ฟางเจิ้งรีบสวดมนต์ พยายามยับยั้งความตะกละต่อมื้อเช้าไว้ แต่ก็ไม่เป็นผล ด้วยความจำใจ จึงได้แต่ปลอบตัวเอง “ข้าวลงหม้อแล้ว จะให้สิ้นเปลืองไม่ได้ มื้อเย็น มื้อเย็นฟุ่มเฟือยอีกหน่อยแล้วกัน….”
พูดจบหมาป่าเดียวดายกระโดดโลดเต้นไปมาในห้องอย่างตื่นเต้น ฟางเจิ้งรีบตบมันไปทีหนึ่ง “กระโดดอะไรนักหนาหะ? ไปเลย! รีบไปเอาฟืนมาอีกหน่อย ไม่งั้นข้าวเย็นไม่มีส่วนของนาย!”
หมาป่าเดียวดายได้ยินดังนั้นก็วิ่งไป เร็วกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า
ฟางเจิ้งมองค้อน หมาป่าบ้านี้จะต้องเป็นผีหิวโซกลับชาติมาเกิดแน่…
ไม่นานข้าวก็สุก กลิ่นหอมโชยเข้าจมูก มีกลิ่นที่ไม่แย่ไปกว่าข้าวที่หุงด้วยข้าวผลึกทั้งหมดแม้แต่น้อย ประกอบกับครั้งนี้ปนข้าวธรรมดาไปเจ็ดแปดส่วน จึงมีจำนวนอัดแน่น ฟางเจิ้งกับหมาป่าเดียวดายกินกันอย่างมูมมาม จนกระทั่งอิ่มไม่ไหวแล้วถึงหยุด แต่ข้าวในหม้อไม่เหลือสักเม็ด แถมยังเลียชามจนสะอาดกว่าล้าง!
“สบาย!” ฟางเจิ้งหย่อนก้นนั่งลงบนพื้น หลังพิงกำแพง
“โฮ่ง…” หมาป่าเดียวดายพิงกำแพง เหยียดขา มีสีหน้าพอใจเลียนแบบฟางเจิ้ง
ฟางเจิ้งมองหมาป่าเดียวดายที่เหมือนคนไปทุกทีพลางอดถามในใจไม่ได้ “ระบบ ถึงหมาป่าเดียวดายจะเป็นจ่าฝูงหมาป่า มีสติปัญญาสูง แต่ก็สูงขนาดนี้เลยเหรอ? มีนิสัยขี้เกียจ แถมยังทำหน้าแบบนี้อีก…”
“ติ๊ง! ข้าวผลึก น้ำบริสุทธิ์เปิดสติปัญญาให้สิ่งมีชีวิตได้ ยิ่งกินข้าวผลึกกับน้ำบริสุทธิ์นานเท่าไร ก็ยิ่งเปิดสติปัญญาได้มากเท่านั้น และก็ยิ่งปราดเปรียว”
“แล้วแบบนี้มันจะไม่เป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาเหรอ?” ฟางเจิ้งตกใจ หากเป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาก็จะกลายเป็นปีศาจรึเปล่า? ในภาพจำ ปีศาจเป็นพวกกินคนไม่คายกระดูก
“ในทางทฤษฎี หากมีกุศลมากพอ ทุกสรรพสัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาได้ แต่ว่าในโลกของนาย ยากมาก ยากมาก ยากมาก”
พอได้ยินระบบบอกว่ายากมากสามครั้งฟางเจิ้งก็วางใจ พูดเรื่องสำคัญสามรอบแบบนี้เดาว่าไม่ได้ล้อเล่น
ฟางเจิ้งตบหัวหมาป่าเดียวดาย ก่อนเก็บทำความสะอาดห้องครัวจนเอี่ยมอ่องถึงเดินออกไป เขารดน้ำบริสุทธิ์ให้ต้นโพธิ์เล็กน้อยก่อนพึมพำ “น้ำวิเศษขนาดนี้ หวังว่าจะมีผลกับแกบ้างนะ อย่างน้อยก็ให้ผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้ ปีหน้าแกจะต้องเหงาอีกสักระยะ”
พูดจบฟางเจิ้งก็เดินไปกุฏิ
ตอนนี้เองระบบส่งเสียงอีกครั้ง
“ระบบประกาศภารกิจที่สาม จุดธูปต่อเนื่อง สะสมให้ได้หนึ่งร้อยดอก ไม่มีเวลาจำกัด หลังภารกิจสำเร็จจะได้กล่องบริจาคเป็นรางวัลหนึ่งกล่อง!”
