ตอนที่ 37 หมีป่า
การทดสอบนี้กินเวลาไปกว่า 1 อาทิตย์ เป็นระยะเวลาที่ไม่สั้นจนเกินไปและไม่ยาวจนเกินไป มันเทียบได้กับการฝึกงานของผู้ใช้อสูร
คนที่หัวไวก็ราวกับปลาที่ได้กลับไปในน้ำ ส่วนคนที่งุ่มง่ามคงได้แต่อยู่ในเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายและไม่ควรเอาชีวิตมาทิ้งที่นอกเมือง
สำหรับหวังเย่า เรียกได้ว่าเขาเหมาะกับโลกภายนอก
เพราะโลกนี้คือสนามรบขนาดใหญ่ เขาอยากจะผจญภัยไปในโลกนี้ มันต้องมีความลับบางอย่างที่รอให้เขาไปสำรวจอยู่
แน่นอนว่าเมื่อดูจากความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้แล้ว เขายังไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นได้
คืนนั้นพวกเขาไปยังพื้นที่ว่างที่ห่างจากกำแพงเมืองไป 130 ไมล์ ในระยะ 100 ไมล์แรกยังถือว่าเป็นพื้นที่ของเมืองอรุณอยู่ มันไม่ค่อยมีสัตว์อสูรที่น่ากลัวมากนัก พื้นที่นี้ส่วนมากถูกเก็บกวาดไปหมดแล้ว
มอเตอร์ไซค์และรถยนต์หลายคันที่มีราคาหลายหมื่นเครดิตถูกจอดทิ้งเอาไว้ แม้แต่เครื่องมือที่ถูกใช้โดยผู้ใช้อสูรเองก็มีให้เห็นเกลื่อนกลาดตามท้องถนน แต่พวกมันก็เสียหายและไม่อาจจะใช้งานได้อีกแล้ว
นอกจากนี้ก็ยังมีร่องรอยของรถบรรทุกที่ถูกใช้เอาไว้ขนส่งวัสดุ, ทรัพยากรและของที่ได้จากสัตว์อสูร พวกนี้มีคุณค่าในการวิจัยและเป็นอาหารให้กับสัตว์อสูรขนาดใหญ่ มันยากที่จะใช้คนขนไปได้ ดังนั้นจึงได้แต่ใช้รถบรรทุกขนแทน
มันมีคนจำนวนมากมาที่นี่ ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีสัตว์อสูรอยู่ที่นี่นัก ที่นี่จึงกลายเป็นจุดตั้งเต็นท์ของผู้ใช้อสูร
คืนนั้นนักเรียนกว่า 400 คนได้พากันมาตั้งเต็นท์ โดยที่ครูได้มอบหมายหน้าที่ดูแลเฝ้ายามให้กับนักเรียน เพื่อกันการลอบโจมตีจากสัตว์อสูรในตอนกลางคืน
หวังเย่ายังไม่นอน เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและอดไม่ได้ที่จะคิดถึงอดีต เขาอยู่ในประเทศที่มีท้องฟ้างดงามและความสงบ แต่ที่นี่กลับทำให้เขารู้สึกว่าท้องฟ้าที่งดงามนั้นกลับเต็มไปด้วยอันตราย
“โลกใบนี้กับโลกที่ฉันจากมาเป็นโลกเดียวกันรึเปล่า ? ” ตอนที่หวังเย่าคิดแบบนั้น การ์ฟีลด์ก็ลดขนาดตัวลงแล้วเดินมานอนข้าง ๆ เขา
ตอนนั้นเองกลับมีเสียงหวีดดังขึ้น นักเรียนทุกคนและอาจารย์ก็ต่างพากันตื่นขึ้นมาและรีบพุ่งออกมาจากเต็นท์ทันที ก่อนที่จะเห็นสัญญาณไฟทางด้านตะวันออก
ภายใต้แสงนั้นมีร่างที่เหมือนกับลิงยักษ์สูงกว่า 40 เมตรโผล่ขึ้นมา มันแผ่พลังอันแข็งแกร่งออกมาจากตัว ดวงตาของมันส่องแสงออกมาราวกับตะเกียงที่ให้แสงยามค่ำคืน ดวงตาคู่นั้นสะท้อนถึงความหิวกระหายเป็นอย่างมาก
