บทที่ 38 ผู้ใดให้ความกล้าหาญเช่นนี้กับเจ้า

ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง

แม้จะกล่าวว่าเป็นไทเฮา มารดาของฮ่องเต้แต่สตรีนางนี้ดูไปแล้วมีอายุน้อยยิ่งนัก อายุของนางน่าจะอยู่ราวๆ ยี่สิบกว่าปีไม่ถึงสามสิบปี นางมีบุคลิกท่าทางราวกับคนชราทว่ากลับมีหน้าตารูปโฉมงดงามยิ่งนัก ผนวกกับเมื่อได้รับการประทินโฉมอย่างประณีต ในความสง่างามนั้นกลับปรากฏให้เห็นถึงความเย็นชาที่แฝงอยู่ในนั้น

นี่ไม่ใช่การพบหน้ากันครั้งแรก หลินชิงเวยจดจำได้ว่าครั้งที่แล้วเมื่อนางถูกส่งตัวไปอยู่ในตำหนักเย็นก็เป็นสตรีรูปโฉมงดงามนางนี้ที่เป็นตัวตั้งตัวตี

การแบ่งชนชั้นศักดินาในยุคสมัยโบราณนั้นเป็นเรื่องที่เคร่งครัดอย่างยิ่งไม่ว่าจะทำอะไรล้วนต้องคุกเข่า อีกทั้งที่นี่ยังเป็นวังหลวง คุกเข่าต่อฟ้าต่อดินต่อเจ้านาย นั่นถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้ว

ทว่าเหตุการณ์ยามนี้แตกต่างจากในตำหนักเย็น ในตำหนักเย็นหลินชิงเวยสามารถประกาศตัวเป็นศัตรูกับพวกนางได้อย่างเปิดเผย เพราะอย่างไรก็ไม่มีใครมาเรียกร้องให้นางรับผิดชอบ เวลานี้สถานการณ์ต่างออกไป

สตรีที่ยืนอยู่เบื้องหน้านางเป็นประมุขของตำหนักใน เป็นสตรีที่มีอำนาจกำหนดความเป็นความตายและโชคชะตาของนาง

นางเห็นโทสะบนใบหน้าของไทเฮาชัดเจน ยังมีสีหน้าท่าทางรังเกียจที่มีต่อนาง ต่อมาไทเฮาเงื้อมือขึ้นแล้วตบลงมาเต็มแรง

พ่าง

หลินชิงเวยหน้าหันไปด้านข้าง นางรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงฝ่ามือของไทเฮาที่ตบผ่านใบหน้าด้านข้างของตนปลายเล็บนั้นข่วนผิวหน้า เสียงนั้นดังก้องเข้ามาในโสตประสาท บริเวณใกล้ๆ กกหูของนางแก้วหูของนางเกิดเสียงดังหวึ่งๆ ความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเป็นริ้ว ราวกับจู่ๆ นางก็ได้ยินอะไรไม่ถนัดนัก

นางขยับปากและฟัน ฝ่ามือฉาดนี้เจ็บเหลือทนจริงๆ ให้ตายสิ

ไทเฮาถึงกับลงมือตบตีนางด้วยตนเอง นางควรจะรู้สึกว่าตนเองโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่นะ? ภายในลานเรือนนี้ล้อมรอบไปด้วยผู้คน ต่างจากในศาลาเมื่อยามบ่ายซึ่งมีเพียงกุ้ยเหรินนางนั้นย่อมรับมือได้ง่ายกว่า

ไทเฮาตรัสเสียงเย็น “เจ้าจะพลิกแผ่นฟ้าแล้วใช่หรือไม่ ถึงกับกล้าผลักจ้าวกุ้ยเหรินตกลงไปในน้ำ จ้าวกุ้ยเหรินจมน้ำเวลานี้นอนอยู่บนเตียงยังไม่รู้เป็นหรือตาย เปิ่นกงอยากจะถามเจ้านัก ใครกันที่ให้ความกล้าหาญเช่นนี้กับเจ้า!” ตำหนักในที่เงียบสงบตลอดมา พลันเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โจเช่นนี้ขึ้นนางไหนเลยจะนิ่งดูดายได้

