ตอนที่ 47 ภรรยาที่ดีของครอบครัว

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

บทที่ 47 ภรรยาที่ดีของครอบครัว

 

ไม่เพียงแต่คุณพ่อจี้จะกินอย่างเอร็ดอร่อยเท่านั้น แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็พอใจกับอาหารมื้อนี้ไม่แพ้กัน

 

อาหารทั้งสามมื้อของภรรยานั้นอร่อยเสียจนทำให้เขาแทบกลืนลิ้นเข้าไปได้เลยทีเดียว ตั้งแต่ช่วงปีใหม่เขาก็รู้แล้วว่าภรรยาของเขามีทักษะการทำอาหารที่ดีเยี่ยม เพียงแค่ตอนนั้นเขาไม่ได้รู้สึกมากเท่ากับตอนนี้

 

ในตอนเช้าเป็นโจ๊กกระดูกหมู หรือไม่ก็โจ๊กพุทราจีน หรือโจ๊กไป๋เหอเม็ดบัว และอื่น ๆ ซึ่งเขาคิดว่าตนเองไม่มีทางทำได้เลยโดยไม่มีภรรยา เพราะเธอทำได้อร่อยมากทุกอย่าง

 

เขากินอิ่มในตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนก็ยังอิ่มท้องอีกด้วย

 

นั่นทำให้จี้เจี้ยนอวิ๋นมีพลังใจขึ้นมากเป็นพิเศษ

 

หลังกินอาหารเย็นเสร็จแล้ว ซูตานหงก็ให้จี้เจี้ยนอวิ๋นล้างจาน ในเมื่อเขาชอบทำงานบ้านให้เธอนัก เธอจะไม่ให้โอกาสเขาได้แสดงฝีมือหน่อยหรือ?

 

ความจริงแล้วหากเป็นตอนที่เธอมาเกิดใหม่ก่อนหน้านั้น เธอจะไม่กล้าปล่อยให้เขาทำ เพราะไม่มีความคิดแบบนั้นเลย แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ได้นานวันเข้า เธอก็ทำตามขนบของที่นี่ไปได้อย่างน่ามหัศจรรย์

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นกำลังล้างจาน ส่วนซูตานหงกำลังต้มน้ำ เธอใส่สมุนไพรลงไปในน้ำที่ต้มด้วย เพราะมันเป็นน้ำสำหรับให้จี้เจี้ยนอวิ๋นเอาไว้แช่เท้า

 

ในสวนหลังบ้านมีสมุนไพรอยู่มากมายให้เธอใช้ ซึ่งพวกมันล้วนได้รับการรดด้วยน้ำวิเศษ ซึ่งภายในสวนนั้นมีสมุนไพรอยู่หลากหลายชนิด ทั้งสมุนไพรไล่ยุง และสมุนไพรที่มีสรรพคุณอื่น ๆ

 

ทั้งสามีภรรยากำลังง่วนอยู่ในครัว เป็นบรรยากาศที่ดูกลมเกลียวเป็นพิเศษ

 

จากนั้นซูตานหงก็นึกอะไรขึ้นมาได้ และบอกกับสามี “จริงสิคะ เจี้ยนอวิ๋น ฉันมีเรื่องจะบอกกับคุณ”

 

“เรื่องอะไรเหรอครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม

 

“ตอนที่คุณไม่ได้กลับมาบ้าน พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้รองได้มาหาฉันแล้วคุยเกี่ยวกับเรื่องสวนผลไม้ พวกหล่อนอยากขอคืนเงิน 200 หยวนที่ฉันเคยให้ไปแล้วเปลี่ยนเป็นการได้มีส่วนร่วมจัดการสวนผลไม้ด้วยกันน่ะค่ะ” ซูตานหงเอ่ย

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นอึ้งไป ก่อนจะเอ่ย “แล้วคุณตอบไปว่ายังไง?”

