Chaotic Sword God ตอนที่ 24 ทักษะ
โดยไม่รู้ตัว เจียงหยางหู่หันไปมองที่ฝูงชนก่อนที่จะพยักหน้าของเขา เอาล่ะ น้องสี่ ไปที่ห้องของเจ้า แน่นอนเจ้าต้องบอกข้าว่าเจ้าเอาชนะกาดิหยุนได้อย่างไร และจากนั้น ในคืนนี้ ข้าจะลากคอเพื่อนสนิทข้ามาฉลองกัน!
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างมีความสุขให้กับพี่ชายของเขา พี่ใหญ่ ข้าสามารถสอนท่านได้ถึงวิธีการที่ข้าเอาชนะกาดิยุน แต่ได้โปรดลืมเรื่องการฉลอง
ได้ ข้าจะฟังเจ้า มาสิ น้องสี่ กลับไปที่หอพักของเจ้า สำหรับที่นี่ มันมีเสียงดังมากเกินไป เจียงหยางหู่ เริ่มต้นที่จะดึงน้องชายของเขากลับไปยังทิศทางของหอพัก
เจียงหยาง เซียงเทียน!
ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะก้าวเดินออกไป น้ำเสียงที่อ่อนโยนและไพเราะร้องเรียกเขา
ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย เจี้ยนเฉินรู้สึกว่างเปล่าไปชั่วครู่ ก่อนที่จะหันไปรอบ ๆ มองไปที่ผู้ที่เรียกเขาไว้ เขาจดจำในก้าวเดินของเด็กสาวที่วิ่งเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวสวยที่ได้นั่งถัดจากเขาในหอหนังสือก่อนหน้านี้
หือ ? เจี้ยนเฉินถามในขณะที่มองไปที่เด็กสาวคนหนึ่ง ผู้ซึ่งงดงามล่มเมือง
น้ำเสียงของเด็กสาวราวกับกระแสน้ำที่อ่อนโยน นางหัวเราะอย่างมีความสุข นางกางแขนอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นกระเป๋าเงินของนาง กล่าวออกมาอย่างมีความสุขว่า เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าทำให้ข้าชนะพนัน 100 เหรียญม่วงนี้ ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริง ๆ น้ำเสียงของนางที่นุ่มนวลเป็นพิเศษและยังน่าฟังเป็นอย่างมาก คล้ายกับว่านางจะเป็นนกจาบฝน ซึ่งร้องเพลงในวันที่เงียบสงบ ..
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว เจียงหยางหู่ดูเหมือนจะได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างกะทันหัน เขาตบหน้าผากของเขา ไอหยา !! ข้าจำได้ว่าข้าพนันไปถึง 100 เหรียญม่วง นั่นเป็นเงินที่ข้าเก็บหอมรอบริบมาทั้งหมดและข้ายังไม่ได้ไปรับเงิน น้องสี่ เจ้าล่วงหน้าไปก่อน พี่ใหญ่ของเจ้าจะรีบตามไปหลังจากที่ได้รับเงินแล้ว ! และพร้อมกันนั้นเจียงหยางหู่ได้หายไปราวกับสายลม กลับไปที่ฝูงชนที่ซึ่งวางเดิมพัน
มองไปที่เจียงหยางหู่ที่วิ่งกลับเอาเงินของเขา ช่วยไม่ได้ที่เจี้ยนเฉินจะหัวเราะออกมา ในขณะที่เด็กสาวค่อย ๆ เดินไปหาเจี้ยนเฉิน เพ่งพิศใบหน้าหล่อเหลาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นของนาง สวัสดี! เจียงหยางเซียงเทียน ชื่อของข้าคือโหยวเยว่ ข้ามีคำถามที่จะถามเจ้า?
เจี้ยนเฉินหัวเราะและตอบว่า แม่นางโหยวเยว่ ถ้าเจ้ามีคำถาม เจ้าก็ถามมาได้เลย แต่ข้าไม่สามารถรับประกันเรื่องคำตอบนั้นได้
ไม่ต้องกังวล! โหยวเยว่หัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะถาม เจียงหยางเซียงเทียน ความแข็งแกร่งของเจ้านั้นเพียงแค่ระดับแปดของพลังเซียนจริงหรือ ?
เจี้ยนเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพยักหน้า นั่นถูกต้อง ในขณะนี้ข้าอยู่ในระดับแปดของพลังเซียน แต่ข้ามีความรู้สึกว่าข้าจะสามารถตัดผ่านขึ้นไปถึงระดับเก้าได้ในเร็ว ๆ นี้. .
