ตอนที่ 87 อยากแยกบ้านใจจะขาด / ตอนที่ 88 ซื้อที่

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 87 อยากแยกบ้านใจจะขาด

คนสกุลไป๋ไม่รู้สถานการณ์การสอบในโรงเรียนของไป๋เสี่ยวเฟิง บัดนี้เมื่อได้ยินไป๋จื่อพูดขึ้นมาก็ย่อมไม่เชื่อ ในสายตาของพวกเขานั้น ไป๋เสี่ยวเฟิงเป็นคนที่ในอนาคตจะทำงานราชการ ไม่มีทางผิดไปจากนี้

หลิวซื่อชี้หน้าต่อว่าไป๋จื่อ “นางเด็กชั่ว จะไปแล้วยังใส่ร้ายเสี่ยวเฟิงของพวกข้า เสียแรงที่ปกติเสี่ยวเฟิงของพวกข้าปฏิบัติดีกับเจ้า ช่างเป็นเด็กอกตัญญูที่เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ”

ปกติเสี่ยวเฟิงปฏิบัติดีกับนาง ฮ่าๆ…เรียกใช้นางไม่ต่างจากสาวใช้เนี่ยนะปฏิบัติดี ตอนเขากินข้าว แม้แต่โจ๊กนางก็ไม่ได้กิน ตอนที่เขานอนกลางวัน นางต้องยืนพัดวีให้เขาอยู่ข้างกายไม่หยุดย่อน ครั้นหยุดมือก็ทุบตีตำหนิ นี่เรียกว่าปฏิบัติดีได้หรือ

นางคร้านจะต่อปากกับหลิวซื่อ ไร้ความหมาย คนบ้านนี้พูดกลับดำให้เป็นขาวได้ ไม่รู้จักอับอายเลยสักนิด พูดจาไร้สาระกับพวกเขาไป ก็เปลืองแรงและน้ำลายเสียเปล่าๆ

จ้าวหลานประทับลายนิ้วมือลงบนหนังสือแล้ว หญิงชราก็ประทับลายนิ้วมือหลังจากไป๋เสี่ยวเฟิงพยักหน้าเช่นกัน จากนั้นทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป

ไป๋จื่อกลับเรือน หิ้วกระเป๋าที่เก็บไว้เรียบร้อยแล้วออกมา

หลิวซื่อพุ่งไปปลดกระเป๋าจากมือของไป๋จื่อ ก่อนจะเทกระจาดข้าวของข้างในออกมาต่อหน้าทุกคน นอกจากเสื้อผ้าเก่าขาดแล้ว ก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น

เด็กสาวมองนางอย่างเย็นชา แล้วขึ้นเสียงกล่าวว่า “หลิวกว้าหัว เจ้าจำไว้ นี่เป็นความไร้มารยาทสุดท้ายที่ข้าไป๋จื่อจะทน ต่อไปหากพบข้าในหมู่บ้านอีก แล้วยังกล้าไร้มารยาทเช่นนี้ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”

เจ้าใหญ่เห็นภรรยาถูกตะคอก จึงรีบออกปากช่วย “นางเด็กน่าตาย เจ้าพูดกับใครอยู่ เหตุใดถึงได้กล้าเช่นนี้”

นิ้วมือของไป๋จื่อชี้ไปที่เขา จากนั้นก็ชี้ไปยังทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ก่อนจะกล่าวย้ำชัดทีละคำ “คำพูดนี้ของข้า ไม่ได้กล่าวกับหลิวกว้าหัวเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่พูดกับพวกเจ้าสกุลไป๋ทุกคน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากคนสกุลไป๋กล้าไร้มารยาทกับข้าและแม่ข้าอีก ก็อย่าหาว่าข้าไป๋จื่อไม่เกรงใจ”

เสียงของนางแจ่มชัด ดังกังวานดุจระฆังเงิน ทุกคำเข้าหูของทุกคน ฟังดูแล้วไม่เหมือนกำลังพูดเล่น

เมื่อพูดจบ นางก็จูงจ้าวหลานหมุนกาย สาวเท้ายาวๆ ออกจากสกุลไป๋ไป ไม่มีความอาลัยอาวรณ์แม้สักนิด

หญิงชราเพิ่งรู้สึกตัว “เหตุใดพวกนางถึงไปอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ ในสถานการณ์นี้ พวกนางสองแม่ลูกน่าจะคุกเข่าต่อหน้าพวกเรา ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ขอร้องพวกเราว่าอย่าแยกบ้านไม่ใช่หรือ”

“เหตุใดเหมือนนางอยากแยกบ้านใจจะขาด”

