บทที่ 32 รีสอร์ตบนภูเขา! EnjoyBook
บทที่ 32 รีสอร์ตบนภูเขา!
“พวกแกมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายคนอื่น? ฉันจะแจ้งความจับพวกแกเข้าคุก?” ผู้ชายที่ถูกฝ่ามือตบเข้าไปตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่บวมปูด ทำได้เพียงแค่ใช้สายตามองอีกฝ่ายแต่ก็ซุกซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ไม่อยู่ เดิมทีคือภายนอกดูเข้มแข็งแต่ภายในกลับอ่อนแอ
หนุ่มวัยฉกรรจ์มองเขาอย่างเหยียดหยามและถุยน้ำลายลงพื้น “ถุย อยากจะแจ้งความก็แล้วแต่เลย แต่ทางที่ดีแกควรภาวนาให้ตัวเองปลอดภัยจนกว่าตำรวจจะมาถึงเถอะ”
“ฉันไม่ได้คิดที่จะหาเรื่องพวกแก….”
คำพูดที่ยังพูดไม่จบก็ถูกหนุ่มวัยฉกรรจ์พูดแทรก “แกไม่ได้หาเรื่องฉัน แต่แกหาเรื่องคนที่ไม่ควรมีเรื่องด้วย”
พูดจบหนุ่มวัยฉกรรจ์ก็ยึดกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์ของผู้ชายคนนั้นไว้ก่อนยกแขนที่มีกล้องถ่ายรูปทุบหัวของเขา ผู้ชายคนนั้นก็สลบล้มลงไป และผู้ชายอีกคนมองเห็นที่มองดูเพื่อนตัวเองถูกกล้องถ่ายรูปทุบหัวจนสลบก็มองไปยังชายวัยฉกรรจ์อีกครั้ง ร่างกายชายวัยฉกรรจ์มีกลิ่นคาวเลือดที่ตลบลอยไปทั่ว เขาตกใจกลัวจนตัวสั่นและวิ่งหันหลังหนีไป
สุดท้ายก็ตื่นตระหนกจนแค่หันหลังวิ่งก็ล้มหน้าคว่ำเหมือนสุนัข ยังไม่ได้รอให้เขาลุกขึ้นมา หนุ่มวัยฉกรรจ์หลายคนก็รีบเข้าไม่พูดไม่จาอะไรใช้มือเท้าเตะต่อยไม่ยั้ง
“ให้ตายเถอะ กล้าแอบถ่ายนายท่านและคุณถางโร้ว ดูเหมือนว่าแกไม่รักชีวิตแล้วสินะ” หนุ่มวัยฉกรรจ์คนหนึ่งเปิดกล้องถ่ายรูปและดูภาพที่ถ่าย ภาพที่ถ่ายเป็นภาพที่ถางโร้วกอดแขนของฉู่ชวิ๋นอยู่ เพราะว่ามุมมององศาที่ผิดไปทำให้มีปัญหาดูแล้วเหมือนคู่รักมาก ๆ
หนุ่มวัยฉกรรจ์ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาและหันไปทางผู้ชายที่ถูกต่อยตีอย่างโหดเหี้ยมจนส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา สุดท้ายผู้ชายคนนั้นก็หัวแตกเลือดออกสลบลงไป หนุ่มวัยฉกรรจ์ที่เหลือที่กำลังต่อยตีอยู่ถึงจะหยุดมือ
“คุณถางโร้วและนายท่านเหมาะสมกันมากจริง ๆ!” คุณภาพของกล้องถ่ายรูปนี้ดีมาก แม้จะทุบคนจนสลบแต่ กล้องถ่ายรูปกลับไม่เสียหายอะไร หนุ่มวัยฉกรรจ์คนหนึ่งมองรูปภาพที่ถูกถ่ายขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
“แกรนหาที่ตายหรือไง? ยังไม่รีบลบรูปอีก นายท่านคือคนที่นายสามารถ กล่าวถึงได้งั้นเหรอ?” หนุ่มวัยฉกรรจ์อีกคนพูดเสียงต่ำอย่างตำหนิ
“ฉันไม่ได้พูดผิดอะไรนะ นายดูสินายท่านรูปร่างหน้าตาดีมาก คุณถางโร้ว ก็ทั้งสวยทั้งน่ารัก เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริง ๆ แต่นายท่านดูเด็กเกินไปจริง ๆ ดูแล้วเหมือนเด็กที่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ”
