ตอนที่ 44 สอบไม่ผ่าน

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 44 สอบไม่ผ่าน

ยิ่งในตระกูลเจียงวุ่นวายมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งไม่มีเวลามาหาเรื่องเจียงป่าวชิงมากเท่านั้น  แม้ว่าจะมีบางครั้งที่นางต้มสมุนไพรอยู่ในห้องครัวแล้วหลีโผจื่อกับโจซื่อมาเห็นเข้า พวกนางก็แค่พูดถากถางหาว่านางยากจนจนเป็นบ้าไปแล้วที่แยกแยะไม่ออก เห็นอะไรก็กินไปหมดทำนองนั้น

เจียงป่าวชิงขี้เกียจจะสนใจพวกนาง เนื่องจากช่วงนี้ไหล่ของนางได้รับบาดเจ็บ  เดิมทีความคิดที่เจียงป่าวชิงตั้งใจว่าจะทำชุดผู้หญิงที่แปลกแหวกแนวแต่ไม่ออกนอกกรอบไปขายก็ต้องพับเก็บไปก่อน

นอกจากออกกำลังกาย ออกไปขุดสมุนไพร รวมถึงการพกอาหารไปที่บ้านของป๋ายรุ่ยฮัวเพื่อทำอาหารดี ๆ กินด้วยกันแล้ว เจียงป่าวชิงก็อยู่แต่ในบ้านและใช้มือซ้ายบดเข็มขึ้นมาใหม่สองสามเล่ม

ในสถานการณ์พิเศษที่ประสบพบเจอก่อนหน้านี้ หากมาคิด ๆ ดูแล้วก็ถือว่าเข็มนี้ช่วยชีวิตนางไว้  ความคิดของเจียงป่าวชิงคือไม่ว่าจะอย่างไร บนตัวนางจะต้องมีเข็มติดตัวไว้สักชุดถึงจะดี

นี่เป็นวิธีช่วยชีวิตของนาง และเป็นไม้เด็ดสุดท้ายของนางเช่นกัน

รอให้นางมีเงินก่อนเถอะ นางจะหาช่างไม้ฝีมือดีและให้เขาทำเข็มเงินที่มีครบทุกขนาดอย่างแน่นอน

เจียงป่าวชิงอารมณ์ดีมาก นางบดเข็มเย็บผ้าธรรมดาได้อย่างรื่นมือ อย่างน้อยก็คงจะต้องใช้เวลาเป็นชั่วยาม แต่นางกลับบดเข็มด้วยจิตใจที่สงบอยู่ในห้องทั้งแบบนั้น โดยที่ไม่สนใจความวุ่นวายภายนอกแม้แต่น้อย

เพียงแต่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร เจียงป่าวชิงถึงได้รู้สึกใจร้อนเช่นนี้

เจียงป่าวชิงนั้นไม่ใช่คนที่ชอบมีปัญหากับตัวเอง เมื่อนางเห็นว่าตนไม่สามารถสงบลงได้จึงเก็บเข็มที่บดเสร็จแล้วเมื่อสองสามวันก่อนแล้วนำไปใส่ในกระเป๋าที่ช่วงเอว จากนั้นก็ผลักประตูออกไปเดินเล่น

หลังจากที่รักษาบาดแผลตรงไหล่มาหลายวัน และบำรุงทั้งอาหารและยาไม่เคยขาด รูเลือดบนไหล่ของเจียงป่าวชิงจึงเริ่มหายดีแล้ว ทว่าถ้าหากมองด้วยตาเปล่า ไหล่ขวากับแขนขวาของนางคงจะต้องรักษาเป็นเวลาสองถึงสามเดือนถึงจะสามารถกลับมาเป็นปกติได้

เจียงป่าวชิงเดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้านอย่างไม่รู้ตัว