 

“ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะคะ นอกจากบอกไปว่าจะรอให้คุณกลับมาแล้วค่อยตัดสินใจในเรื่องนี้” ซูตานหงยิ้ม

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า “งั้นคุณปล่อยให้ผมเป็นคนจัดการเรื่องนี้เถอะ ชื่อในสัญญาที่ดินหลังภูเขาเป็นชื่อของผมแล้ว และยังมีบันทึกไว้ในรายงานของคณะกรรมการเมืองด้วย เรื่องนี้ผมตกลงกันเองกับพี่ชายใหญ่และพี่่ชายรองไม่ได้หรอก”

 

เขาจะไม่รู้เหรอว่าพวกเขาหมายความว่าอะไร?

 

พวกเขาเห็นว่าสวนผลไม้กำลังเป็นไปด้วยดีก็เลยอยากมาเป็นหุ้นส่วนด้วย แต่อยากให้เป็นการตกลงกันเองในหมู่พี่น้อง ทว่าก่อนหน้านี้เขาประกาศอย่างชัดเจนไปแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะฉีกสัญญาในตอนนี้ ยิ่งกว่านั้นเขายังไม่อยากทำงานร่วมกับพี่น้องด้วย ทุกคนควรจะต่างคนต่างทำงานของตัวเองให้ดี ไม่อย่างนั้นหากเกิดความขัดแย้งกันขึ้นในภายหน้า พวกเขาก็จะมองหน้ากันไม่ติด

 

เมื่อเห็นท่าทีที่ชัดเจนของเขา ซูตานหงก็รู้สึกโล่งใจ

 

ในไม่ช้าจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ล้างเท้า ซูตานหงก็ตักน้ำต้มสมุนไพรมาใส่อ่างและบอกให้เขาออกมาแช่เท้าที่ลานหน้าบ้าน

 

เวลานี้เอง จี้เจี้ยนกั๋วกับจี้เจี้ยนเยี่ยก็มาหา ซูตานหงต้อนรับพวกเขาและรินชาให้ ก่อนตัวเองจะกลับเข้าไปในห้อง เธอรู้ว่าที่พวกเขามาหาถึงบ้านเป็นเพราะวันนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นเดินออกไปที่สวน พวกเขาคงรู้แล้วว่าเขาสบายดี จึงได้มาหาเขาที่นี่

 

นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมเธอจึงบอกเรื่องสวนผลไม้กับจี้เจี้ยนอวิ๋นก่อน

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นสั่งให้ต้าเฮยและพรรคพวกกลับเข้าที่ของตัวเองไป จากนั้นก็เชิญพี่ชายทั้งสองนั่งลง เมื่อเห็นว่าน้องชายกำลังแช่เท้าในน้ำผสมสมุนไพรอยู่ จี้เจี้ยนกั๋วกับจี้เจี้ยนเยี่ยก็ไม่สนใจในรายละเอียดปลีกย่อยแต่อย่างใด

 

เมื่อสนทนาปราศัยกันเล็กน้อยแล้ว พวกเขาก็เข้าประเด็นหลัก

 

“เจี้ยนอวิ๋น แกก็เห็นว่าที่ดินหลังภูเขากินพื้นที่กว้างใหญ่ ถ้าปลูกผลไม้หมดก็จะมีรายได้มหาศาล ถ้าแกทำคนเดียวเกรงว่าจะมีงานยุ่งเกินไป แกไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีพี่น้องนะ น้องสี่ที่อยู่ในเมืองเจียงสุ่ยไม่รู้ว่าช่วยได้ไหม แต่พี่ใหญ่พี่รองของแกอยู่ในชนบทกันทั้งคู่ แล้วก็ช่วยแกได้ทั้งคู่นะ” จี้เจี้ยนกั๋วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

 

“ผมรู้ว่าแม้ตานหงยังยืนกรานที่จะจ่ายค่าแรงให้อยู่ แต่ก็เท่ากับว่ามันเป็นส่วนแบ่งพิเศษแล้ว ซึ่งเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ตรงที่เรื่องนี้พวกเราพี่น้องตกลงกันได้ เรื่องจ้างคนอื่นก็ส่วนจ้างคนอื่น จะให้พี่น้องตัวเองทำงานโดยไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่เฟินเดียวตลอดไปไม่ได้หรอกครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยเสียงขรึม

 

“ไม่ใช่นะน้องสาม ฉันกับพี่ใหญ่แกไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่ตอนนี้สวนผลไม้มีขนาดใหญ่มาก ต่อให้แกกลับมาแล้วก็กลัวว่าแกจะจัดการไม่ไหว อีกอย่างแกก็ไม่ได้มีประสบการณ์มากนัก ส่วนพี่ใหญ่กับฉันทำไร่ทำสวนมาหลายปีแล้ว เรามีประสบการณ์ในด้านนี้นะ!” จี้เจี้ยนเยี่ยเอ่ยรัวเร็ว

 

“ใช่แล้ว เจี้ยนอวิ๋น เรื่องเมื่อวันปีใหม่น่ะรับไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ แต่พ่อกับแม่ก็มีลูกชายคนอื่น ๆ เหมือนกันนะ ทำไมต้องให้เงินกับน้องสี่คนเดียวด้วย? เงิน 500 หยวนมันเยอะมากเลยนะ!” จี้เจี้้ยนกั๋วเอ่ย

 

ไม่แปลกใจที่ทำไมภรรยาของพวกเขารู้สึกไม่เต็มใจและก่อเรื่องวุ่นวาย ต่อให้สามีอย่างพวกเขาจะรู้สึกไม่พอใจอยู่ในใจก็ตาม!

 

 

พวกเขาทั้งหมดก็เป็นลูกชายเหมือนกัน แล้วทำไมพ่อแม่ของพวกเขาถึงต้องให้เงินกับน้องชายสี่ด้วย? น้องชายสี่กลับมาที่บ้านเพียงปีละครั้งสองครั้งเท่านั้น เขาจะแสดงความกตัญญูกับสองผู้เฒ่าได้อย่างไร? ไม่ใช่พี่ใหญ่พี่รองอย่างพวกเขาเหรอที่เป็นคนดูแลพวกท่าน!

 

ไม่ให้เงินกับพวกเขา แต่ไปให้เงินกับน้องชายสี่แทน? คิดแล้วก็ไม่น่าเห็นด้วยไหมล่ะ?

 

ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นนั้นไม่มีอะไรต้องพูด อย่างไรเสียมันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความรู้สึกนึกคิดแบบนี้ ซึ่งความจริงแล้วเขาก็ไม่มีความสุขเหมือนกันเมื่อได้ยินว่าสองผู้เฒ่าซื้อบ้านให้กับน้องชายสี่ แต่ก็ไม่ได้โทษพวกท่านทั้งสองแต่อย่างใด กลับก่นด่าน้องชายสี่อยู่ในใจแทน

 

ตั้งแต่เล็กจนโต หากสองผู้เฒ่าไม่ได้รับความกตัญญูเมื่อใด ก็จะต้องถูกพี่ชายทั้งสองตำหนิ

 

“เรื่องนี้จบแล้วล่ะครับ ตานหงจ่ายค่าชดเชยเพื่อจบเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่ออีก มันเป็นอย่างไรก็ให้มันเป็นอย่างนั้น ตอนนี้สวนผลไม้เป็นของผมแล้ว ต่อให้ผมไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่ผมก็สั่งต้นกล้าผลไม้อีกชุดหนึ่งมาแล้ว ซึ่งต้นกล้าทั้งหมดจะมาในวันพรุ่งนี้ ส่วนสหายผมที่มาส่งต้นกล้าก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสวนผลไม้ เมื่อถึงตอนนั้นผมคงเรียนรู้กลเม็ดเคล็ดลับจากเขาได้ และจัดการสวนผลไม้ให้ดีได้แน่ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม

 

จี้เจี้ยนกั๋วกับจี้เจี้ยนเยี่ยได้ฟังแล้วก็รู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องพูดอย่างตรงประเด็นเสียที นี่คือน้องชายของพวกเขา ทั้งสองจึงเอ่ยอย่างตรงจุดโดยไม่ปิดบัง

 

“เจี้ยนอวิ๋น เราจะคืนเงินชดเชย 200 หยวนให้กับแก แลกกับการที่เรามาเข้าหุ้นดูแลสวนผลไม้กับแกได้ไหม?” จี้เจี้ยนกั๋วเอ่ย