“ที่นายพูดมันก็ใช่ หน้าตา ผิวพรรณของนายท่านดีมากจริง ๆ ดีกว่าผิวพวกผู้หญิงด้วยซ้ำ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาใช้ครีมบำรุงอะไร? ถ้าหากฉันรู้จะไปใช้ครีมพวกนั้นมาบำรุงผิวหน้าที่หล่อเหลาของตัวเองสักหน่อย”
“พอเถอะ ผิวหน้าดำ ๆ ของแกไม่ว่าจะบำรุงยังไงก็เหมือนกับลิงกอริลลา อยู่ดี”
“ฮ่าฮ่า……..ประโยคนี้ฉันเห็นด้วย จะมาห่วงผิวพรรณตลอดเวลาได้ยังไง นายดูอย่างดาราคนนั้น กู่เทียนเล่อ แม้จะดำก็หล่อเหลามีออร่าได้เหมือนกัน!” หนุ่มวัยฉกรรจ์หลายคนที่ร่างกายสูงใหญ่บึกบึน คาดไม่ถึงว่าจะมาพูดคุยกันเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับปัญหาดูแลบำรุงผิวพรรณแถมยังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งฉู่ชวิ๋นมายืนอยู่ด้านหลังพวกเขาตั้งนานทนไม่ไหว นี่มันเกินไปแล้วจริง ๆ
“พวกนายคือคนของกลุ่มเหยี่ยวมังกรสินะ?” ฉู่ชวิ๋นอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนสติพวกเขา ทันใดนั้นพวกเขาสองถึงสามคนก็ตกใจน้ำเสียงที่พูดขึ้นจนรีบหันกลับไปมองด้านหลังพวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นฉู่ชวิ๋น
“เคร้ง!” เสียงสิ่งของกระทบกัน
กล้องที่อยู่ในมือของหนุ่มวัยฉกรรจ์คนหนึ่งตกลงบนพื้นมันแตกแยกออกเป็นสองส่วน คนอื่น ๆ สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัวในทันที
เมื่อกี้พวกเขาพูดคุยกันนานมาก ไม่รู้ว่าฉู่ชวิ๋นจะได้ยินอะไรบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดไม่ดีแต่นินทาลับหลังคนอื่นยังไงก็ไม่ดี ยิ่งกว่านั้น คนคนนั้นที่พวกเขาพูดถึงก็คือฉู่ชวิ๋น
ก่อนหน้านี้พวกเขาโหดเหี้ยมใช้กำลังกับพวกปาปารัชซี่อย่างไม่เกรงกลัวแต่ตอนนี้พวกเขาได้แต่ใจดีสู้เสือเดินมาข้างหน้าและพูดทำความเคารพ
“นายท่าน พวกเราคือคนของกลุ่มเหยี่ยวมังกรจริง ๆ เป็นพี่หลงที่สั่งให้พวกเรามาปกป้องดูแลคุณถางโร้วอย่างเงียบ ๆ” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า และใช้สายตากวาดมองไปยังคนอื่น ๆ คนอื่น ๆ ที่ถูกฉู่ชวิ๋นกวาดสายตามองหมดก็อดไม่ได้ที่จะมีเม็ดเหงื่อไหลซึมออกมา
“ลำบากพวกนายแล้ว!” ทันใดนั้นฉู่ชวิ๋นก็พูดขึ้นมา ตอนที่เขาออกมาพร้อมกับถางโร้วเห็นว่ามีคนกำลังแอบถ่าย สำหรับเขาไม่เป็นไรแต่กลัวว่าพวกปาปารัชซี่จะเขียนข่าวมั่ว ทำให้ถางโร้วที่เป็นดาราหน้าใหม่เสียหาย
เดิมทีฉู่ชวิ๋นคิดที่จะมาเอารูปภาพกลับไป ใครจะไปรู้ว่าคนพวกนี้ลงมือก่อนเขาซะอีก แต่ว่าแบบนี้ก็ดี จัดการพวกปาปารัสซี่ก็ต้องเจอคนพวกนี้
อึก…….!