ถนนบนภูเขาที่นี่สามารถทะลุไปในอำเภอได้  ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า แต่เงาคนที่อยู่ไกลออกไปและค่อย ๆ เดินมาทางนี้ ถึงได้ดูคล้ายกับเจียงหยุนชานอย่างไรอย่างนั้น

เจียงป่าวชิงใช้มือซ้ายขยี้ตาตัวเองเล็กน้อย เงานั้นค่อย ๆ ใกล้เข้ามา ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นเจียงหยุนชานจริง ๆ

เจียงป่าวชิงเดินไปด้านหน้าอย่างดีใจ แต่จากนั้นฝีเท้าของนางกลับช้าลง ประเดี๋ยวก่อน… เหตุใดดูแล้วนางกลับรู้สึกว่าเจียงหยุนชานกำลังหดหู่อยู่ ?

หลังจากที่เจียงป่าวชิงชะงักไป นางก็เร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิมและรีบเดินไปหาเจียงหยุนชาน นางไม่กล้าวิ่งเพราะกลัวว่าแผลที่ไหล่จะฉีกอีกครั้ง

เมื่อเข้าไปใกล้ก็พบว่าคนที่กำลังก้มหน้าเดินเงียบ ๆ เป็นเจียงหยุนชานจริง ๆ ด้วย

ดูเหมือนจิตใจของเจียงหยุนชานในเวลานี้จะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถึงขนาดที่เจียงป่าวชิงเดินมาถึงตรงหน้าแล้ว เขากลับยังไม่สังเกตเห็นนาง

“พี่หยุนชาน…” เจียงป่าวชิงเรียกเสียงเบา ทว่าเจียงหยุนชานไม่ตอบสนอง เขายังคงเดินต่อไป

เจียงป่าวชิงรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อยจึงเรียกเขาอีกครั้ง “พี่ชาย…”

เจียงป่าวชิงแทบจะตะโกนอยู่แล้ว เริ่มแรกเจียงหยุนชานยังไม่มีปฏิกิริยาอันใด แต่จากนั้นเขาถึงจะเงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ ด้วยความงุนงง ราวกับกำลังสงสัยว่าตัวเองหูฝาดทำนองนั้น

แต่เมื่อเขาเห็นเจียงป่าวชิงที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ตะลึงไปทันที บนใบหน้าของเขาฉายแววความละอายใจ จากนั้นเบ้าตาของเขาก็ค่อย ๆ แดง

เจียงป่าวชิงตกใจ นางรู้สึกได้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเจียงหยุนชานแปลกไปจึงถามเขาอย่างร้อนใจ “พี่เป็นอะไรเจ้าคะ ? หรือว่ามีคนรังแกพี่ ?”

‘ใครบังอาจรังแกพี่ชายของข้า ข้าจะเอาเข็มแทงพวกมันให้สิ้น!’ เจียงป่าวชิงคิดอย่างเคืองแค้น นางถลึงตามองเจียงหยุนชานทั้งอย่างนั้น

แต่เจียงหยุนชานกลับส่ายหน้าช้า ๆ เขาอ้าปากอย่างงุนงงและเหมือนไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเองดี ผ่านไปสักพักเขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ

ตอนนี้เจียงป่าวชิงยิ่งร้อนใจ นางไม่เคยเห็นเจียงหยุนชานในสภาพนี้มาก่อนเลย

“ป่าวชิง ข้าสอบไม่ผ่าน” จู่ ๆ เจียงหยุนชานก็พูดขึ้นเสียงแผ่ว

เจียงป่าวชิงตกตะลึง ทว่านางถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกต่อสายตาที่เต็มไปด้วยความละอายใจของเจียงหยุนชาน

ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นเจียงหยุนชานที่ตกตะลึงไป

เจียงป่าวชิงใช้มือซ้ายลูบหน้าอกตัวเอง นางพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “พี่ ข้าตกใจหมดเลย ที่แท้ก็แค่สอบไม่ผ่านเอง… ปีนี้พี่เพิ่งอายุสิบสามปี ค่อยสอบใหม่ปีหน้าก็ได้นี่เจ้าคะ ข่าก็นึกว่ามีใครมาทำร้ายพี่เสียอีก”

เจียงหยุนชานมองเจียงป่าวชิงที่กำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างมึนงง เขาถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ป่าวชิง เจ้า… เจ้าไม่ผิดหวังในตัวข้าหรือ ?”