“ระบบ นี่มันเกินไปรึเปล่า? โยนกล่องบริจาคฉันทิ้งแล้วยังให้ฉันทำงานให้นายเนี่ยนะ?” ฟางเจิ้งยิ้มแห้ง แต่ก็ช่วยไม่ได้ ระบบบ้าบอ ได้แต่อดกลั้น! ถึงอย่างไรเป้าหมายของเขาก็คือการสำเร็จอรหันต์ให้เร็วๆ แล้วจะได้รีบสึก ส่วนปัญหาเรื่องธูปร้อยดอก ถึงยังไงก็ไม่มีเวลาจำกัด เขาไม่รีบ อีกอย่างตามสถานการณ์ด้านการพัฒนาตอนนี้แล้ว ภายภาคหน้าคงจะมีคนมาจุดธูปอีกเล็กน้อย…อย่างน้อยพวกหวังโอ้วกุ้ยก็น่าจะทำงานอย่างสุดชีวิตเพื่อข้าวผลึก
ฟางเจิ้งไม่มีอะไรทำจึงหยิบมือถือขึ้นมาต่อไวฟาย เข้าอินเทอร์เน็ต
“อืม ธูปร้อยดอก เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลย มาคิดๆ ดูแล้วถ้าธูปถึงร้อยดอกจริงๆ เงินบริจาคค่าธูปก็คงพอให้ฉันกินใช้ได้ตามต้องการ ต้องพยายามแล้ว…” ฟางเจิ้งพูดกับตัวเองพลางค้นหาในอินเทอร์เน็ตว่าวัดอื่นบริหารวัดกันยังไง แต่ก็เป็นเรื่องราวที่คลุมเครือ เลียนแบบไม่ได้เลย
ขณะฟางเจิ้งกำลังทำหน้ากลุ้ม แอปวีแชตที่เขาไม่ได้เข้ามาหลายวันเด้งขึ้นมา
ฟางเจิ้งกลัดกลุ้มแล้ว เขาไม่ได้เข้าวีแชตมานานมาก อีกทั้งเพื่อนในนั้นยังเป็นเพื่อนสมัยเรียน มีเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ขึ้นลงเขาเล่นด้วยกันอีกหลายคน แต่พอฟางเจิ้งออกจากโรงเรียน คนเหล่านี้ก็ค่อยๆ จางออกจากโลกของเขา ต่อให้คุยกันในกลุ่ม ทุกคนยังคุยกับฟางเจิ้งน้อยมาก เหมือนอยู่คนละโลก
ดังนั้นถึงฟางเจิ้งจะท้อแท้ แต่ก็ช่วยไม่ได้
ตอนนี้เห็นข้อความเข้ามาจึงตกใจเล็กน้อย เปิดอ่านดูก็อึ้งไป นี่เป็นคำขอเพิ่มเพื่อน!
อีกฝ่ายใช้ชื่อว่าไห่จิ้งมี่ มีคำอธิบายว่า “หนูฟางอวิ๋นจิ้งเอง รบกวนไต้ซือเพิ่มเพื่อนด้วยค่ะ”
ฟางเจิ้งอึ้งไป ไม่นึกเลยว่าจะเป็นฟางอวิ๋นจิ้ง! แต่เธอรู้ไอดีวีแชตเขาได้ยังไง?
สำหรับคนสวยอย่างฟางอวิ๋นจิ้งแล้ว ฟางเจิ้งย่อมจำได้อย่างแม่นยำ ช่วยไม่ได้ ตั้งนานเพิ่งจะมีคนสวยขึ้นเขามาเป็นคนแรก จะไม่จำก็ไม่ได้ อีกอย่างเขาเป็นหลวงจีนปลอมที่เป็นมนุษย์ มีใจอยากสึกแล้วแต่งงานอย่างนั้นเหรอ?
ตอบเลยว่าใช่!
“ไต้ซือ ในที่สุดก็เล่นสักทีนะ รอแทบแย่”ฟางอวิ๋นจิ้งออนไลน์อยู่!
