บทที่ 15 การลงโทษเริ่มขึ้นแล้ว

บัญชามังกรเดือด

บทที่ 15 การลงโทษเริ่มขึ้นแล้ว

หมอนี่เห็นชัดว่าไม่ได้หิวน้ำ แต่คือตั้งใจเหยียดหยามฉัน!
เถียหนิงซวงโมโหจนแทบจะเอาแก้วชาโยนลงบนพื้น
บูซานที่อยู่ด้านข้างยื่นมือมาถึงอย่างสายฟ้าแลบจับแขนของเถียหนิงซวงไว้ ส่ายหน้าอย่างหนักแน่นแล้ว
ความหมายนั่นคือคุณหนูขออย่าได้วู่วาม
เถียหนิงซวงอยากที่จะพูดอะไร ฉินเทียนที่เดินไปถึงหน้าประตูพูดเสียงดังว่า“ลูกชายตระกูลซู จำคำพูดของผมไว้”
“หลังสิบวันถ้าไม่สามารถเป็นอย่างที่ผมต้องการได้ ให้ครอบครัวของพวกคุณย่อยยับ”
เสียงดังกึกก้องเหมือนเป็นการตักเตือนจากเทพแห่งสวรรค์
เวลานี้เงาหลังของเขาจู่ ๆ สูงใหญ่อย่างไร้ขีดจำกัด ดูไปแล้วเหมือนปีศาจที่กำหนดร้อยล้านหมื่นสิ่งมีชีวิต!
ทันใดนั้นทั้งสถานที่นั้นก็ถูกบรรยากาศที่น่ากลัวชนิดหนึ่งปกคลุมไว้เงียบมาก
“คุณหนูรีบไป!”
บูซานร้องเสียงต่ำเสียงหนึ่งแล้วพาเถียหนิงซวงอีกทั้งบอดี้การ์ดทุกคนไล่ตามขึ้นไป
บอดี้การ์ดทุกคนอพยพถอยกลับเหมือนกระแสน้ำ
ชั่วพริบตาหน้าประตูก็ว่างเปล่า
คนตระกูลซูบุกออกมาแล้วมองเห็นรถเบนซ์สีดำมากมายขบวนหนึ่งเหมือนมังกรยาวสีดำ คดเคี้ยวออกไป หายไปในฉากที่มืดมิดอย่างรวดเร็ว
พวกเขาเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน มองหน้ากันต่างก็มีสีหน้าที่ตื่นกลัวไม่สงบ
“มิน่าล่ะคนแซ่ฉินกล้าพูดโอ้อวดอย่างนี้ ที่แท้เขาสร้างความสัมพันธ์เส้นนี้กับตระกูลเถียแล้ว!” ซูเป่ยซานพูดเสียงต่ำ
เขาใจลอย ในใจกำลังนึกถึงเรื่องที่ฉินเทียนพูดสองเรื่องเมื่อกี้อยู่
หรือว่าเขาต้องการรับผิดชอบเรื่องนั้นจริง ๆ เหรอ?
ยังมีบริษัทที่อยู่ในมือของซูเหวินเฉิง วันนี้มีเงินทองเข้ามามากมายเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจที่สำคัญของตระกูลซู
หรือว่าจะต้องคืนให้กับหยางยู่หลันจริง ๆ ?
“คุณปู่ไม่ต้องตื่นตระหนกไป ผมรู้แล้ว!”
คำพูดของซูเหวินเฉิงดึงดูดความสนใจของทุกคน
“พี่เหวินเฉิง พี่รู้อะไรแล้ว ?” ซูเหวินปินถามอย่างรีบร้อน
ซูเหวินเฉิงพูดยิ้มอย่างเย็นชา“คนแซ่ฉินเดิมทีไม่ใช่สร้างสายสัมพันธ์กับตระกูลเถีย”
“พวกคุณลืมที่ผมพูดเมื่อกี้แล้ว เขาสวมรอยใช้ชื่อของหวางโป๋เหนียนสมาคมการแพทย์บังคับให้หม่ายงไล่เฉ่าเต๋อและหลี่เฉียงออก”
“กระทั่งใบอนุญาตทางการแพทย์ต่างก็ถอนและยกเลิกไปแล้ว”
“เอาตามที่ผมรู้ ร่างกายของนายท่านตระกูลเถียมีโรคเก่าอยู่ยากที่จะรักษาให้หายได้มาตลอด”
“ผมทาย ตระกูลเถียก็คือได้รับข่าวแล้ว สงสัยว่าคนคนแซ่ฉินมีความเกี่ยวข้องกับหวางโป๋เหนียนดังนั้นเชิญเขาไปรักษาโรค”
“เรื่องชนิดนี้พูดจริง ๆ ก็คือลองทำครั้งสุดท้ายเท่านั้น”
“คนแซ่ฉินน่าขำ คิดไม่ถึงยังเสแสร้งทำท่าทางออกมา บังคับคุณหนูใหญ่ของตระกูลเถียก้มหน้ายกชาต่อหน้า”
“รอคนของตระกูลเถียพบว่าฉินเทียนรักษาโรคไม่เป็น เป็นแค่คนหลอกลวงคนหนึ่งจะไม่ละเว้นชีวิตของเขาอย่างเด็ดขาด!”