หนุ่มวัยฉกรรจ์ทั้งหลายก็อดไม่ได้ที่จะมึนงง
“ไม่ลำบากเลยครับ ไม่ลำบากเลย ได้ปกป้องดูแลคุณถางโร้วพวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก!” ในที่สุดก็มีคนตอบกลับมา พูดอย่างคนติดอ่าง
“วันนี้พวกนายก็ไปพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องตามดูแลแล้ว” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าให้พวกเขาและหันหลังเดินออกมา เดินไปสองก้าวก็หยุดเดินและหันกลับมาแล้วพูดยิ้ม ๆ ว่า “ผิวของฉันมันเป็นเองตามธรรมชาติไม่ได้พึ่งพาครีมบำรุงผิดอะไรหรอกนะ”
ฉู่ชวิ๋นเดินไปแล้วสักพัก หนุ่มวัยฉกรรจ์ทั้งหลายถึงได้รู้สึกตัว ใช้มือเช็ดเม็ดเหงื่อที่หน้าผากและถอนหายใจออกมาอย่างแรง ตอนที่ฉู่ชวิ๋นยืนอยู่เมื่อกี้ทำให้พวกเขากดดันจนรู้สึกหายใจไม่ออก
“ประโยคสุดท้ายที่นายท่านพูดหมายความว่าอะไร?” มีคนถามเสียงเบา
“ฉันว่านายท่านหมายถึงเขาไม่ได้โกรธพวกเรา”
“เหลวไหล นายท่านเป็นเทพเซียน ไม่เอาพิมเสนมาแลกกับเกลืออย่างพวกเราหรอก? ถ้าหากว่าเขาโกรธจริง ๆ แค่สะบัดมือก็ส่งพวกเราลงไปนรกหมดแล้ว”
“พวกแกได้ยินหรือยัง? เมื่อกี้นายท่านพึ่งพูดกับฉันว่า….ลำบากนายแล้ว!” หนุ่มวัยฉกรรจ์คนหนึ่งดีใจจนพูดขึ้นมาแต่กลับถูกคนอื่น ๆ มองบนใส่
“อะไรที่ว่าพูดกับนาย นั่นท่านพูดกับฉันต่างหาก?”
