ภาคที่ 1 บทที่ 33 แต้มศีลธรรมเพิ่มเพราะบริจาคเงิน (ตอนต้น)

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 33 แต้มศีลธรรมเพิ่มเพราะบริจาคเงิน (ตอนต้น)

“คุณตาครับ ถ้าวันหลังรู้สึกไม่สบายอีก รีบไปหาหมอดีกว่านะ”

ซูเย่พยายามให้คำแนะนำ

“คนเราพออายุมากขึ้นก็อ่อนแอแบบนี้แหละนะ” ชายชราคนเก็บขยะโบกไม้โบกมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ฉันตั้งใจมาเก็บขวดพวกนี้ไปขายแลกเศษเงิน เพราะต้องเก็บเงินไว้เป็นค่าเทอมของหลานสาวน่ะ ฉันเอาเงินไปหาหมอไม่ได้หรอก”

“เก็บเงินไว้เป็นค่าเทอมให้หลานสาวเหรอครับ?”

ซูเย่ชะงักไปเล็กน้อยและถามต่อว่า “แล้วพ่อแม่เด็กอยู่ที่ไหน?”

“เสียชีวิตไปหมดแล้ว” ชายชราถอนหายใจ ลุกขึ้นยืนด้วยกำลังขาที่สั่นเทา “ในระหว่างที่ฉันยังพอทำอะไรได้อยู่ ก็ต้องออกมาเก็บขยะไปขาย ส่วนหลานสาวของฉันก็อยู่บ้าน ยายของแกเป็นคนดูแล”

ซูเย่ช่วยพยุงชายแก่ เขาจ้องมองถุงขยะในมือของชายชราด้วยความสนใจ นิ่งเงียบเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ถามออกมาว่า “ถ้าคุณตาเลือกนั่งขอทาน น่าจะดีกว่านี้นะครับ”

“ฉันยังมีมือมีเท้า จะไปทำแบบนั้นได้ยังไง!” ชายชราตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ได้ยินดังนั้น หัวใจของซูเย่ก็กระตุกวูบ เขานับถือหัวใจของชายชราคนนี้มาก เลือกที่จะอาศัยกำลังตนเองในการเลี้ยงชีพไม่งอมืองอเท้ารอความช่วยเหลือ

น่าเสียดายที่เมื่อสักครู่นี้จับตัวเด็กวัยรุ่นกลุ่มนั้นไว้ไม่ทัน มิฉะนั้นแล้ว ซูเย่คงจะได้สั่งสอนเจ้าพวกเด็กนรกเหล่านั้นอีกชุดใหญ่

พวกมันกล้าดีอย่างไรถึงได้มาปาก้อนหินใส่คุณตาคนนี้!

เมื่อเห็นว่าคุณตายกถุงขยะขึ้นเตรียมตัวเดินจากไป ซูเย่ก็ขยับไปยืนขวางหน้า

“เดี๋ยวก่อนครับ”

ชายหนุ่มเดินไปที่ตู้เอทีเอ็มซึ่งอยู่ไม่ไกล และกดเงินสดออกมาจากบัตรที่มีเหลืออยู่ 1,100 หยวน

“คุณตาไม่ค่อยแข็งแรง ให้ผมไปส่งบ้านดีกว่านะครับ”

หลังจากเดินกลับมาแล้ว ซูเย่ก็ทำท่าจะช่วยยกถุงขยะให้ชายชรา

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเสื้อผ้าพ่อหนุ่มจะเปื้อนเอานะ”

ชายชรารีบยกมือห้ามเพราะถุงกระสอบของเขาสกปรก แต่ซูเย่ก็แย่งถุงขยะไปยกขึ้นพาดบ่าหน้าตาเฉย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”

ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “บ้านคุณตาอยู่ที่ไหนเหรอครับ?”