เขาใฝ่ฝันที่จะสอบเป็นซิ่วฉายให้ได้ เพื่อต่อไปจะได้มีคลังเก็บอาหารและเลี้ยงดูน้องสาว เขาคิดมาตลอดว่าน้องสาวก็ตั้งหน้าตั้งตารอเช่นกัน ดังนั้น หลังจากสอบเซี่ยนชื่อผ่านไปด้วยความมั่นใจเต็มร้อย เขาก็อ่านหนังสืออย่างหนักอยู่ในอำเภอเพื่อเตรียมสอบฝู่ชื่อ รอให้สอบผ่านเซี่ยนชื่อกับฝู่ชื่อก่อน เขาก็จะได้ตำแหน่งถงเชิง  เมื่อได้ตำแหน่งถงเชิงแล้วถึงจะมีสิทธิ์เข้าสอบย่วนชื่อ นั่นก็คือการสอบเป็นซิ่วฉายนั่นเอง

แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะสอบไม่ผ่าน อย่าว่าแต่การสอบย่วนชื่อเลย แม้แต่การสอบเซี่ยนชื่อเขายังสอบไม่ผ่านเลยด้วยซ้ำ!

วันนี้ตอนติดประกาศ เขาดูใบประกาศนั้นอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งเพื่อนร่วมชั้นที่ดูถูกเขามาตลอดผลักเขาออกจากฝูงชนและพูดเยาะเย้ยเขาอย่างไม่เกรงใจ “เจ้าไม่ต้องดูแล้ว ในนั้นไม่มีชื่อเจ้าหรอก เจ้าขอทานโสโครก กลับไปในที่ที่เจ้าควรอยู่เถอะ”

ผู้คนรอบ ๆ หัวเราะกันครื้นเครงขณะที่เจียงหยุนชานเดินจากในอำเภอกลับชีหลี่โวด้วยความเศร้าสร้อย

เขาคิดว่าน้องสาวของเขาจะผิดหวังต่อเขาเสียแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าน้องสาวของเขาจะเป็นฝ่ายปลอบเขา นางบอกว่า ‘ค่อยสอบใหม่ปีหน้าก็ได้’

เจียงหยุนชานออกแรงถูจมูกไปมา จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจ “ป่าวชิง เจ้าคิดว่าพี่ชายอย่างข้าไม่ได้เรื่องหรือเปล่า ?”

ได้ฟังดังนั้น เจียงป่าวชิงก็ตาโต “พี่ พี่คิดอะไรอยู่เจ้าคะ พี่ชายของข้าเก่งที่สุดในใจข้าแล้ว ส่วนเรื่องการสอบก็มักจะมีตอนที่ทำได้ไม่ดีบ้างเป็นธรรมดา ครั้งนี้พลาด ครั้งหน้าค่อยสอบให้ดีก็ได้ ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวลเลย”

เจียงหยุนชานอดกลั้นความขมขื่นที่ทำให้อยากร้องไห้ และพูดขึ้นเสียงแหบพร่า “แต่แบบนั้นเจ้าก็ต้องอยู่อย่างลำบากไปอีกปีเลยนะป่าวชิง…”

เจียงป่าวชิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “พี่ไม่ต้องคิดมากเลย ข้านั้นไม่กลัวการอยู่อย่างลำบาก อีกอย่าง ข้าไม่ได้อยากเป็นภาระของพี่ ข้าเองก็ต้องพยายามไม่ให้เราใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบากเช่นกัน ความรับผิดชอบของครอบครัวนี้ไม่ใช่ของพี่คนเดียว ข้าเองก็ต้องพยายามเพื่อครอบครัว”

