ตอนที่ 26 ค่าคุ้มครอง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

Chaotic Sword God ตอนที่ 26 ค่าคุ้มครอง

ดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นมา ขณะที่เจี้ยนเฉินเดินข้ามสนามกีฬา มีลูกศิษย์ไม่กี่คนกำลังออกกำลังกายอยู่ เขาชำเลืองมองไปที่ลูกศิษย์เหล่านั้นและเดินต่อไปยังหอหนังสือ ใน 3 วันที่ผ่านมา เจี้ยนเฉินบ่มเพาะพลังเซียนอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีเวลาที่จะไปหอหนังสือเลย ในสายตาของเจี้ยนเฉิน สิ่งเดียวที่น่าดึงดูดใจอย่างแท้จริงในสำนักแห่งนี้ก็คือหอหนังสือ เมื่อมาที่ชั้นเรียนซึ่งถูกสอนโดยอาจารย์ เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าไม่ได้จุดที่น่าสนใจแม้แต่จุดเดียวและเขาเองรู้สึกว่ามันเสียเวลา อาจารย์ไม่ได้มีอะไรมากพอที่จะสอนเขา แต่กับหอหนังสือนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หอหนังสือก็มีประวัติศาสต์ของทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้นบนทวีปเทียนหยวน

เฮ้ นั่น ไม่ใช่ เจียงหยางเซียงเทียน หรือ? ข้าได้ยินเขาเอาชนะเซียนกาดิหยุน ในขณะที่เขามีพลังเซียนเพียงระดับแปดเท่านั้น …

ใช่ นั่นคือเขา! ข้ายังเฝ้าดูเจียงหยางเซียงเทียนต่อสู้ในการแข่งขันลูกศิษย์หน้าใหม่ แต่ข้าไม่มีโอกาสที่จะเห็นเขาต่อสู้กับกาดิหยุน มันเป็นอะไรที่น่าเสียดายจริง ๆ…

ในสนามกีฬา ชายสองคนที่เห็นเจี้ยนเฉิน ชี้เขาจากระยะไกลในขณะที่มองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม

ว้าว เจียงหยางเซียงเทียน เขาฉลาดและแข็งแกร่งมาก สำหรับเขาที่ชนะเซียนกาดิหยุน ในขณะเขาอยู่เพียงระดับแปด เขาคือชายในฝันของข้าจริง ๆ … สาวที่เป็นชนชั้นสูงกลุ่มเล็กร้องออกมาด้วยดวงตาเป็นประกาย

ผู้คนเริ่มรวมตัวกันอยู่บนสนามมากขึ้น เมื่อเจี้ยนเฉินเดินข้ามสนามกีฬา หลายคนโดยรอบเริ่มสังเกตเห็นเขา นับตั้งแต่เขาได้เอาชนะกาดิหยุน สามวันที่ผ่านมาชื่อของเขาได้แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามและชื่อเสียงของเขาได้พุ่งสูงขึ้นไปยังจุดที่แม้แต่อาจารย์ของสำนักคากัตยังรู้จักชื่อของเขา

เจี้ยนเฉินเดินข้ามสนามอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังพื้นที่ร่มรื่นซึ่งจะพาเขาไปสู่หอหนังสือ เพราะมีคนไม่มากที่จะไปหอหนังสือ เส้นทางไปสู่หอหนังสือจึงค่อนข้างเงียบสงบ แทบไม่มีสักคนที่อยู่บริเวณนั้น ทั้งหมดที่เจี้ยนเฉินเห็นคือวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติ ขณะที่ลมพัดมาทำให้ใบไม้นับไม่ถ้วนกระจายขึ้นไปในอากาศ จนมีเสียงเสียดสีกันของใบไม้

จากนั้น เงาของคนไม่กี่คนก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าของเจี้ยนเฉิน มันเป็นกลุ่มคนสี่คนที่หัวเราะและพูดคุยกันระหว่างพวกเขา ในชุดเครื่องแบบลูกศิษย์ของพวกเขาสามารถระบุได้ว่าพวกเขาเป็นลูกศิษย์ของสำนักได้อย่างง่ายดาย

เจี้ยนเฉินไม่ได้ให้ความสนใจใด ๆ กับกลุ่มของลูกศิษย์ด้านหน้าของเขาและเดินผ่านพวกเขา แต่ในขณะที่เขาเพียงแค่เดินข้ามไป กลุ่มลูกศิษย์สี่คนก็หยุดพูดแล้วล้อมรอบเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว

เจี้ยนเฉินหยุดมองไปที่ลูกศิษย์ซึ่งล้อมเขาอยู่และตั้งข้อสังเกตว่าพวกเขาเป็นศิษย์พี่ทั้งหมด ด้วยรอยยิ้มเย็นชาเขาถามว่า ศิษย์พี่ สิ่งนี้หมายความเช่นไร ?

