บทที่ 43
ข้าเป็นหนี้ท่าน
ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน มิติ 12 ในกลุ่มอันธพาลป่วนเมืองที่พบได้ทั่วไปแบบนี้
ไม่มีใครคิดแน่นอน
มีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้นในเรื่องนี้
นั่นก็คือหอคอยหวงชานั้นชั่วช้าพอที่จะทำเรื่องแบบนี้
สีหน้าของผู้คนในศาลาไป่หยู่ต่างก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี เพียงแค่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน มิติ 10 นั้นก็สามารถฆ่าทุกคนในศาลาไป่หยู่ได้อย่างง่ายดาย
“ถึงข้าจะไม่มีร้านค้า แต่ข้าก็คงไม่ปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างหยิ่งยโสเยี่ยงเจ้า! ตอนนี้ข้าจึงมาเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับเหล่าลูกค้าของเจ้า” หวันเฟยคำราม
เสียงคำรามนั้นดังสนั่นจนทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน มันดังก้องไปทั่วและดึงดูดผู้คนนับไม่ถ้วนให้หยุดดู
เป็นเพราะว่าศาลาไป่หยู่นั้นทำตัวจองหองต่อลูกค้าอย่างงั้นหรือ
แม้มันจะไม่ใช่ความจริง
แต่ดูเหมือนว่าทัศนคติของฝูงชนจะเป็นใจให้กับพวกเขา
ตอนนี้ถ้าหากศาลาไป่หยู่ถูกทำลายมันก็จะดูเหมือนเป็นเพราะข้อพิพาททางธุรกิจ ศาลาไป่หยู่ได้ไปพูดหยามผู้ใช้พลังวิญญาณอย่างหยาบคายและเป็นผลให้ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้กัน
จากนั้นเพื่อปกปิดชื่อเสียงที่ไม่ดีของศาลาไป่หยู่ ตระกูลลั่วก็จะตัดหางปล่อยวัดไม่ยุ่งเกี่ยวใด ๆ ไม่แม้แต่จะไปกดดัน
ผู้ใช้พลังวิญญาณทั้งสองคนเดินเข้ามา
พวกอันธพาลต่างก็ถอยออกห่าง เพราะกลัวว่าจะโดนลูกหลง
สำหรับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองแดง พลังวิญญาณจะไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือด เมื่อใช้งานทักษะพลังวิญญาณรูปแบบจะยึดติดกับเลือดเนื้อ
ดังนั้นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองแดง จึงถือได้ว่าไม่ได้ต่างจากคนธรรมดาที่มีความแข็งแกร่งทางร่างกายเท่าไหร่
แต่เมื่อพูดถึงผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงินมันแตกต่างกัน
พลังวิญญาณสามารถปลดปล่อยได้อย่างอิสระและส่งผลกระทบต่อผู้คนโดยรอบ การเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน เกิดจากการทำงานของทักษะพลังวิญญาณอันลึกลับและมหัศจรรย์
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเป็น
พลังวิญญาณของผู้ใช้พลังวิญญาณทั้งสองต่างก็เปล่งแสงออกมาอย่างช้า ๆ ราวกับปล่อยออร่าแสดงความเหนือชั้นออกมา
“คราวนี้ทางด้านหวงชาเตรียมแผนการมาดีจริงๆ” ลั่วอู๋พูดพร้อมกัดฟันของเขา
หนึ่งในผู้ใช้พลังวิญญาณหัวเราะเยาะและกล่าวขึ้นว่า “ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดหรอกนะ นี่มันเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอีฉีของพวกเรากับศาลาไป่หยู่”
แหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในมือของผู้ใช้พลังวิญญาณทั้งสองส่องแสงแวววาว
ทันใดนั้นสัตว์วิญญาณทั้งสี่นั้นพลันปรากฏตัว
บรรดาสัตว์ทั้งสี่ประกอบไปด้วยสัตว์วิญญาณร่างสูงสองร่างและที่มีลักษณะเป็นสัตว์เลื้อยคลานอีกสองตัวพวกมันสามารถพ่นไฟได้