โหยวเยว่รู้สึกประหลาดใจหลังจากที่ได้ยินคำตอบของเขา นางอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าหมายความว่าจริง ๆแล้วเจ้ายังไม่ถึงระดับเซียน? น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่านางไม่เชื่อเขาแม้แต่น้อย
เมื่อสังเกตเห็นความไม่เชื่อถือในน้ำเสียงของนาง เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วของเขาและได้พูดจาหยอกล้อ แม่นางโหยวเยว่ ดูเหมือนว่าข้าจะตอบคำถามของเจ้าไปแล้ว แม้ว่านางจะเป็นสาวงามล่มเมือง เจี้ยนเฉินก็มองนางไม่ต่างไปกับหญิงสาวทั่วไป
โหยวเยว่โบกมือของนางเป็นการขอโทษในทันที ขณะที่นางหัวเราะ ข้าขอโทษ เจียงหยางเซียงเทียน ข้าเพียงแต่ประหลาดใจเกินไป ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เก็บสิ่งที่ข้ากล่าวไปครุ่นคิด
เสียงของนางหยุดลง ขณะที่เจียงหยางหู่วิ่งกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่มีความสุขและถุงเงิน เมื่อเขามาถึงข้างเจี้ยนเฉิน เขาก็โยนถุงเงินเล่น ในขณะที่เขากล่าวออกมา น้องสี่ พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นคนที่ชาญฉลาดมาก ในเวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วยาม ข้าหาเงินได้ 100 เหรียญม่วง 100 เหรียญม่วงไม่ได้หมายถึงเงินจำนวนเล็กน้อย มันเป็นเงินจำนวนมากสำหรับสามัญชน และสำหรับผู้ที่มีอันจะกิน มันก็เพียงใช้ซื้ออาหารที่เรียบง่ายไปตลอดชีวิต 100 เหรียญม่วงสามารถเลี้ยงครอบครัวที่มีเพียงสามชีวิตไปได้ชั่วชีวิต
จ้องมองที่ถุงเงินในมือของพี่ชายเขา เจี้ยนเฉินเริ่มเผยอยิ้มและกล่าวว่า แม่นางโหยวเยว่ เมื่อเจ้าไม่มีคำถามอื่น ดังนั้นข้าขอตัวอำลา
โหยวเยว่ส่งยิ้มกลับไปให้เขา นั่นดีแล้ว ข้าไม่รั้งเจ้าอีกต่อไป ข้ายังอ่านหนังสือของข้าไม่จบ ดังนั้นข้าจะย้อนกลับไปยังหอหนังสืออีกครั้ง เจียงหยางเซียงเทียน ข้าหวังว่าจะได้พบเจ้าอีกในภายหลัง !
ไม่นานหลังจากนั้น เจี้ยนเฉินนำทางพี่ชายของเขากลับไปที่หอพักของเขาและปิดประตูหลังจากพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามาด้านใน ทันใดนั้นเจียงหยางหู่ถามอย่างคนใจร้อน น้องสี่ เจ้าควรจะบอกข้าว่าเจ้าเอาชนะกาดิหยุนได้อย่างไร และเจ้าแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร! หรือแท้จริงเจ้านั้นไม่ใช่พลังเซียนระดับแปด แต่เจ้าคือเซียน ! ในขณะที่เขาพูด ใบหน้าของเจียงหยางหู่ไม่อาจปกปิดความร้อนใจไว้ได้ เขารอคอยคำตอบด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น
เจี้ยนเฉินส่ายหน้าเบา ๆ ไม่ใช่ พี่ใหญ่ ความแข็งแกร่งของข้านั้นอยู่ไม่ไกลจากระดับเก้า ขณะที่การก้าวสู่ระดับเซียน ข้าเชื่อว่าข้ายังคงห่างไกลจากมันมากนัก
เจียงหยางหู่มองไปที่เขาอย่างมีข้อสงสัย น้องสี่ ถ้าเจ้าบอกว่าเจ้ายังไม่ได้ก้าวถึงระดับเซียน เช่นนั้นแล้วเจ้าเอาชนะกาดิหยุนได้อย่างไร?
เจี้ยนเฉินหัวเราะออกมา แล้วตอบว่า ฮ่า ๆ ข้าเอาชนะกาดิหยุนอย่างไร? พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้เห็นการแข่งขันนั้นอย่างชัดเจนหรือ?