ลูกศิษย์ทั้งสี่ยืนล้อมเจี้ยนเฉินอย่างภาคภูมิใจก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดขึ้นมาว่า เจ้าหนู เจ้าดูไม่คุ้นหน้าเลย เจ้าคงเป็นเด็กใหม่ใช่ไหม หนึ่งในคนด้านหน้าของเจี้ยนเฉินยิ้มพร้อมกับจ้องมองเขาอย่างไม่เป็นมิตร

เจี้ยนเฉินไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ในขณะที่เขาจ้องมองกลับไปยังผู้ที่พูดกับเขา ใบหน้าของเขายิ้มจาง ๆ ถูกต้อง? ข้าเป็นหนึ่งในบรรดาเด็กใหม่ ศิษย์พี่ต้องการสิ่งใดจากเด็กใหม่เช่นข้าหรือ ?

ได้ยินเช่นนี้แล้ว ศิษย์พี่ที่อายุมากกว่าก็หัวเราะ ถ้าเจ้าต้องการที่จะอยู่อย่างสงบที่สำนักคากัตแล้ว ดังนั้นจะต้องมีคนคอยคุ้มครอง แต่ถ้าเจ้าต้องการความคุ้มครองของเราแล้วเจ้าจะต้องจ่ายเงินให้เรา เนื่องจากเจ้าเป็นศิษย์น้อง เจ้าก็สมควรจ่ายให้พวกข้าสัก 10 เหรียญม่วง วิธีการนี้จึงนับว่าถูกต้องแล้ว ลูกศิษย์มีรอยยิ้มเชื่อมั่นบนใบหน้าของเขา ในใจของเขา เขาได้ข่มขู่เจี้ยนเฉินที่ตัวเล็ก ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่อ่อนแอจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า เขาเป็นคนที่มั่นใจในทักษะการเรียกค่าคุ้มครองของเขาเป็นอย่างมาก เขาได้ใช้ออกมาหลายครั้งทำให้เขามีประสบการณ์มาก หากเขาได้พบกับลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่คิดที่จะใช้มันออกมาเป็นแน่ แต่เจี้ยนเฉินไม่ได้ดูเหมือนลูกศิษย์ที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงแน่นอนว่าจะต้องประสบความสำเร็จ ต่อให้ขัดขืนไปก็ไร้ผล

หากเจี้ยนเฉินเป็นเพียงลูกศิษย์สามัญชนแล้ว ลูกศิษย์ทั้งสี่จะไม่กล้ารีดไถค่าคุ้มครองจากเจี้ยนเฉิน ถ้าพวกเขาต้องการที่จะยังคงอยู่ในสำนักนี้ เป็นที่รู้กันดีทั้งหมดของพวกที่อยู่ในสำนักคากัตว่าอาจารย์ใหญ่มักจะเข้าข้างชนชั้นล่างของสำนัก แต่ลูกศิษย์ทั้งสี่คนนี้ได้อาศัยอยู่ในสำนักเป็นครั้งคราวและบางครั้งพวกเขาก็สามารถบอกได้ว่าลูกศิษย์คนไหนเป็นสามัญชนหรือคนไหนเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นเมื่อพวกเขาเห็นเจี้ยนเฉิน พวกเขาก็สามารถบอกได้เลยว่าเจี้ยนเฉินเป็นชนชั้นสูงอย่างชัดเจน และพวกเขาจึงกล้าที่จะรีดไถเงินเขา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจี้ยนเฉินทำเสียงขึ้นจมูก เขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนพยายามที่จะเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากเขา

ศิษย์พี่ ข้ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ข้าขอปฏิเสธความคุ้มครองจากท่าน เจี้ยนเฉินกล่าว ก่อนที่พวกเขาจะตอบสนองอะไร เขาใช้ไหล่ดันผ่านลูกศิษย์กลุ่มนั้นและเดินไปทางหอหนังสืออีกครั้ง

การกระทำของเจี้ยนเฉินทำให้ลูกศิษย์กลุ่มนั้นต้องตกใจ ความคาดหวังของพวกเขาได้หายไปกับเหตุการณ์นี้และคาดไม่ถึงว่าเจี้ยนเฉินจะปฏิเสธการคุ้มครองของพวกเขาออกมาอย่างตรงไปตรงมา