เจียงหยุนชานอดไม่ได้ที่จะใช้มือป้องหน้า เขาอยู่อย่างนั้นสักพักโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

เจียงป่าวชิงตบไหล่เจียงหยุนชานจากใจจริง “พี่ชาย เส้นทางแห่งการเรียน เดิมทีมันก็เป็นเรื่องที่ลำเค็ญอยู่แล้ว และเป็นเรื่องธรรมดามากที่จะเจอกับเส้นทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ แต่เราสามารถต่อสู้เพื่อข้ามเส้นทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อนี้ไปก็ได้ พี่อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะ”

เจียงหยุนชานพยักหน้าอย่างไม่สบายใจ

เจียงป่าวชิงรู้ว่าเด็กคนนี้บังคับตัวเองมากเกินไป ‘เธอ’ รู้สึกสงสารเขาจริง ๆ

เจียงป่าวชิงพูดกล่อมเจียงหยุนชานมาตลอดทาง ตอนที่ใกล้จะถึงบ้านตระกูลเจียง อารมณ์ของเจียงหยุนชานก็ฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้ประมาณหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ เขายังสัญญากับเจียงป่าวชิงอย่างจริงจังโดยบอกว่าปีหน้าเขาจะต้องสอบเซี่ยนชื่อให้ผ่านให้ได้ ไม่ใช่แค่การสอบเซี่ยนชื่อเท่านั้น การสอบฝู่ชื่อกับย่วนชื่อก็ต้องผ่านด้วยเช่นกัน เพื่อที่เขาจะได้สวัสดิการของบัณฑิต และทำให้ป่าวชิงของเขาสามารถกินข้าวและหมี่ดี ๆ ได้ในทุก ๆ วัน

ปณิธานของเด็กหนุ่มคนนี้เรียบง่ายมาก นั่นก็คือทำให้ป่าวชิงน้องสาวของเขาสามารถกินข้าวและหมี่ดี ๆ ได้ในทุก ๆ วัน

เมื่อสองพี่น้องมาถึงบ้านตระกูลเจียง หลีโผจื่อก็กำลังจะออกไปพูดคุยกับเพื่อน นางเผชิญหน้ากับเจียงป่าวชิงและเจียงหยุนชานที่ประตูอย่างพอดิบพอดี

หลีโผจื่อไม่สนใจเจียงป่าวชิงแม้แต่นิดเดียว แต่เมื่อนางเห็นเจียงหยุนชาน นัยน์ตาของนางก็เป็นประกายทันที

“ไอ้โย! หยุนชานกลับมาแล้วหรือ ?! สอบเซี่ยนชื่อเป็นอย่างไรบ้าง ? ย่าได้ยินคนพูดว่าถ้าสอบเซี่ยนชื่อผ่านแล้วก็ต้องสอบฝู่ชื่ออะไรนั่น พอฝู่ชื่อผ่านก็จะได้เป็นนายถงเชิง” หลีโผจื่อถามด้วยดวงตาเป็นประกาย

สถานที่เล็กๆอย่างอำเภอฉือเจียนี้ ในด้านความรู้หรือเรื่องการเรียนเหมือนจะขาดอะไรไปโดยกำเนิด และไม่ง่ายเลยที่จะสร้างคนที่เรียนหนังสือออกมาจากที่นี่ ตลอดหลายปีมานี้ แม้แต่ถงเชิงก็ยังโผล่มาน้อยมาก

มีน้อยจึงกลายเป็นล้ำค่า ดังนั้น… แม้จะเป็นเพียงถงเชิง ทว่าหากอยู่ที่อำเภอฉือเจียก็จะถูกคนเรียกอย่างยกย่องว่า ‘นายถงเชิง’