 

จี้เจี้ยนเยี่ยมองหน้าจี้เจี้ยนอวิ๋นเช่นกัน เขาเองก็หมายความว่าอย่างนั้น

 

จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม “ถ้าตอนนี้ผมยังอยู่ในกองทัพ ตานหงคงจัดการสวนใหญ่ขนาดนี้ทั้งสวนด้วยตัวคนเดียวไม่ไหวแน่ แต่ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว หมายความว่าผมกลับมาอยู่ที่นี่และจัดการสวนเองได้ แล้วเหล่าสหายของผมก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ พวกเขาล้วนเป็นเพื่อนที่ดีกันหมด ย่อมไม่ปล่อยให้ผมลำบากแน่นอน พี่ใหญ่กับพี่รองวางใจเถอะครับ”

 

แม้เขาจะไม่ได้ตอบคำถามของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา แต่ท่าทางของจี้เจี้ยนอวิ๋นก็แสดงให้เห็นชัดแล้ว ว่าเขาไม่มีทางทำสวนผลไม้ร่วมกันกับพวกเขา

 

เขามีความรู้เกี่ยวกับการจัดการสวนไม่มากนัก แต่ตานหงก็บอกไว้ว่าเมื่อใดที่สวนผลไม้เริ่มตั้งตัวได้ เขาต้องออกไปเรียนรู้ให้มากขึ้น ตราบใดที่เขามีความตั้งใจมากพอและไม่ใช่คนโง่ เขาก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะเรียนรู้เรื่องนี้ไม่ได้

 

จี้เจี้ยนกั๋วกับจี้เจี้ยนเยี่ยถึงกับไปต่อไม่ถูก พวกเขาจึงต้องกลับบ้านไป

 

ตอนนี้เองซูตานหงก็เดินออกมาและเรียกพวกเขาไว้ “พี่ใหญ่พี่รองคะ เดี๋ยวก่อนค่ะ นี่เป็นเค้กไข่ที่ฉันเพิ่งทำวันนี้ พี่เอากลับไปให้โหวหวาจือกับสองสาวเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้กินด้วยนะคะ”

 

มีเค้กไข่จำนวนมากอยู่ในแต่ละถุงที่จะให้ครอบครัวทั้งสอง นับดูแล้วก็มีราว ๆ 7 ถึง 8 ชิ้น

 

“ไม่เป็นไรครับ”

 

ทั้งสองปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

 

“รับกลับไปเถอะค่ะ พวกเขาเป็นหลานชายหลานสาวของฉันกันทั้งนั้น หากพวกเขาว่างก็ให้มาเล่นที่บ้านฉันได้นะคะ” ซูตานหงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

 

ชายหนุ่มทั้งสองจึงรับห่อเค้กไข่กลับไป

 

แม้จะรู้สึกเคืองอยู่เล็กน้อยที่รู้สึกว่าน้องชายสามไม่ยุติธรรม แต่ความรู้สึกนี้ก็ต้องสะดุดไปด้วยความสุภาพอ่อนโยนของสะใภ้สามที่ช่วยคลายความรู้สึกเมื่อก่อนหน้านี้ลงไปมาก

 

เป็นเพราะทุกวันนี้สะใภ้สามเต็มใจซื้อของให้เด็ก ๆ ของพวกเขา อย่างโหวหวาจือก็ได้รองเท้าผ้าใบคู่หนึ่ง ส่วนสองสาวพี่น้องเสี่ยวเจินกับเสี่ยวอวี้ก็ได้ที่คาดผมอันเล็ก ๆ กับตุ๊กตากันทั้งคู่ ซึ่งแต่ละอย่างล้วนเป็นของหายาก

 

ซูตานหงส่งพี่ชายสามีทั้งสองกลับไปด้วยท่าทางสุภาพ แต่เมื่อปิดประตูแล้วหันกลับมา เธอก็พบว่าสามีกำลังมองตาเขียว*ใส่

 

*มองด้วยความอิจฉา

 

………………………………………………………………