ลูกศิษย์ทั้งสี่หันไปทางเจี้ยนเฉิน ที่กำลังเดินห่างออกไปจากพวกเขาทันที ประกายตาของพวกเขาอันตราย ลูกศิษย์คนหนึ่งที่โดนดันไหล่ตะโกนออกมา ในขณะที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด

มารดาเจ้าเถอะ เจ้าเด็กเหลือขอ หยุดอยู่ตรงนั้น ! เขาตะโกนด้วยความโกรธ ก้าวเท้าเข้าไปหาเจียงเฉินทันที เขาผลักเจี้ยนเฉินออกจากทางเดิน ในขณะที่อีก 3 ตามเขามาและล้อมรอบเจี้ยนเฉินอีกครั้ง

เจ้ากล้าเป็นศัตรูกับข้า เจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่ ? คนพูดเริ่มที่จะตะโกนออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปตบใบหน้าเจี้ยนเฉิน

เห็นฝ่ามือที่กำลังจะมาสัมผัสใบหน้าของเขา เจี้ยนเฉินจ้องมันด้วยแววตาที่ว่างเปล่าทันที ก่อนจะกลายเป็นแววตาที่เฉียบคมและประกายตาของเขาสร้างความหนาวลึกลงไป เขายกมือข้างขวาของเขาเองขึ้นเพื่อป้องกันมือที่เข้ามาอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ลูกศิษย์คนอื่น ๆ จะตอบสนองออกมาได้ทัน หลังจากสกัดกั้นมือของลูกศิษย์ซึ่งมาได้เพียงครึ่งทางก่อนจะปะทะใบหน้าของเขา เจี้ยนเฉินยกเท้าของเขาขึ้นและเตะไปยังหน้าอกของลูกศิษย์คนนั้น ด้วยการหอบเล็ก ๆ ของลูกศิษย์ที่ถูกส่งลอยถอยหลัง ก่อนที่เขาจะล้มลงลงบนพื้นดินอย่างแรง

เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน น่าแปลกใจที่ลูกศิษย์ทั้งสามคน ไม่มีใครสักคนในพวกเขาคิดว่าเป้าหมายที่ง่ายนั้นจะกลายเป็นเช่นนี้ ก่อนที่พวกเขาจะตอบสนอง เจี้ยนเฉินได้เตะสหายของเขาเช่นนี้

แต่ในไม่ช้า พวกเขาเริ่มที่จะได้สติกลับคืนและเริ่มเหงื่อตก พวกเขาทั้งหมดได้ข้อสรุปโดยไม่จำเป็นต้องมีการปรึกษาหารือระหว่างกันว่าพวกเขาต้องการที่จะจัดการเจี้ยนเฉิน

แม้พวกเขาจะรู้ว่าเจี้ยนเฉินมีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา แต่พวกเขาเหล่านี้ก็อาละวาดมาทั่วสำนักคากัตอย่างไม่ได้เกรงกลัวใคร แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาสี่คนร่วมมือกันแล้วยังต้องกลัวอะไรกัน ไม่เพียงแต่เท่านั้น พวกเขายังมีตระกูลใหญ่หนุนหลังอยู่ ย่อมไม่มีอะไรที่พวกเขาต้องหวาดกลัว ดังนั้นจึงนับได้ว่าพวกเขามีเกราะกำบังที่แข็งแกร่งอยู่ในสำนักแห่งนี้

หลังจากตรวจสอบดูระดับพลังเซียนของพวกมัน เจี้ยนเฉินก็มองพวกเขาอย่างดูถูก ขณะที่ทั้งสามคนเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ ระดับของพลังเซียนก็เผยออกมา พวกเขาสามคนอยู่ราว ๆ ระดับสิบของพลังเซียน

ทั้งสามคนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเข้าไป และในพริบตาเดียว พวกเขาอยู่ตรงหน้าของเจี้ยนเฉิน อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่สำคัญ ร่างกายของเจี้ยนเฉินก็หลบหลีกการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว

ในขณะที่การโจมตีของทั้งสามคนล้มเหลว เจี้ยนเฉินก็ไม่รอให้พวกเขาได้ตั้งตัวและชกหมัดของเขาลงไปที่หน้าผากของลูกศิษย์หนึ่งในนั้นอย่างรวดเร็วในทันทีโดยไม่มีใครจะสามารถตั้งรับได้ทัน

ปัง!! ทันทีที่ถูกชกเข้าที่หน้าผากลูกศิษย์ก็ล้มลงบนพื้น ในเวลาเดียวกัน ขาขวาเจี้ยนเฉินเตะหนึ่งในลูกศิษย์เข้าที่บริเวณหน้าอก