หัวหน้าหมู่บ้านก็สะบัดแขนเสื้อจากไปเช่นกัน ทว่าหมอลู่กลับเก็บข้าวของอย่างไม่รีบร้อน พลางกล่าวกับหญิง “หกตำลึงเงินที่ติดข้าไว้ ท่านอย่าลืมเสียล่ะ เมื่อถึงเวลาแล้ว ข้าจะมารับถึงบ้าน”

สตรีสูงวัยสกุลไป๋มองไป๋จื่อและจ้าวหลานที่ค่อยๆ เดินไกลออกไป ในใจนางเกิดความคิดบางอย่าง นางกล่าวว่า “ท่านหมอลู่ เงินนี้พวกข้าคงจะจ่ายให้ไม่ได้ บัดนี้จ้าวหลานไม่ใช่คนสกุลไป๋ของพวกข้าอีกแล้ว เงินรักษาบาดแผลนี้ เจ้าต้องไปเอาจากนาง จะเอาจากข้าไม่ได้”

หมอลู่รู้ว่านางจะมาไม้นี้ ในใจเตรียมตัวไว้นานแล้ว เขาพูดตอบว่า “ท่านพูดเช่นนี้ก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผล ช่างเถิด สองตำลึงเงินข้าไปเอาจากนางก็ได้ แต่สี่ตำลึงเงินของเจ้าใหญ่ ท่านอย่าได้ปฏิเสธ นี่คงจะไปเอาจากจ้าวหลานไม่ได้กระมัง”

หญิงชราพูดไม่ออกในทันที เจ้ารองได้รับบาดเจ็บ นั่นเป็นฝีมือของหูเฟิง ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับจ้าวหลาน

หมอลู่แค่นหัวเราะเสียงเบา ก่อนจะถือล่วมยาก้าวเท้าจากไป

คนที่มองดูความคึกคักเห็นว่าไม่มีอะไรให้ดูแล้ว ก็พากันกระจายออกไปเป็นกลุ่ม มีเพียงช่างไม้เหลืออยู่สองสามคน “แม่เฒ่า ในบ้านท่านพังเสียหายจนมีสภาพเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องทำเครื่องเรือนใหม่เสียแล้ว พวกเราล้วนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน หากให้พวกข้าทำให้ ก็จะลดราคาให้ท่านถูกหน่อย เป็นอย่างไร”

……….

ตอนที่ 88 ซื้อที่

กาใดยังไม่เปิด กลับยกกานั้น[1]เสียจริงๆ หญิงชรากำลังกลัดกลุ้มเรื่องนี้ เมื่อช่างไม้เอ่ยขึ้นมา นางก็โมโหจนต้องก่นด่าออกไป

ช่างไม้เหล่านั้นทำให้หญิงชราโมโหเขาแล้ว คราวนี้ถึงได้รีบร้อนจากไป

นางมองสภาพเละเทะภายในเรือนรอบหนึ่ง บัดนี้นางมีความคิดอยากตายด้วยซ้ำ เพราะไม่เหลืออะไรทั้งนั้น ทุกอย่างพังเสียหายสิ้น

ไป๋ต้าเป่าเข้าไปวนดูในเรือนรอบหนึ่ง ก่อนจะออกมาพูดกับหญิงชราว่า “ท่านย่า หม้อชามล้วนเสียหาย แล้ววันนี้พวกเราจะกินอะไร”

“กินๆๆ เจ้ารู้จักแต่กิน ยังไม่รีบไปเก็บกวาดอีก” หลิวซื่อเห็นสีหน้าแม่สามีไม่ค่อยดีนัก จึงรีบลากลูกชายเดินไป จะได้ไม่เป็นการหาเหาใส่หัว

หลังจากไป๋จื่อและจ้าวหลานออกจากสกุลไป๋ พวกนางก็ตรงไปยังบ้านของหูจ่างหลิน

ไป๋จื่อปรึกษากับหูจ่างหลินไว้ก่อนหน้าแล้ว หลังจากพวกนางแยกบ้านกับสกุลไป๋ จะขออาศัยอยู่ที่เรือนไม้ที่บ้านพวกเขาก่อนระยะหนึ่ง

หูจ่างหลินเห็นพวกนางหอบกระเป๋าผ้าเข้ามา จึงยิ้มกล่าวในทันที “เรียบร้อยแล้วหรือ”

เด็กสาวพยักหน้า “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ พวกข้าแยกบ้านกับสกุลไป๋แล้ว ต่อไปไม่เกี่ยวข้องกันอีก”

ขณะเดียวกัน ท่านหัวหน้าหมู่บ้านผ่านสกุลหูพอดี เห็นไป๋จื่อและจ้าวหลานกำลังยืนอยู่ในลานบ้านสกุลหู จึงเข้ามาด้วยเช่นกัน เขาถามจ้าวหลานว่า “จ้าวหลาน เจ้ามีแผนการต่อจากนี้หรือยัง”