ฟังการวิเคราะห์ของเขาแล้วทุกคนรู้สึกว่าสมเหตุสมผล บนหน้าในที่สุดก็เปิดเผยรอยยิ้มออกมาอีก
“เหวินเฉิง นายต้องคิดหาวิธีเปิดโปงหน้ากากปลอมของฉินเทียนออกมาและช่วงชิงความรู้สึกที่ดีของคุณเถียมา”
“ตระกูลซูถ้าหากสามารถเชื่อมการแต่งงานกับตระกูลเถียได้ นั่นถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ชาติตระกูลมีหน้ามีตาอย่างแท้จริง!” ซูเป่ยซานพูดอย่างดีใจ
ซูเหวินเฉิงพูดอย่างตื่นเต้น“คุณปู่วางใจ!”
“ตามที่ผมสังเกตหนิงซวงเธอก็คือภายนอกเย็นชาแต่จิตใจดี ที่จริงเธอได้เกิดความรักต่อผมนานแล้ว เพียงแต่อายที่จะยอมรับก็เท่านั้น”
“ผมรับรอง จะให้เธอแต่งเข้าตระกูล ให้เธอมีทายาทสืบทอดให้ตระกูลซูของพวกเรา!”
คิดถึงมีวันหนึ่งกอดสาวสวยในอ้อมกอดภายใต้ความภาคภูมิใจของเขา ความดีใจก็แสดงออกมาบนใบหน้า
เจอกับความตื่นตระหนกตกใจแล้ว บรรยากาศที่น่ายินดีก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“คุณปู่ พี่เหวินเฉิง คุณลุงคุณอาทุกท่าน พวกเรากลับไปดื่มเหล้าต่อกันเถอะ”
“วันนี้เป็นเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ เริ่มแรกเป็นสมาคมการแพทย์แล้วก็เป็นคุณหนูตระกูลเถียอีก พี่เหวินเฉิงนำเรื่องมงคลสองเรื่องมาพร้อมกันให้กับตระกูลซูของพวกเราแล้ว”
“พวกเราฉลองให้ดี ๆ !” ซูเหวินปินพูดอย่างไม่พลาดโอกาส
“ใช่ ดื่มต่อ!”
“ชนแก้วให้พี่เหวินเฉิง ชนแก้วให้ลูกเขยคนเก่งของตระกูลเถีย!” ทุกคนหยอกล้อขึ้นมา
ซูเหวินเฉิงยิ่งภาคภูมิใจแล้ว เขานำทุกคนเดินกลับไป
เวลานี้คนใช้ที่รับผิดชอบเปลี่ยนภาชนะของโต๊ะหลักคนหนึ่งจู่ ๆ พูดอย่างสงสัย“เอ๊ะ นี่คือของอะไร?”
“สนใจอะไรมันล่ะ ขอแค่ของที่ไม่มีประโยชน์ต่างก็เอาออกให้หมด เปลี่ยนเป็นของใหม่”
“ฉันต้องการดื่มสองสามแก้วกับทุกคนสักหน่อย” ซูเหวินเฉิงพูดประโยคหนึ่งอย่างหงุดหงิดแล้วก็มองไปตามสบาย
พอมองก็สั่นเทาอย่างรุนแรงพูดไม่ออก
เวลานี้ซูเป่ยซานและคนอื่น ๆ ก็มองเห็นป้ายสีดำชิ้นหนึ่งที่วางอยู่บนขนมเค้กยักษ์อันนั้นตรงกลางโต๊ะหลักที่ยังไม่ได้ตัดออก
บนป้ายสีดำสลักตัวอักษรแดงเลือดสามตัว
สีแดงเลือดนี้เหมือนมีหายนะถูกฆ่า ให้หัวใจของทุกคนปกคลุมด้วยเงามืด
ทุกคนต่างก็มีรางสังหรณ์ที่ไม่ดีชนิดหนึ่ง
“นี่เป็นของขวัญที่ใครส่งมา? เลือกไม่เป็นจริง ๆ !” ซูเหวินปินพูดประโยคหนึ่งแล้วก็เตรียมที่จะเอาป้ายหยิบออกไป
ลายมือข้างบนนั่นเป็นตัวอักษรจ้วนโบราณ เขาก็ไม่รู้จักมองป้ายยังถือว่าสวยงามยังคิดว่าเป็นของขวัญที่ตระกูลไหนส่งมาซะอีก
“อย่าแตะต้อง!”ซูเป่ยซานร้องเสียงแหลมเสียงหนึ่ง อ่านตัวอักษรเลือดสามตัวนั้นออกมาพร้อมกับสั่นเทา“บัญ……ชา……พญายม!”
