บทที่ 45 ปัญหาผ่านพ้น

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เฉินชางสำรวจอุปกรณ์สีเขียวที่ได้รับมาด้วยความดีใจ นี่เป็นสิ่งที่เขาเฝ้ารอที่สุด!

[ด้ายเย็บแผล KIM: คุณภาพสีเขียว

คุณสมบัติ:

  1. ความเหนียว +1

  2. ต้านทานการติดเชื้อ +1 หลังจากสวมใส่ เมื่อคุณใช้ด้ายเย็บแผลจะได้รับคุณสมบัติของอุปกรณ์]

เฉินชางยินดียิ่ง!

เรื่องความเหนียวเขาเข้าใจดี!

ความเหนียวก็คือทำให้ด้ายเหนียวยิ่งขึ้นและไม่ขาดง่าย คุณสมบัตินี้สำคัญต่อด้ายเย็บแผลมาก แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือลักษณะการใช้งานของด้าย เช่นด้ายเย็บกล้ามเนื้อ ด้ายชนิดนี้ต้องการความเหนียวค่อนข้างมาก เป็นส่วนที่ยากที่สุดในการเย็บกล้ามเนื้อในปัจจุบัน ดังนั้นจึงใช้ลวดเย็บแผลแทน ซึ่งลวดเหล็กย่อมใช้งานไม่ดีเท่าการใช้ด้าย และทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บได้ง่าย ทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องเรื่องพังผืด!

ดังนั้นแค่ความเหนียวบวกหนึ่งก็สุดยอดมากแล้ว!

อย่างที่สองก็เช่นเดียวกัน ต้านทานการติดเชื้อ ความหมายตามตัวอักษร แค่มองก็รู้สึกถึงอำนาจแล้ว! สิ่งที่ต้องกังวลหลังเย็บแผลก็คือการติดเชื้อ เมื่อมีคุณสมบัติต้านทานการติดเชื้อจะทำให้อัตราการติดเชื้อลดลง เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวจริงๆ

รางวัลสุดท้ายคือรายละเอียดคำใบ้ถึงภารกิจสุดท้าย!

เฉินชางมองไปที่เจิ้งกั๋วถานอย่างคาดหวัง แต่ว่า…มองอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว บนศีรษะของอีกฝ่ายก็ยังไม่ปรากฏเครื่องหมายคำถาม

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เขาจึงดูคำใบ้อีกครั้ง บอกให้คุยกับเจิ้งกั๋วถานเป็นการส่วนตัวหรือ?

นี่คือเงื่อนไขที่จะเกิดภารกิจหรือ?

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็คิดว่าอีกครู่จะลองดูสักหน่อย

ตอนนี้เจิ้งกั๋วถานดีใจมาก รีบพูดขึ้นว่า “ทุกคนรออยู่ที่ห้องโถงสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะให้พ่อครัวทำอาหารให้ กินกันก่อนค่อยกลับนะครับ ลำบากทุกคนแล้ว”

เมื่อทุกคนออกไป เจิ้งกั๋วถานก็ก้มหน้าลงมองสวีรั่วหยุน “ที่รัก เป็นเด็กดีนะครับ ไม่ร้องนะ ผมรับประกันว่าจะมอบคำอธิบายให้คุณแน่!”

……

……

เมื่อเห็นทุกคนเดินออกมาด้วยเสียงหัวเราะยินดี คนที่อยู่ในห้องก็อดชะงักไม่ได้!

โดยเฉพาะอันจิ้ง!

เธอถูมือจนร้อนเตรียมเดินเข้าไป แต่คุณกลับออกมาพูดกับฉันแบบนี้หรือ?

จะเกินไปหรือเปล่า?

เมื่อคิดถึงตรงนี้อันจิ้งก็รู้สึกเหลือเชื่อ

การเย็บแผลประสบความสำเร็จหรือ?

จะเป็นไปได้อย่างไร?

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

แต่เธอไม่กล้าเข้าไปดู ที่นี่ไม่ใช่บ้านเธอ ที่นี่คือบ้านของผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ ยิ่งไปกว่านั้นด้านในก็ไม่ใช่ผู้ป่วยธรรมดา แต่เป็นดารามีชื่อเสียงอย่างสวีรั่วหยุน ต่อให้คุณมีโทสะแค่ไหนก็ต้องกลืนกลับไป

เดิมทีอันจิ้งคิดว่าเรื่องนี้จะมอบโอกาสให้ตน!

หากตนได้รับคำชื่นชมจากเถ้าแก่เจิ้ง หรือทำให้เขาและสวีรั่วหยุนทั้งคู่พอใจ จะเป็นการสร้างน้ำใจครั้งใหญ่

ถึงขั้นที่ว่าหากสถาบันศัลยกรรมแอนนี่ของเธอต้องการพัฒนาธุรกิจให้ใหญ่โตก็ไม่ใช่ปัญหาแม้แต่น้อย!