ฟางเจิ้งยิ้มเฝื่อน “อาตมาเป็นนักบวช เข้าอินเทอร์เน็ตน้อยมาก โยมมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
“ไต้ซือ คืออย่างนี้ ก่อนหน้านี้พวกเราบอกว่าจะช่วยท่านประกาศเรื่องวัดใช่ไหม? แต่พวกเราขาดข้อมูลน่ะ ท่านถ่ายรูปส่งให้พวกเราหน่อยได้ไหม? พวกเราจะเอาไปแสดงที่มหาวิทยาลัย อีกอย่าง จ้าวต้าถงก็วางแผนว่าพรุ่งนี้จะพาพวกเพื่อนๆ ไปหาท่านด้วย” ฟางอวิ๋นจิ้งกล่าว
ฟางเจิ้งรับรู้แล้ว นี่เป็นเรื่องดี! เดิมทีเขาไม่หวังอะไรกับพวกนักศึกษาสองสามคนอยู่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่านักศึกษาพวกนี้จะพยายามช่วยเขาจริงๆ! พลันมีชีวิตชีวาอีกครั้ง คิดในใจว่า ‘ทำความดีไม่เสียเปล่าจริงๆ ช่วยคนไม่เสียเปล่า!’
ดังนั้นฟางเจิ้งจึงตอบกลับ “ไม่มีปัญหา เดี๋ยวอาตมาจะถ่ายรูปไปให้ แต่ว่ากล้องมือถืออาตมามีพิกเซลน้อย ภาพเลยไม่ดีนะ”
“ภาพธรรมดาก็พอค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการเอง รับรองว่าจะแต่งให้สวยเลย!” ฟางอวิ๋นจิ้งส่งอิโมติคอนมั่นใจมา
ในความคิดฟางเจิ้งมีสีหน้ามั่นใจของเด็กสาวเพิ่มมา จึงหัวเราะเหอะๆ “ขอบคุณโยมมาก”
“ไม่เป็นไรค่ะไต้ซือ ท่านเป็นคนมีความสามารถจริงๆ ไม่ควรถูกขังอยู่ที่นั่น พวกเราจะช่วยเอง” ฟางอวิ๋นจิ้งตอบ
ฟางเจิ้งกับฟางอวิ๋นจิ้งกล่าวขอบคุณกันแล้ว ฟางอวิ๋นจิ้งก็ไปเข้าเรียน ออฟไลน์ไป
ฟางเจิ้งตรึกตรองครู่หนึ่งถึงหยิบมือถือขั้นสุดยอดของเขาเดินออกไป อันดับแรกเขาถ่ายภาพวัดเอกดรรชนีเต็มๆ หนึ่งภาพ จากนั้นถ่ายเฉพาะจุดของวัดเอกดรรชนีจำนวนมาก รวมถึงต้นโพธิ์รนหาที่ตาย กระทั่งหมาป่าเดียวดายก็ถูกถ่ายไว้หลายภาพ ก่อนหมาป่าเดียวดายจะถูกทุบตีไปยกหนึ่ง…
“เจ้าหมาโง่ ครั้งหน้าไปฉี่ไกลๆ หน่อย อย่ามาฉี่หน้าประตูอีก! ฉันว่าแล้วทำไมใกล้ๆ ถึงมีกลิ่นแปลกๆ เป็นแกนี่เอง” ฟางเจิ้งถือไม้ตะบองวิ่งไล่ตามหมาป่าเดียวดายอยู่นาน…
ยามเย็น ฟางเจิ้งหุงข้าวอีกหม้อ กินกับหมาป่าเดียวดายจนอิ่ม ก่อนหยิบมือถือเข้าอินเทอร์เน็ต!
แต่ครั้งนี้มีคำขอเป็นเพื่อนติดๆ กัน เป็นพวกจ้าวต้าถง หูหนานและหม่าเจวียนสามคน
ฟางเจิ้งตบเข้าหน้าผากทีหนึ่งแล้วส่งข้อความไปหาฟางอวิ๋นจิ้ง “โยม รู้ไอดีวีแชตอาตมาได้ยังไง?”
ฟางอวิ๋นจิ้งส่งอิโมติคอนน่ารักกลับมา “ขอโทษค่ะไต้ซือ หนูค้นหาเพื่อนใกล้ๆ วัด เป็นฟังก์ชันใหม่ของวีแชต ไม่ออนไลน์ก็หาเจอ…ทั้งวัดมีท่านคนเดียว จะต้องเจอแต่ท่านแน่ ไต้ซือ ตอนเด็กนี่แบ๊วจังเลยนะคะ”
……………………………