แต่อันที่จริงแล้วมันคือหมีสีเทาที่มีสามแขนสามขาและกรงเล็บที่ดูคมกริบราวกับดาบ มันได้ยืนขึ้นพร้อมกับคำรามออกมา การเดินของมันแต่ละก้าวกินระยะทางกว่า 10 ฟุต เมื่อเห็นแบบนั้น คนอื่น ๆ ต่างก็พากันหน้าถอดสีขึ้นมาทันที
หวังเย่ามองไปรอบ ๆ และพบว่าสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
ครูได้สั่งการขึ้นมาทันที “ถ้าเห็นโอกาสค่อยโจมตี ตอนนี้รักษาชีวิตเอาไว้ก่อนคือเรื่องที่สำคัญที่สุด”
แม้แต่ครูก็ยังรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก ความแข็งแกร่งของหมีตัวนี้มันต้องน่ากลัว มันถึงกล้าเข้ามาโจมตีทั้ง ๆ ที่มีคนมากมายแบบนี้อยู่ การคุกคามเช่นนี้ทำให้หลาย ๆ คนตกไปสู่ความสิ้นหวัง
จ้าวเมิ่งซีเองก็หน้าซีด เธอหันไปรอบ ๆ เพื่อหาที่พึ่ง แต่กลับเห็นแค่หวังเย่าที่ยังแสดงท่าทีเยือกเย็นออกมาได้อยู่ เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “หวังเย่า สัตว์อสูรตัวใหญ่แบบนี้นายไม่กลัวบ้างหรือ ? ”
หวังเย่าพยักหน้า “กลัวสิ เดาว่าแม้แต่อาจารย์ก็ไม่ใช่คู่มือของมัน”
“หือ นายรู้ได้ยังไง ? ” จ้าวเมิ่งซีถามขึ้นมา
หวังเย่าเพิ่งจะได้สติ นอกจากตัวเขาเองแล้ว คนอื่น ๆ ไม่มีความสามารถในการตรวจสอบสถานะของสัตว์อสูรและรู้ถึงเลเวลของมัน ถึงหมีตัวนี้จะอยู่ไม่ไกลนัก แต่ก็ยากที่จะรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของมันได้
“ฉันแค่เดาน่ะ คนอื่นก็น่าจะเดาได้เช่นกัน” หวังเย่ารีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ ใช่สิ ถ้ามันเกิดมีอันตรายขึ้นมาจริง ๆ เธอตามฉันมา ฉันจะปกป้องเธอเอง ”
“หือ…เกิดอะไรขึ้นกับนายกัน ? ” จ้าวเมิ่งซีกลอกตาใส่ “คนอื่นก็เอาแต่เอาใจฉัน นายก็เป็นเหมือนคนอื่นรึไง ? แต่ก็ได้ ฉันจะฟังนายไว้ก็แล้วกัน”
“ฉันจะปกป้องเธอเอง ถ้าเธอเสียผมแม้แต่เส้นเดียว ฉันจะยอมให้เธอจูบปากเลย”
“จูบปาก ? ” จ้าวเมิ่งซีรู้สึกว่าคำพูดของหวังเย่าเริ่มเชื่อถือไม่ได้อีกแล้ว “แน่ใจหรือว่าการจูบปากคือการลงโทษน่ะ ? ”
“ไม่เอาน่า แค่ผมร่วงไปเส้นเดียวโทษถึงตายเลยหรือ ? เอาจริงดิ หรือจะบอกว่าผมนุ่มสลวยของเธอมีค่ามากขนาดนั้น ? ” หวังเย่าพูดขึ้น
จ้าวเมิ่งซีพูดอะไรไม่ออก หวังเย่าพูดถูกจริง ๆ แต่…นี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ทั้ง ๆ ที่มีอันตรายอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับยังมีอารมณ์มาหยอกล้อเธออยู่
หวังเย่ามองไปที่หมีที่เดินเข้ามาพร้อมกับตรวจสถานะของมันที่โผล่มาตรงหน้า
****
สายพันธุ์ : หมีป่า
ระดับ : ทองขั้นต้น
เลเวล : 42 (ระดับลอร์ด)
ความสามารถ : โจมตีคลั่ง, พลังธรรมชาติ, วังวนดูดกลืน