และผู้ที่เป็นตัวการสำคัญในการก่อเรื่องวุ่นวายครั้งนี้ยังถึงกับเป็นนางสนมที่ไทเฮาเป็นผู้สั่งให้ส่งตัวไปกักขังในตำหนักเย็น ไทเฮาไม่รู้ว่านางใช้วิธีการใดจึงออกมาจากตำหนักเย็นได้

หลินชิงเวยปิดหน้าของตนเองและกล่าวเสียงเบาว่า “เซ่อเจิ้งอ๋องเพคะ”

ไทเฮาตื่นตะลึง ตามมาด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ปรากฏบนใบหน้ามากขึ้น “เจ้าว่าอะไรนะ?”

“ข้าบอกว่าเป็นเซ่อเจิ้งอ๋อง…”

ทันที่พูดจบ ไทเฮาก็เงื้อฝ่ามือขึ้นนตบลงไปบนใบหน้าของหลินชิงเวยอีกครั้ง ดูจากสีหน้าและท่าทีของนางแล้วยากที่จะควบคุมสติอารมณ์ของตนเอาไว้ได้ นางกล่าวด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “กำเริบเสิบสาน เซ่อเจิ้งอ๋องมีราชกิจมากมายเช่นนั้นไหนเลยจะมีเวลาให้เจ้ามาก่อความวุ่นวายในตำหนักในเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าและเซ่อเจิ้งอ๋องมีความเกี่ยวพันกัน เปิ่นกงก็จะมิกล้าทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”

ทุกคนในตำหนักในต่างรู้ดีว่า เซ่อเจิ้งอ๋องประคับประคองฮ่องเต้องค์ใหม่ในการบริการราชการแผ่นดิน ไทเฮาเองล้วนฟังคำพูดของเขา การไว้ชีวิตของหลินชิงเวยในครั้งที่แล้วเป็นความเห็นของเซ่อเจิ้งอ๋องเช่นกัน หาไม่แล้วหลินชิงเวยไหนเลยจะมีโอกาสมีชีวิตรอดจนถึงวันนี้

ในสายตาของไทเฮา หลินชิงเวยช่างไม่รู้ดีชั่ว ครั้งที่แล้วไว้ชีวิตนางถือว่าเป็นความเมตตาขั้นสูงสุดแล้ว เวลานี้นางยังคิดจะนำเซ่อเจิ้งอ๋องมาเป็นโล่บังธนูอีก

ไม่มีทางเสียละ

“เด็กๆ ลากตัวคนชั้นต่ำผู้นี้ส่งไปยังตำหนักเชียนเหอ เปิ่นกงจะไต่สวนให้กระจ่างแจ้ง!”

ดังนั้นไม่รอให้หลินชิงเวยดิ้นรนต่อสู้ หมัวมัวเรี่ยวแรงดีสองนางจึงก้าวเข้ามาหิ้วตัวหลินชิงเวยขึ้นอย่างง่ายดาย

“พี่สาว!” ซินหรูที่อยู่ด้านข้างไม่กล้าลุกขึ้นมา ได้แต่ร่ำไห้และร้องเรียก “พี่สาว!”

ไทเฮาหันกลับมามองซินหรู ซินหรูตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว ไทเฮาถาม “ในวังมีคนชั้นต่ำเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

นางกำนัลคนสนิทตอบว่า “ทูลไทเฮา เท่าที่บ่าวรู้มานางถือกำเนิดจากสตรีในตำหนักเย็นเพคะ อาศัยอยู่ในตำหนักเย็นมาโดยตลอดคิดดูแล้วน่าจะเป็นหลินซื่อที่นำตัวนางออกมาพร้อมกันด้วย วันนี้ยามบ่ายนางทำให้สถานที่ของจ้าวกุ้ยเหรินแปดเปื้อนจ้าวกุ้ยเหรินให้คนตบปากนางแค่ไม่กี่ที หลินซื่อจึงเอาคืนด้วยการทำร้ายสาวใช้ของจ้าวกุ้ยเหรินจนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังผลักจ้าวกุ้ยเหรินตกลงไปในสระน้ำเพคะ”