ส่วนที่ 3 ตัวแทนคนรัก ตอนที่ 2 ตัวแทนคนรัก (2)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

เมืองเซียงเฉิงในเดือนกรกฎาคม ฝนตกพรำๆ ไม่ขาด 

 

 

ตอนที่ลั่วชูชูถือขนมเค้กเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้า ฝนได้หยุดตกนานแล้ว บนพื้นเต็มไปด้วยแอ่งน้ำเล็กๆ ตื้นบ้างลึกบ้างเต็มไปหมด 

 

 

“แย่แล้ว!” 

 

 

เธอกุมหน้าอย่างหัวเสีย แล้วมองไปยังกล่องขนมเค้กในมือบนด้วยความตื่นเต้น วันนี้เป็นวันเกิดของเซียวจิ่งมั่ว เค้กก้อนนี้เธอลงมือทำเองที่ร้าน DIY เล็กๆ ร้านหนึ่งบนชั้นสี่ของห้างสรรพสินค้า  

 

 

ตอนนี้เกือบจะได้เวลาเลิกงานของเซียวจิ่งมั่วแล้ว แต่ลั่วชูชูกลับเอาแต่ยืนลังเลอยู่ที่ประตูทางเข้าห้างสรรพสินค้าไม่ไปไหน 

 

 

ต้องโทษที่ตัวเองสะเพร่าเกินไป รู้ทั้งรู้ว่าสองสามวันนี้มีฝนตกก่อนออกบ้านกลับลืมพกร่มเสียได้ กำลังคิดที่จะหันกลับเดินเข้าไปในห้างเพื่อซื้อร่มสักคัน สุดท้ายทันทีที่หันตัวไปลั่วชูชูก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่ 

 

 

หญิงสาวเยาว์วัยหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอสวมชุดเดรสสีแดง สวมเสื้อนอกสั้นสีขาว การแต่งตัวที่สวยงามแบบเรียบง่ายเข้ากับผมหยักเป็นลอนสีลูกเกาลัดอย่างดี ทำให้เธอดูเซ็กซี่น่าหลงใหลเป็นพิเศษ  

 

 

แน่นอน นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ลั่วชูชูนิ่งอึ้ง สิ่งที่ทำให้เธอต้องสนใจจริงๆ ก็คือ หน้าตาของหญิงสาวผู้นั้น… 

 

 

ดวงตารูปดอกท้อคู่นั้นของเธอ ท่าทีขวยเขิน สายตาดูผ่อนคลายสบายๆ 

 

 

ดวงตาคู่นี้ลั่วชูชูรู้สึกคุ้นเคยอย่าง เพราะตัวเธอเองก็มีดวงตาหนึ่งคู่แบบนั้น เพียงแต่เมื่อเทียบกับหญิงสาวที่อยู่ต่อหน้า ลั่วชูชูรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเทียบได้เลยอย่างสิ้นเชิง 

 

 

อาจเป็นเพราะว่าสายตาจดจ้องมากเกินไป หญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามานั้นจึงค่อยๆ หยุดเดินลงหน้าลั่วชูชู 

 

 

“สวัสดีค่ะ” 

 

 

เธอเอ่ยขึ้นเบาๆ น้ำเสียงไพเราะจนน่าประหลาดใจ 

 

 

“สะ…สวัสดีค่ะ” 

 

 

ลั่วชูชูมือไม้สั่น ความเก้อเขินปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ฉัน…ที่จริงฉัน…” ชั่วขณะหนึ่ง เธอก็เกิดอ้ำอึ้งขึ้นมาไม่รู้จะอธิบายยังไง 

 

 

“ฉันเองก็ตกใจมากเหมือนกันค่ะ” 

 

 

หญิงสาวดูเหมือนจะมองสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของลั่วชูชูออก ยิ้มบางให้ลั่วชูชูหนึ่งแล้วเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “เมื่อครู่ตอนที่เห็นคุณครั้งแรก ฉันเกือบจะนึกว่าตัวเองเดินทางข้ามเวลากลับมาพบตัวเองในอดีตเสียแล้ว” 

 

 

พวกเธอคล้ายกันมาก นอกจากดวงตาคู่นั้นแล้ว แม้แต่ส่วนอื่นของร่างกายก็คล้ายกันอย่างมาก 

 

 

“ในเมื่อได้พบกันแล้ว นี่ก็คงเป็นวาสนาอย่างหนึ่งนะคะ ฉันชื่อซูหว่านค่ะ” 

 

 

ซูหว่านส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับลั่วชูชูพลางยืนมือออกไป เมื่อได้ยินชื่อของซูหว่าน ลั่วชูชูก็ตัวเกร็งขึ้นมาทันที ผ่านไปสักครู่ เธอจึงกุมมือของซูหว่านด้วยความรู้สึกผิด “สวัสดีค่ะ ฉันชือลั่วชูชู”  

 

 

