ซูฉิงผลักฮ่อหยุนเฉิงออกไป จากนั้นรีบหันหลังกลับและปิดประตู
เสียงประตูดังปัง ทำให้ฮ่อหยุนเฉิงรู้สึกโกรธ
ครั้งแรกที่มีคนกล้าไล่เขาออกไป แถมยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย
เดิมทีเขาเป็นห่วงเรื่องงานของเธอ เขาขอให้เซี่ยซิงซิงมอบงานเลดี้แฟชั่นให้กับซูฉิง และต้องการให้โอกาสเธอได้ฝึกฝนมากขึ้น
เขารู้ด้วยว่าเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่เข้ามาทำงานใหม่เช่นซูฉิง ที่จะแบกรับโครงการใหญ่เช่นนี้ในคราวเดียวได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะสอนเธอเป็นการส่วนตัว
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ช่างเนรคุณจริงๆ
โดยธรรมชาติแล้วซูฉิงไม่รู้ว่าฮ่อหยุนเฉิงกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนี้ ถ้าเขารู้ว่าเขามองเธอในฐานะผู้เข้ามาทำงานใหม่ เธอก็คงจะตะลึงมากแน่ๆ
หลังจากไล่ฮ่อหยุนเฉิงออกไปแล้ว ซูฉิงก็หยิบคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กออกจากกระเป๋าเดินทางและเปิดไฟล์ที่ต้องใส่รหัส
ด้านในเป็นชุดใหม่ที่เธอออกแบบ
และตัวตนอีกอย่างของซูฉิงก็คือ loe นักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
loe คือใคร?
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว loeได้ออกแบบชุดแต่งงานของเจ้าหญิงวาย ซึ่งทำให้เธอโด่งดังไปทั่วโลกในชั่วข้ามคืน และติดอันดับแฟชั่นดีไซเนอร์ที่ดีที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เธอนั้นดูลึกลับ
เธอไม่เคยปรากฏตัว ไม่เคยยอมรับการสัมภาษณ์ของสื่อใดๆ และการกล่าวสุนทรพจน์ทั้งหมดก็จะถูกรับผิดชอบแทนโดย ยวี๋น่า หัวหน้าสตูดิโอของเธอ
ผู้คนรู้จักแต่ชื่อภาษาอังกฤษของเธอ loe แต่แม้กระทั้งว่าเธอจะเป็นชายหรือหญิงก็ยังไม่มีใครรู้
ถ้าคนรู้ว่า loe ที่โด่งดังและมีชื่อเสียงขนาดนี้ เป็นเด็กวันรุ่นอายุ 20 ต้นๆ ทุกคนก็คงแปลกใจมาก
ซูฉิงทุ่มเทกับงานของเธอมาก เธอแก้ไขรายละเอียดเล็กน้อย แล้วก็เสร็จเรียบร้อย!
เธอส่งภาพวาดการออกแบบให้ยวี๋น่า “เปิดตัวคอลเลคชั่นเอลซ่านี้ทันที”
ไม่นานก็ได้รับคำตอบกลับอย่างรวดเร็วจากยวี๋น่า “รับทราบ”
เมื่อเวลาผ่านไปกว่ามาถึงวันอาทิตย์
ตั้งแต่เช้าตรู่ ฮ่อหยุนเฉิงก็พาซูฉิงกลับไปที่บ้านเก่าของตระกูลฮ่อ
บ้านเก่าของตระกูลฮ่อ เป็นวิลล่า 3 ชั้น ตั้งอยู่กลางภูเขา ล้อมรอบด้วยภูเขาเขียวขจี น้ำทะเลสีคราม และสภาพแวดล้อมที่สวยงามมาก
พ่อบ้านลุงหลี่ให้การต้อนรับฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงอย่างอบอุ่น
“คุณปู่ล่ะครับ?” ฮ่อหยุนเฉิงก้าวเข้าประตูไป
ลุงหลี่ยิ้ม “คุณปู่กำลังรอพวคุณอยู่ข้างในครับ นี่คือคุณหนูซูใช่ไหมครับ เห็นคุณท่านพูดถึงคุณมานานแล้ว”
ซูฉิงยิ้มและพยักหน้าอย่างสุภาพ
ฮ่อหยุนเฉิงเหยียดแขนออก ยื่นให้ซูฉิงเกาะไว้
ซูฉิงกลอกตามองเขา “นายจะทำอะไร?”
