตรต่อวัน ถ้าพื้นที่กว้างสามพันเมตร ก็เท่ากับสี่แสนห้าหมื่นหยวนต่อเดือนเอง”
“จ้างพนักงานสามสิบคน คนละห้าพันหยวนต่อเดือน…ไม่สิ เงินเดือนเจ็ดพันหยวนไปเลย ก็จะเป็นสองแสนหนึ่งหมื่นหยวน”
“ทำไมเหมือนว่าฉันกำลังพยายามดับไฟด้วยน้ำแก้วเดียววะ…”
“คนอื่นๆ ชอบบอกว่าตั้งบริษัทต้องใช้เงินเยอะมาก แต่ทำไมฉันว่ามันถูกแสนถูก!”
“งั้นซื้อของที่แพงที่สุดมาเป็นของใช้สำนักงานดีไหม น่าจะช่วยผลาญเงินไปได้สักล้าน”
“ใช่…นี่เป็นทางที่เร็วที่สุดในการผลาญเงิน”
“แต่…ให้ไปหาที่ตั้งออฟฟิศ จ้างพนักงาน ซื้ออุปกรณ์ก็ดูยุ่งยากชะมัด! ไม่เคยทำมาก่อนสักอย่างเลยด้วย”
“ช่างเถอะ ค่อยๆ คิดแล้วกัน…”
แค่คิดว่าต้องไปจ้างคนและหาที่ตั้งออฟฟิศก็ทำให้เผยเชียนปวดหัวหนัก
เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนในชาติที่แล้วเพราะไม่ถนัดและไม่ใช่สิ่งที่ชอบ
เรื่องพวกนี้มันยุ่งยากเกินไป!
แต่ก็ชัดเจนว่านี่คือหนทางที่เร็วที่สุดในการผลาญเงิน
เขาตัดสินใจพักเรื่องนี้ไปก่อนแล้วค่อยกลับมาคิดใหม่พรุ่งนี้
…
กลับมาที่หอพัก
“พี่เชียน เกมเราฮิตสุดๆ! เราออกไปหาอะไรกินฉลองกันดีมั้ย”
หม่าหยางแสนสุขสม
“โอย…”
เผยเชียนนึกขึ้นได้ว่าเขาสัญญากับหม่าหยางไว้ว่าจะพาไปกินบุฟเฟต์หัวละห้าสิบหยวนฉลอง
“ได้ ไปกัน!”
ถึงจะชวดเงินสามแสนไป แต่อย่างน้อยก็ได้สองพันหยวนมาแทน…
คงจะไม่มากเกินไปถ้าจะเสียเงินฉลองร้อยหยวนจากรายได้ที่ได้มาสองพันหยวน…
แต่เผยเชียนก็ไม่ได้อารมณ์ดีขึ้นเลย…
ทางทิศใต้ของมหาวิทยาลัยมีร้านบุฟเฟต์หรูที่คิดราคาห้าสิบแปดหยวนต่อคน สำหรับนักศึกษาในปี 2009 แล้วถือเป็นร้านที่หรูสุดๆ
เผยเชียนนั่งมองหม่าหยางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ขณะที่อีกฝ่ายถือจานเค้กซ้อนเป็นตั้งกลับมาพร้อมเครื่องดื่มแก้วใหญ่
เนื้อสำหรับปิ้งย่างมีจำกัดตามจำนวนคน แต่เค้ก ผัก และผลไม้สามารถหยิบได้ไม่อั้น
เห็นได้ชัดว่าหม่าหยางเตรียมตัวมากินเต็มที่ กะจะเอาให้แน่นท้องตอนกลับไป
“พี่เชียน ทำไมเหมือนเครียดๆ เรื่องอะไรอยู่”
“จริงด้วยสิ เริ่มเห็นความเป็นทายาทตระกูลร่ำรวยของพี่แล้ว!”
“เกมนี้น่าจะทำเงินให้พี่ได้อย่างน้อยก็หลายหมื่น ทำไมถึงดูไม่สบอารมณ์แบบนี้ หรือพี่จะตั้งความหวังไว้สูงกว่านี้”
“อีกอย่างพี่ไม่สนใจอาหารอร่อยๆ พวกนี้เลย!”
หม่าหยางยัดอาหารเข้าปากระหว่างที่ถามจนพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
เผยเชียนมองอาหารทั้งหมดบนโต๊ะก่อนจะหยิบเนื้อมากินสองสามชิ้น แต่กลับไม่ได้รสชาติอะไรเลย
ถึงชาติก่อนเขาจะเป็นแค่พนักงานกินเงินเดือนธรรมดา แต่ก็เคยได้ไปกินบุฟเฟต์ราคาแพงที่ปักกิ่งมาบ้าง บุฟเฟต์ราคาไม่สูงมากพวกนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไรสำหรับเขา
ที่สำคัญที่สุดคือเขากำลังอารมณ์ไม่ดีจึงกินอะไรเข้าไปก็ไม่ได้รส
เขาอยากเสียเงิน! วิธีไหนกันถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด!
ตอนนั้นเองเผยเชียนก็รู้สึกอิจฉาหม่าหยางขึ้นมา
เจ้านี่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเกี่ยวกับเรื่องรายได้เลยสักนิด
หม่าหยางคิดว่าเผยเชียนได้เงินมาหลายหมื่นเพราะไม่เข้าใจรูปแบบการทำเงินของตัวเกม
จริงๆ แล้วเผยเชียนหาเงินได้ห้าแสนหยวนภายในหนึ่งสัปดาห์!