“หรือว่าพวกแกคือ! พี่น้องตระกูลจาง” เจ้าของร้านคนเก่ารู้จักชายสองคนนี้ดี
พวกเขาคือพี่น้องตระกูลจาง
พวกเขาเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีชื่อเสียง
ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน พวกเขามีสัตว์วิญญาณสองชนิด ชนิดแรกเป็นปีศาจไม้ และชนิดที่สองคือมังกรไฟ พวกเขาเชี่ยวชาญในทักษะที่แตกต่างไปจากคนอื่น
ปีศาจไม้และมังกรไฟทำงานร่วมกันและพลังวิญญาณไม้จะช่วยส่งเสริมให้พลังวิญญาณไฟ พวกเขาสามารถโจมตีด้วยไฟเป็นพิเศษ
นั่นทำให้พวกเขามีพลังมากมหาศาล
“รู้ตัวเร็วใช่ได้นี่นา” จางหยวนฉงเยาะเย้ย
พลังวิญญาณของพี่น้องตระกูลจางกำลังปะทุและอุณหภูมิในอากาศเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนทำให้ผู้คนโดยรอบรู้สึกร้อนและไม่สบายตัว
ผู้คนและสัตว์วิญญาณช่วยเติมเต็มหน้าที่ซึ่งกันและกัน ทำให้สามารถปิดล้อมผู้คนในศาลาไป่หยู่ได้ในทันที
“นายน้อยลั่ว ท่านหลบไปก่อนข้าจะรับมือพวกมันเอง” เจ้าของร้านคนเก่ายืนขึ้นและแสดงแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์
ลั่วอู๋ ถอยกลับมาแล้วสูดหายใจลึก ๆ”ไม่ เจ้าของร้านคนเก่า ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน ข้าจะถ่วงเวลาไว้เอง ท่านรีบใช้โอกาสนี้พาทุกคนหนีออกไปด้านหลัง เร็ว”
“นายน้อย!” ทุกคนตกใจ
ดวงตาของลั่วอู๋มองไปที่ทุกคน “อย่าห่วงเลย ข้ามีวิธีป้องกันตัว พวกเจ้ารีบหนีไปเถอะ”
หลี่หยินได้แต่กัดฟัน ดวงตาอันงดงามของนางเต็มไปด้วยความกังวลและสับสน
มือนุ่มๆ ของนางบีบแน่นอย่างไม่สบายใจ
ครั้งนี้นายน้อยของนางต้องลำบากแน่ ๆ
“หืม คิดว่าจะหนีได้รึ ขอโทษด้วยนะ แต่พวกเจ้าทุกคนจะไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นในวันนี้”
“ล้อมมันเอาไว้” จางหยวนฉงตะโกน
ทันใดนั้นพวกอันธพาลก็เดินไปกันทางประตูหน้าและประตูหลังเอาไว้
คงเปรียบได้กับว่ามีหมาป่าดักอยู่ข้างหน้าและส่วนข้างหลังก็เป็นเสือ พวกเขาไม่มีทางหนีรอด
อย่างไรก็ตามปัญหาหลักคือพี่น้องตระกูลจาง พวกเขาใช้ทักษะสัตว์วิญญาณของตนเองในการสร้างความปั่นป่วนในศาลาไป่หยู่
ลั่วอู๋วางมือลงบนไหปีศาจอย่างช้าๆ
ไหปิศาจไม่สามารถนำสิ่งมีชีวิตทั่วไปเข้ามาในมิติไหได้ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถนำพรรคพวกไปซ่อนในไหได้
ตอนนี้เขาจึงมีเพียงวิธีเดียว
คือการปลดปล่อยสัตว์วิญญาณทั้งหมดในมิติไห จากนั้นนั้นพวกอันธพาลในศาลาไป่หยู่ก็คงถูกบดขยี้ด้วยสัตว์วิญญาณนับร้อยที่หลุดออกมาพร้อมกับความสับสน
แล้วพวกเขาก็น่าจะหาจังหวะหนีรอดออกไปได้
อย่างไรก็ตามการจู่โจมด้วยการปล่อยสัตว์วิญญาณหลายร้อยตัว พร้อมกันก็ค่อนข้างน่ากลัวและเสี่ยง มันเหมือนพึ่งพาโชคเพื่อความอยู่รอด
แรงกดดันวิญญาณของพี่น้องตระกูลจางนั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และพร้อมที่จะสู้อย่างเต็มที่
ทว่าขณะจู่ ๆ ก็เกิดเสียงดังขึ้นนอกศาลาไป่หยู่
“ ใครกันที่กล้ามาสร้างปัญหาให้ศาลาไป่หยู่ โดยข้ามหน้าข้ามตาหลิวหูผู้นี้” โทนเสียงที่ดูหยาบคายและบ้าบิ่นดังขึ้นมา
สีหน้าของพี่น้องตระกูลจางเปลี่ยนไปในทันที
ใครกัน
เสียงของมันทรงพลังมาก เจ้านี่ไม่ใช่คนธรรมดา
ศาลาไป่หยู่ มีสหายที่แข็งแกร่งขนาดนี้ด้วยงั้นหรือ
ดวงตาของลั่วอู๋ดูสดใสขึ้น
หลิวหู!