นี่นับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับสถาบันศัลยกรรมแอนนี่ แต่สำหรับเจิ้งกั๋วถานไม่นับเป็นอะไรได้

เมื่อถึงตอนนั้นค่อยขอให้สวีรั่วหยุนเป็นพรีเซ็นเตอร์ เวลาผ่านไป ไม่แน่ว่าสถาบันศัลยกรรมแอนนี่อาจจะขยายสาขาจากมณฑลตงหยางไปทั่วประเทศก็เป็นได้

ยิ่งคิด เธอก็ยิ่งไม่พอใจ เมื่อเห็นหยางเทาเดินออกมา อันจิ้งจึงเดินไปหา

“คุณหยาง ตกลงเป็นยังไงกันแน่คะ?” อันจิ้งถามเสียงเบา

หยางเทาพูดโดยน้ำเสียงไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย “หนุ่มคนนี้เป็นคนมีความสามารถจริงๆ! ไม่สิ เป็นคนมีพรสวรรค์ต่างหาก คุณไม่เห็นการเย็บเมื่อครู่นี้ แต่ละเข็มแต่ละด้าย เรียกว่าเป็นงานศิลปะได้เลย จุ๊ๆ เย็บได้ดีมากจริงๆ คนธรรมดาทำไม่ได้แน่ อย่างน้อยในเมืองอันหยาง ผมก็คิดว่าคงไม่มีคนที่สองอีก!”

หยางเทาเป็นหมอในโรงพยาบาล แต่ภายหลังก็เดินตามเส้นทางของจางจื้อซิน ออกมาทำคลินิกศัลยกรรมไปด้วย หลายปีมานี้นับว่าประสบความสำเร็จเล็กๆ ในเมืองอันหยาง ค่อนข้างมีชื่อเสียง ตอนนี้รุ่งเรืองทั้งอาชีพหลักและอาชีพรอง

อันจิ้งได้ยินก็รู้สึกไม่อยากเชื่อ!

เนื่องจากเธอเห็นบาดแผลของสวีรั่วหยุนด้วยตาตัวเองจึงเข้าใจสภาพบาดแผลมากพอ คิดว่าหากจะอาศัยเพียงการเย็บแผลจนทำให้ได้ถึงระดับนี้ โดยพื้นฐานแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย อย่างน้อยในระยะเวลาสั้นๆ ก็ไม่เคยเจอคนแบบนี้ หาทั่วทั้งเมืองอันหยางก็ไม่มี!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ อันจิ้งก็มีสีหน้าเหลือเชื่อ ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่ยินยอม!

หยางเทาเข้าใจความคิดของอันจิ้งดี ไม่ต้องพูดถึงอันจิ้งเลย แม้แต่หยางเทาก็คอยจ้องกระเป๋าตังค์ของเถ้าแก่เจิ้งอยู่เช่นกัน สังคมแบบนี้อยู่ได้ด้วยคอนเน็คชั่น เป็นความสัมพันธ์ที่ได้มาจากการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน

สิ่งนี้ก็คือการ “ช่วยเหลือ” กันและกันนั่นแหละ ถึงอย่างไรแต่ละคนก็มีเป้าหมายของตัวเอง มิฉะนั้นทำไมคนใหญ่คนโตต้องมาช่วยเหลือผู้ประกอบการท้องถิ่นด้วยล่ะ ไม่ใช่เพราะต้องการความสะดวกหรือ?

ต้องทราบว่าคนประจบก็คือคนต้องการผงาด

ยิ่งไปกว่านั้น หยางเทาและอันจิ้งก็นับเป็นเพื่อนร่วมอาชีพกันครึ่งหนึ่ง แต่จริงๆ สิ่งที่เรียกว่าเพื่อนร่วมอาชีพก็คือศัตรู คือยินดีให้อีกฝ่ายตายแต่ตัวเองไม่อยากตายนั่นเอง

หยางเทามีประสบการณ์มากกว่าอันจิ้ง เห็นได้จากการที่เขาผู้รู้จักโลกอย่างลึกซึ้งยอมไปเป็นผู้ช่วยให้เฉินชาง แผนการและความคิดของชายวัยกลางคนหัวล้านคนนี้ไม่ใช่อะไรที่คนอย่างเธอจะเทียบได้

หยางเทาไม่คิดเอารูปให้อันจิ้งดู กระทั่งเกิดความคิดลับๆ ด้วยว่าจะทำให้อันจิ้งและเฉินชางยืนอยู่ในจุดตรงกันข้าม

ถึงอย่างไร…เมืองอันหยางก็ใหญ่แค่นี้ หากสถาบันศัลยกรรมแอนนี่ทำได้ดี แล้วผมจะทำอย่างไรล่ะ?