ศีรษะของเจียงหยางหู่ก้มลงอย่างหดหู่ ในขณะที่เขาพูดอย่างละอายใจว่า นั่นคือ … เอ้อ … น้องสี่ …ที่จริง ที่จริงแล้วข้าไม่สามารถที่จะเห็นการแข่งขันทั้งหมดอย่างชัดเจน เจ้าช่วยบอกพี่ชายของเจ้าได้หรือไม่ แม้ว่า เจียงหยางหู่ได้เห็นการแข่งขันตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยการมองดูเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่าง เจียงหยางหู่ไม่สามารถที่จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเจี้ยนเฉินรับหมัดของกาดิหยุน และโจมตีกลับด้วยหมัดที่ดูเหมือนจะเป็นเบาโหวง แต่แท้จริงมันยังถึงกับทำให้กาดิหยุนบาดเจ็บสาหัสได้เลยทีเดียว
เจี้ยนเฉินนั่งอยู่บนเตียงของเขา จ้องมองเจียงหยางหู่อย่างใจเย็นและกล่าวว่า พี่ใหญ่ นั่นเป็นเหตุผลเดียวที่ลูกศิษย์ระดับแปดเช่นข้าสามารถเอาชนะผู้ที่อยู่ในระดับเซียนเช่นกาดิยุนได้ ข้านั้นอาศัยทักษะบางอย่างเพื่อเอาชนะ
“ทักษะ ? เจียงหยางหู่ร้องออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่แปลกใจเมื่อได้ยินเกี่ยวกับทักษะ เพราะในสำนักแห่งนี้ มีอาจารย์ที่มักจะพูดคุยเกี่ยวกับความรู้เรื่องทักษะส่วนตัวของพวกเขา ในการต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับซึ่งเท่าเทียมกัน จะต้องใช้ทักษะที่แข็งแกร่งอย่างมากเพื่อที่จะชนะ แต่ทักษะนั้นไม่ได้สอนกันง่าย ๆ แม้ว่าพวกเขาจะได้เรียนรู้มัน แต่นั่นรวมถึงเรื่องประสบการณ์ในการต่อสู้และจุดที่ทำให้ทักษะนั้นจะสมบูรณ์ได้นั้นจะต้องหลอมรวมกับรูปแบบการต่อสู้ของพวกเขา เจียงหยางหู่ได้แต่สับสน ไม่เพียงแต่เจี้ยนเฉินจะอายุน้อยกว่าเขา แต่เขาก็ยังพึ่งมาถึงที่สำนักได้ไม่กี่วัน ช่วยไม่ได้ที่เจียงหยางหู่จะได้แต่ตกใจเมื่อเขาเห็นว่าเจี้ยนเฉินได้เข้าใจทักษะนั้นอย่างถ่องแท้
น้องสี่ เจ้าเรียนรู้ทักษะเช่นนั้นมาจากที่ใดกัน? เจียงหยางหู่ถามออกอย่างสงสัย
เจี้ยนเฉินส่ายหัวด้วยท่าทีเศร้าหมอง พี่ใหญ่ ข้าไม่สามารถบอกท่านได้
เมื่อได้เช่นนั้น เจียงหยางหู่ก็มีสีหน้าเศร้าหมอง แต่สิ่งที่เจี้ยนเฉินได้กล่าวเพิ่มเติมหลังจากนั้นราวกับนำวิญญาณของเขากลับมา พี่ใหญ่ ถ้าท่านอยากจะเรียนรู้ทักษะการต่อสู้นั้น ข้าสามารถสอนท่านได้.
นั่นจริงหรือ? นั่นมันเยี่ยมไปเลย! น้องสี่ เมื่อไหร่ที่เจ้าจะเริ่มสอนข้า? ในตอนนี้เลยหรือไม่ เขาตื่นเต้นที่จะเริ่มต้นและต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้ทันที เมื่อเขาได้เรียนรู้ทักษะแล้ว มันก็เป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถท้าประลองกับเซียน ผู้ซึ่งสามารถหลอมรวมอาวุธเซียนได้ ด้วยพลังในปัจจุบันของเขา!