ในตอนแรกลั่วอู๋คิดว่าเสียงของเขาดังเกินไปและน่ารำคาญ แต่ตอนนี้การที่เขาได้ยินเสียงดังของหลิวหูนั้น เป็นเรื่องดีและเหมือนได้ยินเสียงสวรรค์
“ออกไปให้พ้นทางของข้า” หลิวหูเตะกลุ่มอันธพาลสองคนที่เฝ้าประตู
“อ้ากก ! ขอโทษด้วยลูกพี่”
นักเลงสองคนถูกเตะ
ในที่สุดเขาก็พังประตูของศาลาไป่หยู่เขามา
ชายร่างใหญ่ที่มีงูสีดำพันอยู่ที่เอวเดินเข้ามา ถึงแม้งูสีดำตัวนั้นดูจะมีลำตัวที่ใหญ่เกินไปสักหน่อย แต่หลิวหูก็ไม่ได้ไม่สนใจ
“ข้าแค่ไปล่าสัตว์มาสองเดือนก็ไม่มีใครจำข้าได้แล้วรึไง ข้าบอกว่าข้าจะคุ้มครองศาลาไป่หยู่ ไม่มีใครรู้เลยรึไง”หลิวหูคำรามลั่น
ที่ด้านหลังมีกลุ่มผู้ชายที่มีท่าทางเหมือนกันตามเขามามากกว่าสิบคน
พวกเขาทั้งหมดเป็นสมาชิกของทีมคมมีด
ด้วยมีดอันคมกริบ พวกเขาคือทีมล่าสัตว์ที่ทรงพลังที่สุดในเมืองแห่งความพินาศ
ใบหน้าของหวันเฟยเปลี่ยนไป “หลิวหู”
สิ่งที่พวกอันธพาลอย่างพวกเขากลัวที่สุดคือการไปยั่วยุทีมล่า ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่ทรงพลังและผ่านสมรภูมิมาด้วยดาบที่เปื้อนเลือดของพวกเขา
หลิวหูเหลือบมองไปที่หวันเฟยแล้วพูดว่า “อืม หวันเฟยนักเลงตัวน้อย ทำไมถึงกล้ามาหาเรื่องกับศาลาไป่หยู่ ใครจ้างแกมา”
ก่อนหน้านี้ งูทองคำของหลิวหูได้วิวัฒนาการขึ้นอย่างประสบความสำเร็จเพราะศาลาไป่หยู่
มันเป็นเรื่องที่ได้รับการพูดถึงมากในหอคอยหวงชา
แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าหลิวหูและศาลาไป่หยู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในภายหลัง และได้พูดคำเช่นนั้นออกไปด้วย
หวันเฟยตัวสั่นด้วยความกลัวอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อเขาแตะแผ่นป้ายบนหน้าอก ก็เหมือนได้รับความมั่นใจกลับคืนมา “ข้าเป็นคนของทีมหวงชาแล้ว”
“ทีมหวงชา” หลิวหูขมวดคิ้วขมวดและคิดว่ามันค่อนข้างจะยุ่งยาก
มันเป็นปัญหาหากจะต้องรับมือกับทีมหวงชา
พี่น้องจางยืดอกและจ้องมองมาที่หลิวหู “สหาย นี่มันเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ผดุงความยุติธรรมของข้ากับศาลาไป่หยู่ มันจะเป็นการดีกว่าถ้าคนนอกอย่างเจ้าจะไม่ผสมโรง”
แม้ว่าเราทุกคนจะรู้ว่าเบื้องหลังมันคือหอคอยหวงชาที่กำลังมีเรื่องกับศาลาไป่หยู่
แต่ก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อะไร อธิบายก็ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน พวกเขาได้ใช้ชื่อกลุ่มอีฉีบังหน้าแต่เพียงเท่านั้น
“โอ้” หลิวหูได้ยินก็ยิ้มและตะโกนออกมา “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมอะไรของเจ้าหรือ ทีมหวงชา ข้าก็จะขอบอกว่าข้าปกป้องศาลาไป่หยู่อยู่ ถ้าเจ้าต้องการจะมีเรื่องกับศาลาไป่หยู่ก็ต้องผ่านข้าไปก่อน ข้าคนนี้ไม่เคยผิดสัญญา ใช่ไหมล่ะเหล่าพี่น้อง! “
ทันใดนั้นผู้คนที่ตามหลิวหูมาก็ส่งเสียงกู่ร้องดังก้อง
“ขอรับ ลูกพี่ “
“ข้าไม่ต้องสนใจหอคอยหวงชา ข้าไม่จำเป็นต้องไว้หน้าหวงชา ตกลงเจ้าต้องการอะไรกัน” รอยยิ้มของหลิวหูดูโหดร้ายและงูทมิฬปีกกระดูกที่เอวของเขาก็ค่อย ๆ ยกศีรษะขึ้น
งูทมิฬปีกกระดูกที่ดุร้ายเหมือนค้างคาวในเวลากลางคืน มันค่อย ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศและมังกรไฟทั้งสองตัวก็ได้แต่ต้องหลบ
มันปล่อยลมหายใจสัตว์วิญญาณของระดับทองออกมา
ทุกคนในศาลาไป่หยู่ มองไปที่หลิวหูด้วยความขอบคุณ
หัวใจของลั่วอู๋เต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม ในตอนแรกเขาแค่ต้องการขายของให้มีคุณภาพที่ดีสำหรับลูกค้าและต้องการกู้ชื่อเสียงของศาลาไป่หยู่
เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลิวหูจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาทำมากนัก
ถึงขั้นที่กลายเป็นศัตรูกับทีมหวงชา
ข้าเป็นหนี้ท่าน! ลั่วอู๋คิดในใจ เขารู้สึกขอบคุณในความเป็นคนดีของหลิวหู