ใบหน้าของพวกเขาเริ่มมืดครึ้มเพราะพวกเขาไม่ทันจะได้วางแผน พวกเขาตั้งรับอย่างอดทนและเซถอยหลังไม่กี่ก้าวหลังจากรับลูกเตะของเจียงเฉินและตั้งหลักอย่างรวดเร็ว แม้ว่าผิวพรรณของเขาซีดเซียวหลังจากรับรู้ได้ถึงพลังจำนวนมากที่ซ่อนอยู่ในลูกเตะของเจี้ยนเฉิน ซึ่งมันทำให้อวัยวะของเขาชา นอกจากนี้ พลังเซียนบางๆที่ไหลรอบขาของเจี้ยนเฉินก็ได้ไหลผ่านเข้าโจมตีถึงอวัยวะภายในของพวกเขา

ขณะที่เด็กเหล่านี้เริ่มที่จะตั้งหลักขึ้นมาได้ ขาอีกข้างของเจี้ยนเฉินได้เตะออกอีกครั้ง เห็นเพียงภาพติดตาในอากาศ ขาของเขาเตะเข้าที่หน้าอกของเด็กคนเดิมอีกครั้ง นอกจากนี้ลูกเตะยังลงบนจุดเดิมอย่างไม่ผิดเพี้ยนด้วยท่วงท่าที่สวยงาม

หลังจากที่โดนโจมตีสองครั้งอย่างหนัก การบาดเจ็บนั้นสร้างความทรมานที่ไม่น้อยเลย เมื่อลูกเตะสองครั้งของเจี้ยนเฉินลงบนหน้าอกของลูกศิษย์คนนั้น แม้ว่าเขามีความแข็งแกร่งของพลังเซียนระดับสิบ เขาก็ยังคงได้รับบาดเจ็บร้ายแรง ระลอกคลื่นความเจ็บปวดที่ปล่อยออกมาจากอวัยวะสำคัญภายในร่างกายของเขา เปลี่ยนใบหน้าของเขาให้ซีดขาว ปราณภายในเกิดการติดขัด ทำให้เขาหายใจได้ลำบากมาก ก่อนจะเซถอยกลับและค่อย ๆ ยืนได้อีกครั้ง

เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินสามารถส่งเพื่อนที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับตัวเองลงไปกองได้ในพริบตา กลุ่มเด็กหนุ่มนั้นเริ่มหน้าซีด เท้าของเขาที่กำลังจะก้าวไปหาเจี้ยนเฉินก็หยุดลงในทันทีราวกับว่ามีรากงอกออกจากขาของเขา เด็กหนุ่มกลุ่มนั้นไม่กล้าที่จะเคลื่อนเท้าเข้าไป สายตาที่เต็มไปด้วยความระมัดระวังจ้องมองเจี้ยนเฉินราวกับว่าพวกเขาได้สูญเสียความมั่นใจจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้และมันเริ่มที่จะกลายเป็นจริงจัง

เจี้ยนเฉินจ้องมองกลุ่มเด็กหนุ่มอย่างสงบ มุมปากของเขากระตุกขึ้น ส่งเสียงขึ้นจมูก โดยปราศจากคำพูด เขาหันหลังเดินไปทางหอหนังสือ

หลังจากที่เจี้ยนเฉินจากไป เด็กหนุ่มสองคนที่ถูกร่วงไปกองกับพื้น คลานขึ้นมาจากพื้นดินอย่างช้า ๆ ดวงตาที่ราวกับหลุมดำของอสรพิษนั้นจ้องมองด้านหลังของเจี้ยนเฉินอย่างเกลียดชัง หนึ่งของพวกเขาบ่นเสียงต่ำ มันเป็นใคร? กลายเป็นว่าความแข็งแกร่งของพวกเรายังห่างไกลจากมันนัก นี่มันเป็นเด็กใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมในปีนี้จริง ๆ หรือ มันแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

ใครจะสนว่ามันเป็นใคร นับตั้งแต่ที่มันกล้าที่จะล่วงเกินเรา พวกเราก็ไม่สามารถที่จะให้อภัยมันได้ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธ คนอื่นก็เริ่มสาปแช่ง น้ำเสียงของเขาก็ยังค่อนข้างอ่อนแอราวกับกำลังหายใจลำบาก นี่คือผู้ที่ถูกเจี้ยนเฉินเตะถึงสองครั้ง ปัจจุบันอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ถ้าความจริงไม่เป็นเพราะเขาแข็งแกร่งแล้วละก็ หลังจากที่ถูกเจี้ยนเฉินเตะ เขาคงไม่สามารถยืนหยัดขึ้นมาเช่นนี้ได้