จุดอ่อน : 1. ตา หมีมีสายตาที่ธรรมดา แต่ประสาทการรับกลิ่นดี ตาของมันมีขนาดใหญ่ทำให้โจมตีได้ง่าย 2. ความคลั่ง หมีตัวนี้คลั่งง่าย หากยั่วยุมัน มันก็จะโกรธได้ง่ายและขาดสติ
****
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็สบายใจขึ้นมา แม้ว่าหมีตัวนี้จะอยู่ระดับทองและยังอยู่ระดับลอร์ด แต่อันที่จริงแล้วมันมีหลายวิธีที่จะจัดการมันได้ด้วยสัตว์อสูรระดับเงิน 5 – 6 ตัว โดยพื้นฐานแล้วมันเทียบได้กับสัตว์อสูรระดับเงินที่อยู่ระดับลอร์ดที่มีเจ้าของ
“หาที่หลบกันก่อน มากับฉัน” หวังเย่าจับมือจ้าวเมิ่งซี ก่อนจะวิ่งไปที่ตึกใกล้ ๆ
จ้าวเมิ่งซีอยากจะสลัดมือออก แต่เธอก็ต้องทนและวิ่งไปกับเขา สัตว์อสูรทั้งสองของทั้งคู่เองก็วิ่งตามไปติด ๆ
หวังเย่าได้ใช้สกิลของการ์ฟีลด์ ก่อนจะกอดจ้าวเมิ่งซีเอาไว้ แล้วกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าที่สูงหลายสิบเมตร
จ้าวเมิ่งซีตัวแข็งทื่อ เธอทำได้แต่มองไปที่หวังเย่าซึ่งอยู่ตรงหน้าของเธอ
“จ้าวเมิ่งซี เธอคิดว่าตำแหน่งนี้มันดีพอหรือยังที่จะจับตาดูสถานการณ์ข้างล่าง ? ”
จ้าวเมิ่งซีไม่พูดอะไรอยู่สักพัก ตอนนี้เธอหน้าแดงขึ้นมา ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยโดนกอดแบบนี้มาก่อน
แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหวังเย่า เธอก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด เธอถึงกับด่าตัวเองที่ใจเต้นไปกับเรื่องแบบนี้
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะไปยืนข้าง ๆ หวังเย่า แล้วตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบ
เมื่อเห็นเพื่อนคนอื่น ๆ พากันถอยไปรวมตัวกันเพื่อเตรียมตัวโจมตี แม้แต่เหลิ่งจื่อมู่ก็เอาปืนออกมาเพื่อเตรียมตัวยิง
เมื่อเห็นสถานการณ์ข้างล่าง หวังเย่าก็ยิ้มออกมา และแอบคิดในใจว่า “เด็กร่ำรวยนี่มันน่าอิจฉาจริง ๆ”
“นายคิดอะไรอยู่ ? ” จ้าวเมิ่งซีเห็นแบบนั้นก็ไม่พอใจขึ้นมา “นายมองมาที่ฉันนี่สิ”
จากนั้นหวังเย่าก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นอาวุธแบบเดียวกับเหลิ่งจื่อมู่โผล่ออกมา มันเป็นปืนกระบอกที่เล็กกว่า แต่ก็สามารถถือยิงได้ และพลังของมันก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะทำลายรถบัสได้ทั้งคัน
“เป็นยังไงบ้าง ? มันดูมีพลังมากเลยใช่ไหม ? ” จ้าวเมิ่งซีพูดขึ้นมาด้วยความภูมิใจ
หวังเย่าพยักหน้าตอบรับ “ก็ดูมีพลังมากจริง ๆ…สมกับเป็นลูกสาวคนเดียวของผบ. อาวุธของเธอน่ะคงไม่มีขายทั่วไปแน่ ๆ มันคงยากที่คนทั่วไปจะหามันมาได้ พ่อของเธอให้เธอมาอย่างงั้นหรือ ? ”