“เหอะ หน้าไม่อาย? เมื่อกี้ไม่เห็นเหรอว่านายท่านพูดและมองมาที่ฉัน มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าพูดกับฉัน”
“……”
ประโยคที่ฉู่ชวิ๋นพูดทำให้หนุ่มวัยฉกรรจ์ทั้งหลายโวยวายกันใหญ่ ทุกคำพูดที่คนพวกนั้นทะเลาะโวยวายกันมันดังเข้ามาในหูของฉู่ชวิ๋น เขาได้แต่ส่ายหัวอย่างจนปัญญา
ฉู่ชวิ๋นกลับขึ้นมาบนรถ และขับรถไปส่งถางโร้วทันที งานที่ถางโร้วจะไปถ่ายในครั้งนี้คือโฆษณาสั้น ๆ ที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สถานที่ถ่ายทำจัดในรีสอร์ตบนภูเขาที่เป็นสวนดอกเหมยที่อยู่ริมแม่น้ำ
สวนดอกเหมยที่อยู่ริมแม่น้ำแห่งนี้อยู่ชานเมือง เส้นทางไม่ใกล้นัก ฉู่ชวิ๋น ขับรถชั่วโมงกว่าค่อยถึงที่นัดหมาย ชานเมืองตรงทิศตะวันตกมีมลพิษน้อย มองเห็นสวนดอกเหมยที่อยู่ริมแม่น้ำไกล ๆ พร้อมท้องฟ้าสีครามและเมฆขาวเหมือนปุยฝ้าย ต้นไม้เขียวขจีกลายเป็นร่มเงา ราวกับดินแดนในอุดมคติ ทางเข้าประตูมีพนักงานมายืนรออยู่นานแล้ว
รีสอร์ตบนภูเขาไม่สามารถขับรถเข้าไปได้ ด้านในมีเพียงรถจักรยานและรถทัศนาจรท่องเที่ยว เที่ยวชมผ่านไปได้ พอฉู่ชวิ๋นจอดรถเข้าที่เสร็จแล้วก็ลงจากรถไม่นานก็มีพนักงานนำพาทั้งสามคนเข้าไป
รถทัศนาจรท่องเที่ยวจัดเตรียมไว้แล้ว ทั้งสามคนก็เดินขึ้นรถไป รีสอร์ตบนภูเขาใหญ่มากก็จริงแต่ ใช้เส้นทางเดียวในการเดินทางไปบนภูเขาเขียวขจี สนามกอล์ฟใหญ่ๆ ทัศนวิสัยกว้างขวางไกลสุดลูกหูลูกตาเมื่อมองดูจะทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
“บรรยากาศที่นี่ดีมากจริง ๆ!” ถางโร้วอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา การดำรงชีวิตอยู่ในเมืองหลวง เห็นแต่ตึกสูงใหญ่และกลิ่นควันรถจนชินชา พอได้เข้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ร่างกายก็รู้สึกผ่อนคลาย สบายใจจนไม่มีอะไรมาเทียบได้
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าแต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลง เขาอยู่ในดินแดนเซียนมาสามพันปี ทุกวันล้วนเจอแต่สภาพแวดล้อมแบบนี้ ดังนั้นเขาเลยไม่รู้สึกแปลกอะไร เมื่อเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ระหว่างทาง สูดดมกลิ่นดอกไม้หอมบริสุทธิ์ ทั้งสองคนก็คุยกันเกี่ยวกับเรื่อง
เมื่อตอนเป็นเด็ก ไม่นานก็ถึงรีสอร์ตหลังเล็ก ๆ ที่ทำจากไม้หลังหนึ่ง ลานกว้างของรีสอร์ตหลังเล็ก ๆ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังจัดเซ็ทอุปกรณ์และสถานที่ถ่ายภาพ เมื่อมองเห็นถางโร้ว มีผู้ชายคนหนึ่งที่ไว้ผมยาว รูปร่างอ้วนท้วม ผิวพรรณขาว ยิ้มราวกับหมีตัวใหญ่ ๆ เดินเข้ามาต้อนรับ