ซูหว่านรู้ดีว่าวันนี้คือวันเกิดของเซียวจิ่งมั่ว จึงตั้งใจมารอที่นี่เพื่อรอลั่วชูชูปรากฏตัว แต่ลั่วชูชูเข้าใจไปว่านี่เป็นเพียงการพบกันโดยบังเอิญเท่านั้น 

 

 

ซูหว่าน… 

 

 

ชื่อนี้ไม่ได้แปลกหูสำหรับเธอเลย ก่อนหน้านี้ไม่นานมีหญิงสาวแซ่ฟังคนหนึ่งมาพบลั่วชูชู บอกกับเธอว่าเซียวจิ่งมั่วไม่ได้รักเธอจริง เซียวจิ่งมั่วแค่เห็นเธอเป็นตัวแทนของอีกคนก็เท่านั้น 

 

 

และคนผู้นั้น ชื่อซูหว่าน คือรักแรกของเซียวจิ่งมั่ว  

 

 

ในตอนนั้น ลั่วชูชูรู้สึกสงสัย ไม่สบายใจ แต่เมื่อได้อยู่ร่วมกับเซียวจิ่งมั่วมาได้ปีกว่า เธอก็ยอมเชื่อว่าระหว่างพวกเธอคือรักแท้ 

 

 

พวกเธอ ต่างก็รักกันและกันแน่นอน สายตาของอีกฝ่ายไม่มีทางหลอกอีกฝ่ายได้ 

 

 

ก่อนจะถึงวันนี้ ลั่วชูชูเชื่อเรื่องนี้อย่างแน่แน่วมาโดยตลอด 

 

 

แต่ตอนนี้… 

 

 

รอยยิ้มที่มุมปากของลั่วชูชูดูฝืนๆ… 

 

 

เซียวจิ่งมั่วชอบตาของเธอมาก ทุกครั้งที่มองเธอดูเหมือนใส่ใจอย่างลึกซึ้งเป็นพิเศษ 

 

 

ทว่า ความรู้สึกเหล่านั้น คือความรู้สึกที่มองเธอจริงหรือเปล่า 

 

 

ลั่วชูชูเกิดไม่มั่นใจขึ้นมากะทันหัน 

 

 

ในขณะที่ลั่วชูชูแอบสงสัยอยู่ในใจ แต่อยู่ๆ ซูหว่านดูเหมือนจะเห็นขนมเค้กในมือเธอเข้า แล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าแปลกใจ “วันเกิดคุณหรือคะ วันนี้ก็ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งฉลองวันเกิดวันนี้พอดี บังเอิญจังเลยค่ะ!” 

 

 

“จริง…จริงเหรอคะ” 

 

 

มือที่ถือกล่องขนมเค้กของลั่วชูชูกุมแน่นโดยไม่รู้ตัว แม้ในใจเธอจะบอกตนให้รีบจากที่นี่ไปโดยเร็วไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่ร่างกายของเธอกลับไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย 

 

 

“แฟนคุณหรือคะ” 

 

 

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกไป ตัวลั่วชูชูเองก็รู้สึกสะดุ้ง แต่วินาทีต่อมาเธอก็ได้ถามต่ออีกว่า “หมายถึงคนที่ฉลองวันเกิดวันนี้น่ะค่ะ” 

 

 

เธอไม่สามารถหลอกตัวเองและหลอกคนอื่นได้ ว่าความจริงแล้ว…เธอก็อยากรู้ เธออยากรู้อย่างมาก 

 

 

“อืม ก็พอจะเรียกแบบนั้นได้ค่ะ” 

 

 

สีหน้าของซูหว่านดูลังเลเล็กน้อย “พวกเราไม่ได้เจอกันนานหลายปีแล้ว ไม่แน่ว่าเขา…อาจจะไม่รักฉันแล้วก็ได้” 

 

 

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอคะ” 

 

 

ลั่วชูชูรู้ตัวดีว่าสีหน้าเธอตอนนี้ดูไม่จืดเต็มที “ฉัน…ฉันยังมีธุระอยู่ ขอตัวก่อนนะคะ!” 

 

 

ไม่ต้องรอคำตอบจากซูหว่าน ลั่วชูชูก็หันตัวรีบวิ่งถลาออกจากห้างสรรพสินค้าไป เธอลืมแม้กระทั่งซื้อร่มกันฝน 

 

 

หญิงสาวที่จมอยู่ในความรักนี่นะ… 

 

 

ซูหว่านส่ายหน้าเบาๆ เธอเดินไปยังประตูทางเข้า เห็นเธอวิ่งฝ่ากลางสายฝนดูน่าเวทนา วิ่งออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกรถมาเซราติสีดำคันหนึ่งขวางทางเอาไว้ 

 

 

ซูหว่านอยู่ไกลออกไป ม่านสายฝนขวางกั้นเอาไว้จึงมองไม่เห็นหน้าตาคนที่อยู่บนรถ แต่ก็แน่ใจได้ว่า คนที่อยู่บนรถนั้นไม่ใช่เซียวจิ่งมั่วอย่างแน่นอน 

 

 

“ขึ้นรถครับ!” 