หากจะบอกว่าอันจิ้งเป็นผู้มีฝีมือปราณีต ถ้าเช่นนั้นหยางเทาก็เป็นผู้รอบรู้ เขารู้ว่าอันจิ้งเป็นคนยโสโอหัง ดังนั้นจึงจงใจเอ่ยชมเฉินชาง

เพราะยิ่งเขาเอ่ยชมเฉินชาง อันจิ้งก็ยิ่งไม่ชอบเฉินชาง

เรื่องในภายภาคหน้า ไม่ว่าใครก็กล่าวได้ไม่ชัดเจน แต่อย่างน้อยเฉินชางคงไม่เดินบนเส้นทางเดียวกับอันจิ้ง

จริงดังคาด อันจิ้งมีโทสะเต็มท้อง แม้จะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็สิ้นไร้หนทาง

กระทั่งคิดว่าหากตนอยู่ที่นี่ก็เป็นเรื่องเกินความจำเป็น จึงลุกขึ้นพูดกับเจิ้งกั๋วถานว่า “ประธานเจิ้งคะ วันนี้ไม่มีอะไรให้ช่วยแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ ฉันขอตัวกลับก่อน ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้ เรียกได้ตามสบายเลยค่ะ”

เจิ้งกั๋วถานพยักหน้า “รบกวนคุณแล้วครับ คุณช่วยผมไม่น้อยเลย ถ้างั้น…เหล่าฉาง คุณไปส่งเธอหน่อย วันหลังก็ติดต่อกันให้มาก”

หลังจากเจิ้งกั๋วถานพูดจาเกรงใจกันเสร็จก็ส่งอันจิ้งกลับไป

คนอื่นเห็นดังนั้นก็พากันบอกลา

เจิ้งกั๋วถานพยักหน้า ให้พ่อบ้านคอยดูแล พ่อบ้านคนนี้ติดตามเขามายี่สิบกว่าปีแล้ว รู้ดีว่าควรจัดการเช่นไร

ความจริงเฉินชางก็อยากไปแต่ยังไปไม่ได้ ภารกิจต่อเนื่องอย่างต่อไปของเขาอยู่ที่ไหน เขาสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงขนาดนี้เพื่ออะไร?

ตอนนี้เอง ฉินเซียงเดินหัวเราะเข้ามา พูดขึ้นว่า “เหล่าเจิ้ง ผมก็กลับก่อนนะครับ”

เจิ้งกั๋วถานพยักหน้า เดินออกไปส่ง “เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง แล้วก็ หมอเฉิน คุณนั่งสักครู่ก่อนนะครับ ผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อย”

ฉินเซียงเอ่ยทักเฉินชาง “หมอเฉินใช่หรือเปล่าครับ? ผมขอแนะนำตัวเองหน่อยนะครับ ผมชื่อว่าฉินเซียง เป็นหัวหน้าแผนกผิวหนังที่โรงพยาบาลในเครือตงต้า ภายหลังถ้ามีโอกาสผมจะขอเชิญคุณไปบรรยายที่แผนกของพวกผม ให้หมอเล็กๆ ในแผนกเข้าใจถึงแก่นแท้ของการเย็บผิวหนังสักหน่อย วันนี้นับว่าผมได้เปิดหูเปิดตาแล้ว จริงสิ ไม่ทราบว่าคุณเป็นผู้มีตำแหน่งอยู่ที่ไหนหรือครับ?”

เฉินชางชะงักไปทันที!

โรงพยาบาลในเครือตงต้า? คงไม่บังเอิญขนาดนี้หรอกนะ…โรงพยาบาลของพวกเราอยู่ห่างกันไม่ถึงพันเมตรด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าแผนกผิวหนังของโรงพยาบาลในเครือตงต้าด้วย มิน่าล่ ะถึงได้มีฝีมือเชี่ยวชาญขนาดนั้น…

แต่จู่ๆ เฉินชางก็คิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่นี้เขาเพิ่ง…ตำหนิ ไม่ๆๆ ควรเรียกว่าชี้แนะฉินเซียงไปหรือ อืม แล้วยังใช้น้ำเสียงราวกับผู้อาวุโสที่เห็นลูกศิษย์ไม่ได้ดั่งใจอีกด้วย

เมื่อคิดถึงตรงนี้เฉินชางก็รู้สึกผิดในใจ โรงพยาบาลสองแห่งห่างกันไม่เท่าไหร่ ถ้าฉินเซียงมาหาที่โรงพยาบาลของพวกเราล่ะก็…

เฉินชางหายใจลึก รู้สึกจุกที่จุดตันเถียน

“งานหรือครับ? อ้อ ตอนนี้ยัง…ยังไม่มีงานอย่างเป็นทางการน่ะครับ ผมทำงานชั่วคราวอยู่ในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัด” เฉินชางยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน บอกไปตามจริง

ฉินเซียงได้ฟังก็คิดว่าเฉินชางเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศจึงยิ้มให้ “อ้อ? โรงพยาบาลอันดับสองปฏิบัติกับคนมีความสามารถแบบนี้หรือ? อยากย้ายมาที่โรงพยาบาลผมหรือเปล่า!”

เฉินชางยิ้ม “ผมจะพิจารณาดูนะครับ”

เมื่อฉินเซียงได้ฟังก็ยิ้มไปทั้งใบหน้า “ต้องคิดให้ดีนะครับ! ใช่แล้ว พวกเราแลกข้อมูลติดต่อกันไว้เถอะ วันหน้าผมจะเชิญคุณมาบรรยายที่โรงพยาบาลผมสักหน่อย!”