“ผู้กำกับลู่ สวัสดีค่ะ!” หลังจากที่ถางโร้วลงจากรถเธอก็ยิ้มทักทายกับอีกฝ่าย
“ถางโร้ว ครั้งนี้ขอบคุณเธอมากนะ!” ผู้กำกับลู่พูดอย่างซาบซึ้งใจ เพราะว่าหัวข้อการถ่ายทำครั้งนี้คืออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นของกิจการสาธารณประโยชน์ มีงบไม่มาก พวกเขามาที่นี่นอกจากเงินเดือนพนักงานแล้วโดยภาพรวมก็ไม่ขาดเหลืออะไรเลย เพราะงั้นเลยแทบไม่มีเงินไปจ้างนักแสดงมาได้
แต่เมื่อก่อนผู้กำกับลู่เคยช่วยถางโร้วถ่ายเอ็มวีก็เลยนับว่ารู้จักกันมานาน เขาลองโทรไปหาถางโร้ว คิดไม่ถึงหลังจากที่ถางโร้วได้ฟังก็ตอบรับมาทันทีแถมยังไม่เอาค่าตัวด้วย เรื่องนี้ทำให้ผู้กำกับลู่รู้สึกซาบซึ้งใจมากจริง ๆ จะว่าไปนิสัยถางโร้วเงียบ ๆ เหมาะกับวิวทิวทัศน์ในการถ่ายทำครั้งนี้มาก
“ผู้กำกับลู่ไม่ต้องเกรงใจ ขอเพียงแค่คุณไม่โมโหฝีมือในการแสดงที่อ่อนหัดของฉันก็พอแล้ว” ถางโร้วยิ้มบาง ๆ
ผู้กำกับลู่ยิ้มออกมาและไม่ได้พูดอะไรมาก บางเรื่องพูดเยอะจะดูเหมือนคนวางอำนาจ น้ำใจของคนจดจำไว้ในใจก็พอแล้ว
“ถางโร้ว เธอไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฉันจะจัดเตรียมของให้เสร็จก่อนหลังจากนั้นพวกเราก็ค่อยเริ่มถ่ายทำกัน”
“ได้ค่ะ ผู้กำกับลู่ทำงานต่อเถอะ!” ถางโร้วดึงฉู่ชวิ๋นมานั่งที่ร่ม ๆ ข้าง ๆ เธอ
ผู้กำกับลู่รู้สึกตกใจ เขารู้จักถางโร้วมานาน แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นถางโร้วสนิทสนมกับผู้ชายคนไหนมาก่อน ตอนแรกไม่สังเกตเห็นการกระทำของถางโร้วแต่ตอนนี้เขามองไปที่ฉู่ชวิ๋นด้วยความอยากรู้อยากเห็น แค่มองดูแล้วก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เพราะว่าฉู่ชวิ๋นดูดีมาก ๆ แถมยังหน้าตาสะอาดสะอ้าน หัวข้อในการถ่ายทำครั้งนี้คืออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลักษณะท่าทางของฉู่ชวิ๋นสอดคล้องกับหัวข้อมาก ๆ
แต่ว่าไม่นานผู้กำกับลู่ก็สะบัดความคิดนี้ทิ้งไป เพราะว่านักแสดงนำชายที่ถ่ายงานครั้งนี้ได้จัดเตรียมไว้แล้ว ยกเลิกสัญญาไม่ได้ถ้ายกเลิกก็ต้องจ่ายชดใช้เขาจ่ายไม่ไหวหรอก
“พี่ฉู่ชวิ๋น พี่กำลังมองอะไรน่ะ?” ถางโร้วเห็นฉู่ชวิ๋นไม่หยุดมองรีสอร์ตบนภูเขาที่อยู่ลึกเข้าไปในสุดจนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“ไม่มีอะไร ฉันแค่รู้สึกอยากรู้ว่าที่นั้นคือที่ไหน? วิวทิวทัศน์ในนั้นคงงดงามมาก” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้นมา จริง ๆ แล้ว หลังจากที่มาถึงที่นี่ ฉู่ชวิ๋นก็ค้นพบว่ารีสอร์ตบนภูเขาแห่งนี้ลึก ๆ เข้าไปมีคลื่นพลังที่เขารู้สึกคุ้นเคย เพียงแต่ว่าเขาไม่แน่ใจว่านั่นคืออะไร?