 

 

หน้าต่างรถมาเซราติค่อยๆ เลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มคนนั้นดูไปแล้วน่าจะอายุราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีได้ ผมสั้นๆ ดูนุ่มสลวยย้อมเป็นสีเกาลัดแนบติดอยู่บนหน้าผากอันเรียบเนียนของเขา ผิวกายของชายคนนั้นไม่ได้ขาวมาก แต่กลับดูสุขภาพดีชวนหลงใหลอย่างมาก ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเจือด้วยความเศร้า โดยเฉพาะดวงตาดำขลับคู่นั้น มีแววเยือกเย็นฉายผ่านผ่านเป็นบางครั้ง จนทำให้รู้สึกน่าหวาดกลัวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว 

 

 

ยังดี แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าเขาจะดูเย็นชา แต่แววตาของเขายังดูสงบนิ่ง 

 

 

“อ๊ะ! ฟังจื่อมู่” 

 

 

ลั่วชูชูเห็นใบหน้าของชายผู้นั้นก็นิ่งอึ้ง ลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายเธอก็เปิดประตูเข้าไปในรถนั้นอย่างรวดเร็ว 

 

 

ฟังจื่อมู่มองลั่วชูชูผ่านกระจกมองหลังปราดหนึ่ง กำลังเตรียมออกรถไป ทันใดนั้นสายตาของเขาก็มองไปหยุดที่สถานที่แห่งหนึ่ง 

 

 

หัวใจที่เฉยชาจนไร้ความรู้สึกดวงนั้น จู่ๆ ก็เต้นรัวรุนแรงขึ้นมาทันใด 

 

 

นั่นเธอนี่! 

 

 

กลางดวงตาฉายแววเยือกเย็นขึ้นมาแวบหนึ่ง ฟังจื่อมู่รีบเปิดประตูถลาออกไปยังประตูทางเข้าห้างสรรพสินค้า แต่เมื่อเขาวิ่งไปถึงที่นั่นแล้ว เงาร่างที่ทำให้เขาต้องหัวใจเต้นรัวร่างนั้นก็หายไปเสียแล้ว 

 

 

ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย สายตาของฟังจื่อมู่พร่ามัว น้ำฝนอันเย็นยะเยือกไหลไปตามเส้นผมสั้นๆ นุ่มสวยของเขาลงมาบนใบหน้าหยดแล้วหยดเล่า 

 

 

เธอเหรอ 

 

 

ฟังจื่อมู่กำหมัดทั้งสองแน่นโดยไม่รู้ตัว จนเป็นรอยแผลแดงยาวเป็นทางบนกลางฝ่ามือ อยู่กลางสายฝนสักครู่หนึ่ง แล้วเขาจึงหันกลับเดินจากไปเงียบๆ 

 

 

ท่ามกลางเมฆฝนสีคราม เงาร่างสูงใหญ่นั้นดูแล้วช่างอ้างว้างไม่น้อย 

 

 

จนกระทั่งมาเซราติสีดำคันนั้นวิ่งออกไปท่ามกลางสายฝน ซูหว่านจึงได้กางร่มแล้วเดินออกมาจากมุมหนึ่ง 

 

 

ตอนที่เขารู้สึกถึงตัวเธอ ความจริงเธอก็เห็นเขาแล้วเช่นกัน 

 

 

ซูหว่านเดาได้แต่แรกแล้วว่าเจ้าของรถคันนั้นน่าจะเป็นคุณชายฟังจื่อมู่ แต่เมื่อเห็นชายคนนั้นลงจากรถ ซูหว่านก็รีบหันตัวเดินหลบเข้ามุมราวกับเป็นสัญชาตญาณ  

 

 

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ แต่ใบหน้าดวงนั้น ใบหน้าดวงนั้นเหมือนกับซูรุ่ยจนแยกไม่ได้ มีชั่วขณะหนึ่ง ทำให้ซูหว่านต้องรู้สึกตกใจขึ้นมาจริงๆ 

 

 

บางทีอาจจะเพียงแค่หน้าตาคล้ายกัน 

 

 

เอาเถอะ ซูหว่านต้องยอมรับ ฟังจื่อมู่เพียงหน้าตาดูคล้ายกับซูรุ่ยที่เธอรู้จัก สายตาของเขา กลิ่นอายที่แฝงอยู่ในเส้นผมยุ่งเหยิง และความรู้สึกหลังจากเธอได้พบเขา ล้วนแต่เหมือนกับซูรุ่ยราวกับเป็นคนเดียวกัน 

 

 

อีกทั้ง หากซูหว่านรู้สึกไม่ผิดละก็ เมื่อคู่อีกฝ่ายก็จำเธอได้ จนปัญญาจริง สัมผัสรับรู้ของซูรุ่ยช่างยอดเยี่ยมเสียจนน่ากลัวอะไรเช่นนี้ 

 

 

เพียงแต่…ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แถมยังกลายเป็นฟังจื่อมู่อีก 

 

 

ซูหว่านมีลางสังหรณ์ว่าภารกิจของตนในครั้งนี้คงจะไม่สำเร็จได้แต่โดยง่าย..