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดอย่างเฉยเมย “ต่อหน้าคุณปู่ ฉันหวังว่าเธอจะทำตัวดีๆ ท่านไม่ค่อยแข็งแรง”
ซูฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ควงแขนของเขาไว้
ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ยังหวังว่าร่างกายของคุณปู่ฮ่อจะหายดีในเร็ววันนี้
ทั้งสองเดินข้างกันและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
คนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเป็นชายชราที่มีผมสีสาวและสวมแว่นตาขอบทองคู่หนึ่ง และนั่นก็คือฮ่อเจิ้นถิง คุณปู่ของฮ่อหยุนเฉิง
“คุณปู่” ฮ่อหยุนเฉิงรีบเดินเข้าไป
ซูฉิงเดินตามหลังเขาด้วยรอยยิ้มหวานๆ “คุณปู่ฮ่อ สวัสดีคะ”
ฮ่อเจิ้นถิงยืนขึ้น ดวงตาอันเป็นที่รักของเขาจับจ้องไปที่ซูฉิง “ฉิงฉิงไม่ได้เจอกันนานเลย เธอโตเป็นสาวแล้ว ดีมาก ดีมาก”
ครั้งสุดท้ายที่เขาเจอซูฉิงคือเมื่อตอน 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กสาวอยู่เลย
ตอนนี้ ตรงหน้าเขาเป็นสาวน้อยผอมเพรียว ดวงตาเป็นประกาย ฟันขาว ดีสวยและสง่างาม
ช่างดูเหมาะกับฮ่อหยุนเฉิงเป็นอย่างดี
“คุณปู่ฮ่อ คุณปู่สบายดีใช่ไหมคะ? คุณปู่ของฉันเอาแต่คิดถึงคุณ” ซูฉิงพูดกับฮ่อเจิ้นถิงอย่างเชื่อฟังและแอบตรวจชีพจรให้กับเขา
เมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก ซูฉิงนั้นอ่อนแอและป่วยบ่อย ดังนั้นคุณปู่ของเธอจึงเชิญแพทย์แผนจีนมาดูแลร่างกายของเธอ
เธอจึงได้เรียนรู้มาโดยบังเอิญ ซูฉิงจึงเชี่ยวชาญด้านการแพทย์เช่นกัน
ซูฉิงพบว่าชีพจรของฮ่อเจิ้นถิงนั้นเสถียรภาพและแข็งแรงมาก
ดังนั้น… คุณปู่ฮ่อแกล้งป่วยอย่างนั้นเหรอ? !
แต่ก็จะเห็นได้ว่าฮ่อหยุนเฉิงนั้นมีความกตัญญูต่อปู่ของเขามาก
งั้นก็แปลว่าคุณปู่ฮ่อใช้กลอุบายแกล้งป่วย เพื่อขอให้เขาสัญญาว่าจะพาเธอมาอยู่ที่ตระกูลฮ่อ
เพื่อหลานชายของเขา คุณปู่ฮ่อทุ่มเทมากจริงๆ
แต่น่าเสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอและฮ่อหยุนเฉิง ดูเหมือนว่าหลังจากสามเดือนคุณปู่ฮ่อน่าจะผิดหวัง
ซูฉิงคิดเกี่ยวกับมัน และเหลือบไปที่ฮ่อหยุนเฉิงที่อยู่ด้านข้าง
และฮ่อหยุนเฉิงก็จับมือซูฉิงอย่างเสน่หา
ซูฉิงต้องการจะสลัดออก แต่จำข้อตกลงที่เธอเพิ่งให้ไว้กับฮ่อหยุนเฉิงได้ เธอจึงยืนนิ่งๆและยิ้มเบา ๆ
ในสายตาของปู่ฮ่อ ทั้งสองเป็นเหมือนกาว เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างพอใจ
ในเวลานี้ เสียงของลุงหลี่ก็ดังขึ้น “คุณท่านครับ คุณผู้หญิง และคุณหนูสวีมาครับ”
คุณผู้หญิงอย่างนั้นหรือ?
คุณหนูสวี?
ซูฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และเห็นเพียงแม่ฮ่อเดินเข้ามาพร้อมกับสวีหว่านเอ๋อร์
“พ่อคะ ร่างกายดีขึ้นแล้วหรือยังคะ? หว่านเอ๋อร์ตั้งใจมาเยี่ยมคุณพ่อเป็นพิเศษเลยนะคะ”
“สวัสดีค่ะ คุณปู่ฮ่อ” สวีหว่านเอ๋อร์ดูเหมือนจะเด็กดี “ฉันได้ยินมาว่าคุณปู่ฮ่อไม่สบาย ฉันอยากมาพบคุณปู่นานแล้วค่ะ แต่ฉันกลัวว่าจะรบกวนคุณปู่”
รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณปู่ฮ่อจางลงเล็กน้อย
เขาเข้าใจความคิดของสวีหว่านเอ๋อร์ที่มีต่อหลานชายของเขา
แต่เขาก็ยังรู้ดีว่าลูกสะใภ้ของเขาชอบสวีหว่านเอ๋อร์และรังเกียจซูฉิงที่มาจากชนบท
แต่อย่างไรก็ตาม ในสายตาของฮ่อเจิ้นถิง ซูฉิงนั้นก็ดีกว่าสวีหว่านเอ๋อร์เป็นพันเท่า
และนี้ก็เป็นความจริง
เพียงว่าพวกเขายังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของซูฉิงเท่านั้นเอง
“แม่ครับ ทำไมแม่ถึงมาที่นี่ได้?” การแสดงออกของฮ่อหยุนเฉิงดูไม่ค่อยดีนักเมื่อเห็นสวีหว่านเอ๋อร์
เขาและซูฉิงมาเยี่ยมคุณปู่ แล้วแม่ของเขาพาสวีหว่านเอ๋อร์มาทำอะไร?
“หว่านเอ๋อร์เต็มไปด้วยความกตัญญู และต้องการมาพบคุณปู่ พอดีวันนี้แม่ว่างเลยชวนมาด้วยกัน” แม่ฮ่อยิ้มและผลักสวีหว่านเอ๋อร์ไปที่ฮ่อหยุนเฉิง
สวีหว่านเอ๋อร์เข้าใจทันที เธอไปยืนอยู่ระหว่างฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิง แล้วผลักซูฉิงออกไป
ซูฉิงเม้มริมฝีปากของเธอ รู้สึกว่าแม่ฮ่อพาสวีหว่านเอ๋อร์มาที่นี่เพื่อกำจัดเธอ
ผู้หญิงตระกูลฮ่อเกลียดเธอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
สวีหว่านเอ๋อร์จ้องไปที่ฮ่อหยุนเฉิงด้วยความรักและความชื่นชมเล็กน้อย “หยุนเฉิง ในอีกไม่กี่วันพี่ชายของฉันก็จะกลับมาแล้ว ถึงตอนนั้นเรานัดรวมตัวกันดีไหม?”
ฮ่อหยุนเฉิงปฏิเสธโดยตรงว่า “ฉันไม่มีเวลา”
“คุณยุ่งมากเลยเหรอ?” สวีหว่านเอ๋อร์ไม่สามารถซ่อนความผิดหวังของเธอได้
ฮ่อหยุนเฉิงก้าวไปด้วยขายาวของเขา เดินตรงไปรอบๆสวีหว่านเอ๋อร์และโอบแขนของเขาไว้รอบเอวเรียวของซูฉิง” ซูฉิงเพิ่งมาถึงเมือง A ฉันเลยจะพาเธอไปเที่ยว”
ซูฉิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของฮ่อหยุนเฉิงอย่างให้ความร่วมมือกัน และพูดอย่างอารมณ์ดีว่า “ฉันต้องการให้คุณไปซื้อของเป็นเพื่อนฉัน”
ฮ่อหยุนเฉิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ได้สิ”
เมื่อเห็นความสนิทสนมของทั้งสองคน การแสดงออกของสวีหว่านเอ๋อร์ก็เปลี่ยนไป เธอบังคับตัวเองให้ระงับความหึงหวงในใจของเธอไว้ และหยิบของขวัญออกมา แล้วยื่นให้คุณปู่ฮ่อ
สวีหว่านเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “คุณปู่ฮ่อนี่คือ เถาเจียวที่ดีที่สุด มันช่วยในการบำรุงมากและเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ คุณปู่ของฉันนำมันกลับมาจากต่างประเทศเป็นพิเศษเลยนะคะ”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เธอก็มองไปที่ซูฉิง” คุณหนูซู ในชนบทบ้านคุณคงไม่มีของดีๆแบบนี้สินะ ฉันเกรงว่าคุณจะไม่เคยเห็นพวกมันมาก่อนใช่ไหม? ฉันจะนำมันมาให้คุณในโอกาสหน้านะ”
โดยไม่สนใจการประชดของสวีหว่านเอ๋อร์ ซูฉิงกล่าวเบา ๆว่า “ไม่จำเป็นหรอกคะ”
สวีหว่านเอ๋อร์ถามอีกครั้ง “คุณหนูซู แล้วคุณเอาของขวัญอะไรมาให้คุณปู่ฮ่องั้นเหรอ?”