กู้ชูหน่วนไม่ได้บอกให้พวกเขาลุกขึ้นในทันที ตรงกันข้าม นางเล่นกับตราคำสั่งจักรพรรดิอย่างเบื่อหน่าย ปากก็พึมพำว่า “ตราคำสั่งนี้ช่างสนุกเสียจริง ต่อไปข้าคงต้องเอามาส่องเล่นทุกวันเสียแล้ว”

ทุกคนโกรธจนแทบจะกระอักเลือด

ส่องเล่นทุกวัน?

นางยังกล้าพูดออกมางั้นหรือ

มีใครที่ไหนบ้างที่เอาตราคำสั่งของจักรพรรดิพระองค์ก่อนมาชูเล่นอย่างนี้

กู้ชูหลานกับอู่อี๋เหนียงและคนอื่นๆ กัดฟันกรอด

ทุกคนคุกเข่ามานานแล้ว กู้ชูหน่วนตาบอดหรือเป็นใบกันแน่ เหตุใดจึงยังไม่รีบบอกให้พวกนางลุกขึ้นอีก

หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง กู้ชูหน่วนก็ยังไม่ขยับเขยื้อน กู้ชูฉิงทนไม่ไหวและเอ่ยอย่างโมโหว่า “เจ้าคิดจะให้พวกเราคุกเข่าจนถึงเมื่อไหร่กันแน่”

“ทำไมรึ หรือเจ้าไม่เต็มใจจะคุกเข่าให้จักรพรรดิพระองค์ก่อน ถ้าเช่นนั้นเราไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ให้ฝ่าบาทพระราชทานเอกสิทธิ์ให้เจ้ากันเถอะ”

“กู้ชูหน่วน เจ้ากำลังเล่นอะไรอยู่”

“น่าแปลกจริง ข้าเล่นสนุกอะไรกับเจ้างั้นหรือ ผู้ที่บอกให้พวกท่านคุกเข่าคือฝ่าบาทพระองค์ก่อน ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย”

อึก…

จักรพรรดิพระองค์ก่อนล่วงลับไปหลายปีแล้ว พระองค์จะสั่งให้พวกนางคุกเข่าได้อย่างไร

นางเป็นสุนัขจิ้งจอกที่แอบอ้างเป็นเสือสิไม่ว่า

แม้ว่าชิวเอ๋อร์จะแปลกใจที่คุณหนูของนางได้ตราคำสั่งมา แต่นางกลัวว่าเรื่องจะบานปลายไปใหญ่จึงรีบเกลี้ยกล่อมว่า

“คุณหนู นายท่านและท่านอื่นๆ ยังคุกเข่าอยู่เลยนะเจ้าคะ ยามค่ำคืนอากาศหนาว เหตุใดจึงไม่ให้นายท่านลุกขึ้นก่อนล่ะเจ้าคะ”

“ก็ได้ เพื่อเห็นแก่หน้าเจ้า จักรพรรดิพระองค์ก่อนจะปล่อยพวกเขาไปชั่วคราวก่อน พวกท่านลุกขึ้นได้”

ทุกคนกระอักเลือด

จักรพรรดิพระองค์ก่อนปล่อยพวกเขาชั่วคราวอะไรกัน

“เจ้ามันอกตัญญู” อัครเสนาบดีกู้คำราม

มีใครบนโลกนี้บ้างที่อาศัยพระนามของจักรพรรดิพระองค์ก่อนบังคับให้พ่อของตัวเองคุกเข่า

นางไม่กลัวโดนฟ้าผ่าหรอกหรือ

เขาคิดมาตลอดว่ากู้ชูหน่วนมาเพื่อคุกเข่าร้องขอความเมตตา แต่ไม่เคยคิดเลยว่ากู้ชูหน่วนจะกล้าทำกับเขาเช่นนี้

“ฮึ ในเมื่อท่านไม่ปฏิบัติเหมือนข้าเป็นบุตรสาว แล้วเหตุใดข้าจะต้องปฏิบัติต่อท่านเยี่ยงบิดาด้วย ความสัมพันธ์ของเราก็เหมือนกับผ้าผืนนี้ ที่ขาดจากกันไม่มีวันต่อติด”

กู้ชูหน่วนฉีกชายกระโปรงของตนเองออกเป็นสองส่วนแล้วโยนขึ้นกลางอากาศ

วิธีเช่นนี้เด็ดขาดเกินไปจนทุกคนคาดไม่ถึง

กู้ชูหน่วนบ้าไปแล้วงั้นหรือ

นางรู้เรื่องความด้อยกว่าของสตรีในยุคสมัยนี้หรือไม่ นางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว หากไม่มีจวนอัครเสนาบดีให้พึ่งพิง สถานการณ์ของนางจะยากลำบากมาก

“คุณหนู ท่านถูกผีเข้าสิงหรืออย่างไร เราออกไปจากจวนอัครเสนาบดีไม่ได้นะเจ้าคะ” ชิวเอ๋อร์กังวลใจ

“กู้ชูหน่วน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร”

“รู้สิ เราสองคนไม่ใช่พ่อลูกกันอีกต่อไป ไม่ใช่ว่าท่านคิดว่าข้าเป็นหนามยอกอกมาโดยตลอดงั้นหรือ เป็นของแสลงตา ทั้งยังเป็นความอัปยศอดสูของท่าน อย่างนี้ก็ดีแล้ว ต่อไปทุกอย่างเกี่ยวกับข้าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก”

อู่อี๋เหนียงกลัวว่าจะไม่ได้เงินสองแสนตำลึงคืน จึงรีบกระซิบว่า “นายท่าน ข้าว่าคุณหนูสามจะต้องไม่อยากคืนเงินสองแสนตำลึงให้หลานเอ๋อร์และไม่ต้องการนำเงินที่ชนะองค์หญิงและคนอื่นๆ ออกมาเป็นแน่ นางจึงได้จงใจตัดสัมพันธ์พ่อลูกกับท่าน”

กู้ชูหลานสำทับว่า “คงไม่ใช่ว่าพี่สามกลัวว่าเราจะแย่งเงินหรอกนะเจ้าคะ เงินที่ท่านตาให้หลานเอ๋อร์มาสองแสนตำลึง หลานเอ๋อร์ไม่เคยคิดจะเก็บมาเป็นของตัวเองเลย หลานเอ๋อร์คิดจะให้ท่านพ่อมาใช้ขยายวงศ์ตระกูล แต่พี่สาม… นาง… นางกลับชิงเงินของข้าไปก่อน”

อัครเสนาบดีกู้ดูเหมือนจะเข้าใจดีขึ้นเล็กน้อย

เขายังเดาอีกว่าที่กู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ น่าจะเป็นเพราะมีเงินหนึ่งล้านตำลึงมาเป็นประกันอยู่แล้ว

นอกจากนี้เงินหนึ่งล้านตำลึงก็เพียงพอแล้วที่นางจะใช้ชีวิตโดยปราศจากความกังวลไปหลายชั่วอายุคน

“เจ้าอยากจะตัดขาดกับข้าก็ได้ แต่ข้ามีเงื่อนไขสองประการ ประการแรก มอบเงินทั้งหมดที่เจ้าเอาชนะหลานเอ๋อร์คืนมา ประการที่สอง เกี้ยวเจ้าสาวจากตระกูลกู้ต้องไปยังจวนหานอ๋อง”