แต่น่าเศร้าที่เขาไม่สามารถเอามาใช้ได้สักแดงเดียว…
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก แค่สองสามวันมานี้ทำงานหนักไปน่ะ ต้องพักสักหน่อย”
“ยังไงซะการตั้งบริษัทก็เป็นเรื่องที่กินแรงมากๆ อยู่แล้ว”
เผยเชียนตอบไปอย่างเรียบง่าย
“พี่เชียน ผมต้องว่าพี่สักหน่อยแล้ว”
หม่าหยางยัดเค้กอีกก้อนเข้าปาก “ยังไงพี่เป็นเจ้าของบริษัท ทำไมไม่ดูแลร่างกายตัวเองมากๆ พี่จะแบกงานไว้คนเดียวไม่ได้ จ้างเลขามาสักคนแล้วโยนงานทั้งหมดไปให้เขาทำแทนน่าจะดีว่ามั้ย”
“จ้างเลขาเหรอ” เผยเชียนนิ่งไปชั่วขณะ
หม่าหยางพยักหน้า “ใช่ จ้างเลขา ในทีวีก็มีให้เห็นตลอดไม่ใช่เหรอ เจ้านายจอมบงการที่วันๆ เอาแต่ขับรถหรูไปรับสาวๆ ไอ้เจ้านี่เนี่ยไม่ทำอะไรเลย โยนทุกอย่างให้เลขาทำ ไม่เคยได้ยินที่เขาชอบพูดกันว่า…งานทุกอย่างเลขาเป็นคนทำเหรอ ไม่ต้อง…”
“โห ไอ้หม่า! แกมันอัจฉริยะ! ใช่ ฉันต้องจ้างเลขา! ต้องเป็นเลขามือโปรที่ทำงานเก่งๆ!”
เผยเชียนได้แนวทางแล้ว!
แน่นอนว่าสิ่งที่เผยเชียนคิดอยู่นั้นแตกต่างจากที่หม่าหยางพูดโดยสิ้นเชิง
หม่าหยางคิดถึงพวกเจ้านายในภาพยนตร์ซีรีส์ที่มักมีเลขาคอยติดสอยห้อยตามเลยแนะนำไปแบบนั้น
แต่เผยเชียนกลับคิดถึงการโยนงานผลาญเงินทั้งหมดไปให้เลขาทำ ไม่ว่าจะเป็นหาพื้นที่เช่าออฟฟิศ จ้างพนักงานเพิ่ม และซื้ออุปกรณ์สำนักงานต่างๆ
…
…
บ่ายวันต่อมา
เผยเชียนนั่งจิบชารอผู้ให้คำปรึกษาอยู่ในศูนย์บริการลูกค้าของบริษัทจัดหาบุคลากรแอ็กซอนสาขาเมืองจิงโจว
มีผู้ให้คำปรึกษาในการจัดหาบุคลากรจำนวนมากในศูนย์ แต่เผยเชียนระบุไปว่าต้องการผู้ให้คำปรึกษาที่มีประสบการณ์มากที่สุดและต้องอยู่ในระดับผู้จัดการภูมิภาคขึ้นไป!
ดังนั้นเขาจึงต้องรออยู่สักพักใหญ่
แต่เผยเชียนก็ไม่ได้รีบอะไร
เขาตัดสินใจมาก่อนแล้วว่าจะจ้างเลขา
เอาเข้าจริงเขามีตัวเลือกมากมายว่าจะหาเลขาสักคนมาอย่างไร
ตัวอย่างเช่น ประกาศรับสมัครตำแหน่งที่ว่าทางออนไลน์และจัดสัมภาษณ์ หรือหาคนในมหาวิทยาลัยเอาก็ได้
แต่ตัวเลือกเหล่านั้นก็ไม่ตรงตามที่เผยเชียนอยากได้
อย่างแรกก็ช้าไป ส่วนอีกอย่างก็ไม่ดีพอ!
จะยุ่งยากเกินไปถ้าเผยเชียนต้องมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องยากที่จะหาเลขามากความสามารถบนช่องทางออนไลน์ได้
คนที่เผยเชียนอยากได้ต้องเป็นคนที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจและสามารถพึ่งพาได้ ให้ดีที่สุดคือคนคนนั้นจะต้องเข้าใจทุกสิ่งที่เขาต้องการ สั่งแค่ครั้งเดียวก็ต้องทำได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ เผยเชียนก็ตัดสินใจว่าบริษัทจัดหาบุคลากรน่าจะพึ่งพาได้มากที่สุด
แน่นอนว่าก็มีข้อเสียตรงที่ต้องเสียเงิน
แต่เงินที่เสียไปเป็นเงินทุนระบบ! ตรงตามที่เผยเชียนต้องการ!
เผยเชียนรอจนเบื่อจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูนั่นดูนี่บนอินเทอร์เน็ต
เขาบังเอิญไปเจอบทความรีวิวเกมบนเว็บไซต์หนึ่ง
มองอนาคตเกมมือถือผ่านเกมที่คำนึงถึงผู้เล่น เกมแม่ทัพผี!
……………………….