อะไร?
บัญชาพญายมสามตัวเหมือนสายฟ้าฟาด ฟาดลงบนร่างกายและหัวใจของทุกคนในตระกูล
“ในคำเล่าลือว่ากันว่านายของบัญชาพญายมก็คือหัวหน้าองค์กรนักฆ่าท่านหนึ่ง……บัญชาพญายมก็คือสัญญาลักษณ์ของเขา”
“ป้ายชิ้นนี้ปรากฏตัวที่ไหนจะต้องมีความหายนะถูกฆ่า……”
นึกถึงเรื่องที่เล่าลือขึ้นมา ตระกูลซูทุกคนก็ตระหนกตกใจมาก!
พวกเขามองไปรอบ ๆ รู้สึกในความมืดมิดที่ห่างไกลต่างก็แอบซ่อนพญายมที่เก็บเกี่ยวชีวิตอยู่!
มีคนที่ค่อนข้างขี้กลัวได้ร้องไห้ขึ้นมาแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ ตระกูลซูของพวกเรามีคุณธรรมและความเมตตาธรรมหลายสมัย บัญชาพญายมจะลงโทษพวกเราได้ยังไง?”
“จะต้องเข้าใจผิดแล้วอย่างแน่นอน!”ซูเป่ยซานบ่นพึมพำถึงแม้พูดอย่างนี้ แต่ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว
เพราะเขาคิดถึงเรื่องที่ผิดมโนธรรมเหล่านั้นแล้ว
“ฉินเทียน!”
ซูเหวินเฉิงจู่ ๆ พูดเสียงดังว่า“เป็นฉินเทียนที่วางกลอุบายแน่นอน!”
“ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวล!”
“คนแซ่ฉินในเมื่อกล้าสวมรอยชื่อในนามของหวางโป๋เหนียนบีบบังคับหม่ายง ก็กล้าปลอมเป็นพญายมได้!”
“ใช่ เป็นฉินเทียนที่สวมรอยแน่นอน”
“เมื่อกี้ตอนที่เขาเดินออกไปไม่ใช่พูดว่าอะไรให้เวลาพวกเราสิบวันเหรอ?”
“เอาตามที่ผมรู้ หลังบัญชาพญายมปรากฏตัวกำหนดเวลาสุดท้ายออกมาก็คือสิบวัน!” ซูเหวินปินพูดเสียงดังตาม
“พันธุ์หมาคนแซ่ฉิน ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!” ซูเหวินเฉิงตาแดง หมุนตัวเตรียมที่จะไล่ตามไปเปิดโปงหน้ากากที่จอมปลอมของฉินเทียนในทันที
และในเวลานี้สุนัขพันธุ์อัฟกานิสถานที่อยู่ด้านข้างเขาจู่ ๆ ก็เห่าหอนกระโดดขึ้นบนโต๊ะแล้ว
มันเหมือนวิญญาณผีเข้าสิง ร้องเห่าหอนกลิ้งไปมาอย่างเจ็บปวดมากจากนั้นปากจมูกส่วนต่าง ๆ ก็มีเลือดไหลออกมา
เลือดในปากพ่นออกมาโดนบนป้ายบัญชาพญายมสามคำชิ้นนั้น มองไปแล้วยิ่งทำให้คนกลัว
ทุกคนทั้งหมดถูกฉากที่แปลกประหลาดนี้ทำให้ตะลึงงันแล้ว
บัญชาพญายมเป็นของจริง!
การลงโทษได้เริ่มขึ้นแล้ว!
ที่ตายอันดับแรกคือสุนัขตัวนี้
ที่จะตายต่อมาจะเป็นใครอีก?
“ฉินเทียนเป็นพญายมในตำนานจริง ๆ เหรอ? เหวินเฉิง พวกเรารีบไปหาเขาขอรับโทษเถอะ!”
“บริษัทของนาย เดิมทีก็คือนายหลอกเอามาจากในมือของคุณป้า รีบคืนให้เธอ!”
หวางเหมยพูดอย่างหวาดกลัว
ซูยู่คุนก็พูด“พ่อ ปีนั้นคนที่ทำร้ายซูซูจนต้องกระโดดลงมาจากบนตึกบ้านพักคนชราสรุปแล้วเป็นใคร? พ่อรีบไปบอกฉินเทียนสิ!”