จ้าวหลานจะมีแผนการอะไรได้ ตอนนี้นางล้วนเชื่อฟังบุตรสาว บุตรสาวว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น

นางส่ายหน้า “ท่านอย่าถามข้าเลยเจ้าค่ะ ถามจื่อเอ๋อร์ดีกว่า นางวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว”

หัวหน้าหมู่บ้านเลิกคิ้ว ก่อนจะมองไปทางไป๋จื่อ “จื่อยาโถว รีบพูดมาเร็ว ต่อจากนี้พวกเจ้าสองแม่ลูกจะทำอย่างไร”

ไป๋จื่อกำลังอยากพูดเรื่องนี้กับหัวหน้าหมู่บ้าน เขาก็มาหาถึงที่ด้วยตนเอง ประหยัดเวลานางได้พอดี

“ท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้าน ตอนนี้พวกข้าไม่มีแม้แต่ที่อยู่อาศัย ทำได้เพียงอาศัยอยู่ในเรือนไม้ของบ้านท่านลุงหูไปก่อน ทว่าก็ไม่อาจอาศัยอยู่ที่บ้านของท่านลุงหูไปได้ตลอดเช่นกัน พวกข้าอยากสร้างบ้านเป็นของตนเองสักหลัง ไม่รู้ว่าท่านหัวหน้าหมู่บ้านจะจัดสรรที่ดินสำหรับอาศัยให้พวกข้าสักผืนหรือไม่”

หัวหน้าหมู่บ้านลำบากใจในทันที ที่ดินสำหรับอยู่อาศัยในหมู่บ้านมีอยู่มาก ทว่าก็ใช่ว่าจะจัดสรรให้ผู้ใดตามใจชอบได้

จ้าวหลานและไป๋จื่อก็นับว่าเป็นคนหมู่บ้านหวงถัวเช่นกัน วันนี้แยกบ้านกับสกุลไป๋แล้ว แต่กลับไม่มีส่วนแบ่งบ้าน ว่ากันตามเหตุผลแล้ว หากพวกนางต้องการที่ดินสำหรับอยู่อาศัย นั่นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ทว่าจะรับที่ดินนี้ไปเปล่าๆ ไม่ได้ ต้องใช้เงินแลก และเงินนี้จะต้องจ่ายให้ราชสำนัก

ไป๋จื่อเห็นท่าทางลำบากใจของหัวหน้าหมู่บ้าน จึงกล่าวในทันที “ข้าขอไม่ปิดบังท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้าน ช่วงก่อนข้าขุดสมุนไพรจากในเขาได้จำนวนหนึ่ง หลายวันก่อนไหว้วานท่านหมอลู่ช่วยนำไปขายในเมือง ขายได้เงินมาจำนวนหนึ่ง แม้จะไม่มาก ทว่าซื้อที่ดินสักผืนก็น่าจะเพียงพอ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวหน้าหมู่บ้านก็ตาเป็นประกายโดยพลัน อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “เด็กคนนี้นี่ ดูท่าทางจะหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้ข้ายังเป็นห่วงว่าพวกเจ้าสองแม่ลูกจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่ ตอนนี้ข้าคงเป็นห่วงเสียเปล่าแล้ว”

เด็กสาวก็ยิ้มเช่นกัน “ไม่นับว่าเป็นห่วงเสียเปล่าหรอกเจ้าค่ะ หากไม่มีคนดีเช่นท่านลุงหัวหน้าหมู่บ้านและท่านลุงหูคอยช่วย วันข้างหน้าพวกข้าต้องลำบากมากเป็นแน่”

“จริงสิ พวกข้าไม่เพียงต้องการซื้อดินสำหรับอยู่อาศัย ยังอยากซื้อที่นาจำนวนหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ หากมีบ้านแต่ไม่มีที่นา วันข้างหน้าย่อมไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้”

หัวหน้าหมู่บ้านฟังแล้วก็พยักหน้า “ไม่มีปัญหาหรอก ที่ดินสำหรับอยู่อาศัยและที่นาก็มีอยู่ ข้าจะพูดกับเบื้องบนให้เก็บเงินจากพวกเจ้าน้อยหน่อย พวกเจ้าจะได้ไม่ลำบากมาก”

เขามองมือของจ้าวหลาน “แต่ท่านหมอลู่บอกมิใช่หรือ ว่ามือของจ้าวหลานทำงานหนักไม่ได้แล้ว หากซื้อที่นาไปแล้ว ต่อไปเจ้าก็ต้องทำเพียงลำพัง เจ้าจะไหวหรือ”

[1] กาใดยังไม่เปิด กลับยกกานั้น อุปมาว่า ประเด็นไหนไม่ควรพูดถึง กลับยกขึ้นมาพูด