เจี้ยนเฉินหัวเราะ พี่ใหญ่ มันจะดีกว่าที่จะเริ่มต้นในวันพรุ่งนี้ ข้าจะรอท่านอยู่ในถ้ำทางทิศตะวันออก ที่อยู่บริเวณด้านนอกของสำนักในเช้าวันพรุ่งนี้
เอาล่ะ น้องสี่ ตกลง! เป็นเช้าวันพรุ่งนี้ที่ถ้ำ เจียงหยางหู่รับปาก แม้ว่าในสำนักจะมีอาจารย์หลายคนที่คอยสั่งสอนในการเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ เขารู้ดีแก่ใจว่าทักษะการต่อสู้ที่ดีที่สุดคือทักษะซึ่งสืบทอดกันมาในตระกูล ทักษะการต่อสู้ที่สอนโดยอาจารย์ที่นี่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้
หลังจากนั้นพี่น้องสองคนคุยกันต่อไป จนที่สุดเจียงหยางหู่ก็จากไป เนื่องจากเจี้ยนเฉินนั้นได้ต่อสู้กับกาดิยุนจนเหนื่อยอ่อนและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เพราะฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะใช้แกนอสูรระดับสามเพื่อฟื้นฟูความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย
เขารู้เพียงเล็กน้อยว่าทั้งสำนักอยู่ในความสับสนวุ่นวายเกี่ยวกับวิธีการที่เจี้ยนเฉินโค่นล้มกาดิหยุน ไม่มีใครในสำนักเคยได้ยินเกี่ยวกับมันและมันก็สร้างความตระหนกตกใจให้กับทั้งบรรดาอาจารย์และลูกศิษย์ ทุกคนคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อและเหตุการณ์ขนาดนี้แทบไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ทั้งหมดของสำนักคากัต ไม่มีใครเคยได้ยินว่าเซียน ผู้ที่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะคนที่ขั้นสูงสุดของระดับสิบได้อย่างง่ายดาย จะถูกโต้กลับด้วยใครบางคนที่อยู่เพียงระดับแปดเท่านั้น แม้ว่าเซียนจะไม่ได้ใช้อาวุธเซียนของพวกแต่เขาก็ยังสามารถเอาชนะผู้ที่อยู่ในระดับเก้าได้อย่างง่ายดาย แต่นี่เป็นเพียงแค่เด็กใหม่ที่อยู่ในระดับแปดเท่านั้น
ข่าวการต่อสู้ระหว่างเจี้ยนเฉินและกาดิหยุน ในไม่ช้าก็ล่วงรู้เข้าไปถึงหูของอาจารย์ใหญ่
ภายในชั้นกลางของป้อมปราการในสำนักคากัต อาจารย์ใหญ่ครุ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ในขณะที่ยืนอยู่ข้างหน้าต่างที่เปิดอยู่ ในขณะที่คิ้วของเขาขมวด เขาถามว่า ไป่เอิน สิ่งที่เจ้ากล่าวเป็นความจริงหรือ? เจียงหยางเซียงเทียนเอาชนะเซียนกาดิหยุน ในขณะที่เขาอยู่ในระดับแปดของพลังเซียน? แม้กระทั่งอาจารย์ใหญ่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่ามันในครั้งแรกและดวงตาของเขาส่องประกายระยิบระยับด้วยความอยากรู้
รองอาจารย์ใหญ่ ไป่เอิน ยืนยันต่ออาจารย์ใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง โดยเขากล่าวว่า อาจารย์ใหญ่ ข้าได้ยินลูกศิษย์ทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้าไม่แน่ใจว่ารายละเอียดที่แท้จริงเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้ในสำนักสับสนวุ่นวาย ผู้ฝึกตนทุกคนรวมถึงอาจารย์ได้รู้ว่าเจียงหยางเซียงเทียนนั้นเอาชนะกาดิหยุนที่มีระดับสูงขึ้นไป มีข่าวลือออกมาว่ากาดิหยุนไม่ได้ใช้อาวุธเซียนและได้ต่อสู้มือเปล่ากับเจียงหยางเซียงเทียน
อาจารย์ใหญ่ลูบเคราสีขาวยาวของเขา เขาจมอยู่ในความคิด ในเมื่อมีข่าวลือแพร่กระจายในวงกว้าง หากปรากฏว่าเป็นจริง ฮ่า ๆ ดูเหมือนว่าเจียงไป่ได้นำเจ้าหนูที่ดูมีลับลมคมในมา สำหรับเซียนที่ถูกโค่นล้มโดยลูกศิษย์ระดับแปด อย่างไรมันก็ไม่ง่ายนักและแม้ว่าเซียนจะไม่ได้ใช้อาวุธของเขา แต่ความแข็งแกร่งของเขาจะยังคงสูงกว่าผู้ที่อยู่ระดับสิบ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาในสำนักคากัตนี้ ข้าไม่เคยเห็นผู้ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าสามารถเอาชนะได้เลย
อาจารย์ใหญ่ เราควรทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ ไม่ช้าก็เร็ว บรรดาศิษย์พี่ของสำนักจะค้นหาลูกศิษย์ระดับแปด ผู้ชนะเซียน และนั่นจะสร้างความลำบากให้กับเจียงหยางเซียงเทียน ไป่เอินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ ความเคารพที่ไป่เอินมีต่ออาจารย์ใหญ่นั้นไม่สามารถวัดได้
อาจารย์ใหญ่หันไปทางไป่เอินและโบกมือ ลืมมันเสีย ให้พวกเขาจัดการด้วยตัวเอง ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เราจะไม่สอดมือเข้าไปยุ่ง นอกจากนี้เราควรมีการทดสอบสำหรับพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่สามารถผ่านมัน ก็โยนพวกเขาทิ้งไปซะ พวกเขาจะไม่มีทางที่จะเติบโตเป็นนักรบที่ดี