ผู้กำกับลู่สังเกตทั้งคู่มาตลอดหลังจากที่ได้ยินคำพูดของฉู่ชวิ๋นก็ยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “ที่นั้นไม่มีอะไรหรอก มีแค่แอ่งน้ำขัง แต่ว่าไปที่นั้นไม่ได้นะ”
“ทำไมถึงไปไม่ได้ล่ะค่ะ?” ถางโร้วถามด้วยความอย่างรู้อยากเห็น
“ได้ยินมาว่าตอนที่ก่อสร้างรีสอร์ตบนภูเขา ที่นั้นก็อยู่ในโครงการด้วย แต่ตอนที่ดำเนินการก่อสร้างก็มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นติดต่อกันมีคนตายอย่างแปลกประหลาด หลังจากนั้นคนที่นี่ก็ให้ที่นั้นเป็นเขตหวงห้ามไม่เปิดให้เข้าไปได้” ผู้กำกับลู่พูด
ฉู่ชวิ๋นเริ่มรู้สึกแปลกใจ ถ้าหากว่าเป็นไปตามที่ผู้กำกับลู่พูดจริง ๆ งั้นเขาก็คิดว่าในนั้นต้องมีอะไรแน่ ๆ ต่อมาจู่ ๆ ก็มีรถทัศนาจรท่องเที่ยวสองคันจอดลง มีวัยรุ่นหน้าตาดีคนหนึ่งลงจากรถมาก่อน
“พี่ไค่ พี่เดินช้า ๆ หน่อย!” ผู้ชายที่ใส่กางเกงรัดรูปและเสื้อเชิ้ตลายดอกที่อยู่บนรถทัศนาจรท่องเที่ยวอีกคันก็รีบลงมาตามเขาใช้มือชี้หลินไค่และพูดขึ้นมา
“หลินไค่ คุณมาแล้ว” ผู้กำกับลู่รีบเข้ามาต้อนรับและยื่นมือออกไปแล้วยิ้มเพื่อทักทาย หลินไค่ยื่นมือออกมาแต่กลับไม่ได้จับมือกับผู้กำกับลู่แต่ยื่นมือมาเก็บแว่นตากันแดดของตัวเอง ผู้กำกับลู่สีหน้ารู้สึกอึดอัดใจวางตัวไม่ถูกสักพัก
“ผู้กำกับลู่ ที่นี่จัดเตรียมพร้อมหรือยัง? คุณต้องรู้สิว่าพี่ไค่ของพวกเรายุ่งมากแค่ไหน ตารางงานก็แน่นจนถึงสิ้นปีแล้ว ถ้าไม่ใช่เพื่อรักษาน้ำใจของคุณ พวกเราคงไม่มาถ่ายและเอาค่าตัวนักแสดงต่ำขนาดนี้หรอก” ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังที่ทำตัวอ้อนแอ้นอรชรพูดขึ้นมา
“ครับ ครับ ครับ ขอบคุณพวกคุณมาก ๆ เลยครับ!” ผู้กำกับลู่รู้สึกอึดอัดจนวางตัวไม่ถูกแต่ก็ยังแสดงสีหน้ายิ้มแย้มออกมา “ถางโร้วมาตั้งนานแล้ว ทางฉันก็จัดเตรียมเสร็จแล้ว เดี๋ยวเริ่มถ่ายได้เลย ไม่รบกวนเวลาพวกคุณมากหรอก”
หลินไค่พยักหน้าอย่างอวดดี และหันกลับไปมองถางโร้วที่อยู่ในเขตพักผ่อน สีหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ทำให้คนหลงใหล และเดินเข้าไปหาทันที
“เห้อ ไอ้บ้านั้นมาแล้ว?”
“ถ้าหากไม่ใช่เพราะผู้กำกับลู่ มันก็แค่คงยังเป็นแค่ลูกมืออยู่เลย”
“คนที่ขี้ขลาดตาขาวชอบเหยียดหยามคนอื่น ลืมกำพืดของตัวเองตอนแรก เพราะผู้กำกับลู่ปั้นเขาจนเป็นนักแสดงที่โด่งดังหรอกนะ ไม่อย่างนั้นเขาจะมีวันนี้ได้เหรอ?” พนักงานที่ทำงานอยู่ด้านข้างมองไปยังหลินไค่ด้วยท่าทางโกรธแค้น