เขาไม่สนใจสักนิดว่าเสื้อผ้าของตนเองจะสกปรกหรือไม่

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจพ่อหนุ่มมากนะ บ้านของฉันอยู่ในหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน อยู่ทางตอนใต้ของตัวเมือง”

เมื่อชายชราเห็นว่าซูเย่ยืนกรานที่จะช่วยเหลือ เขาก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป หลังจากนั้นคุณตาก็เดินนำทางชายหนุ่มตรงไปที่หมู่บ้านฉีเจี๋ยซุน ซึ่งอยู่เขตชานเมือง

แล้วพวกเขาก็มาถึงบ้านของคุณตา

ซูเย่พบว่ามันเป็นบ้านก่ออิฐหลังเล็ก ๆ สภาพเก่าแก่แต่ดูสะอาดสะอ้าน บริเวณลานกว้างหน้าบ้านมุมหนึ่งวางกองไว้ด้วยขวดแก้วและลังกระดาษ

และชายหนุ่มก็ยังเห็นเด็กหญิงอายุประมาณ 7 – 8 ขวบคนหนึ่ง กำลังยืนรอการกลับมาของคุณตาพร้อมด้วยหญิงชราอีกหนึ่งคน

“ตาจ๋า”

เมื่อเห็นชายชรากลับมาแล้ว เด็กหญิงก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ แต่เมื่อเธอเห็นว่าผู้เป็นตากลับมาพร้อมกับชายหนุ่มแปลกหน้า เด็กหญิงก็รีบหลบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของคุณตาและแอบมองซูเย่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ซูเย่ยิ้มให้เด็กหญิงและวางถุงขยะลง

เขาช่วยประคองชายชราเดินเข้าไปในบ้าน และกำชับให้หญิงชราช่วยดูแลอาการของคุณตา หลังจากนั้น ซูเย่ก็เดินกลับออกมาจากบ้านอีกครั้ง และเห็นเด็กหญิงกำลังลากถุงขยะไปกองรวมไว้ที่มุมลานโล่ง

หัวใจของชายหนุ่มกระตุกวูบอีกครั้ง

ซูเย่เดินเข้าไปคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าเด็กหญิงและล้วงเงิน 1,100 หยวนออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขายัดมันใส่มือของเธอ ก่อนที่จะพูดพร้อมด้วยรอยยิ้ม “เอาเงินนี่ไปให้คุณตานะ บอกว่าเป็นค่าที่พี่ซื้อขวดพวกนี้ก็แล้วกัน”

“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงกับขวดพวกนี้ล่ะคะ?” เด็กหญิงมองไปที่ถุงขยะใบใหม่ด้วยความสับสน

“พี่ยกให้เธอทั้งหมดเลย” ซูเย่ยกมือขยี้หัวเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู

“ขอบคุณพี่ชายมากค่ะ” เด็กหญิงยิ้มแย้มอย่างมีความสุข พร้อมกับวิ่งชูเงินในมือไปอวดคุณตาของเธอ

“ตาจ๋า ตาจ๋า หนูขายขวดได้ด้วยล่ะ…”

เด็กหญิงวิ่งกระโดดโลดเต้นกลับเข้าไปในบ้านพร้อมเงินในมือ

ภาพที่เห็นทำเอาซูเย่น้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่านั่นจะเป็นเงินพันสุดท้ายในบัตรเอทีเอ็มของเขา แต่ชายหนุ่มก็มั่นใจว่านี่เป็นการใช้จ่ายที่คุ้มค่ามากที่สุด

เขาหมุนตัวเดินออกมา

จังหวะที่เดินมาถึงประตูรั้วด้านนอกนั้น

ในหัวของซูเย่ก็ได้ยินเสียงดัง “ติ๊ง”

นี่มันเสียงแจ้งเตือนว่าเขาได้คะแนนศีลธรรมเพิ่มไม่ใช่หรือ?

ถึงจะแปลกใจ แต่ซูเย่ก็ไม่ได้หยุด เขาเดินหน้าต่อไป เพราะกลัวว่าคุณตาผู้ดื้อรั้นจะตามมาคืนเงิน

ในบ้านของคุณตา

เด็กหญิงเดินเข้าไปหาคุณตาที่นอนพักผ่อนอยู่บนเตียงพร้อมด้วยเงินจำนวน 1,100 หยวนที่อยู่ในมือ ขณะนี้ คุณยายของเธอก็กำลังเช็ดตัวให้กับคุณตาด้วยความห่วงใย

“ตาจ๋า ดูนี่สิ”

เมื่อชายชราเห็นเงินในมือเด็กหญิง เขาก็รีบลุกขึ้นนั่งทันที

“หลานไปเอาเงินมาจากไหนเนี่ย?” ชายชราตกใจที่หลานสาวกำเงินจำนวนมากขนาดนี้

“พี่ชายคนที่มาบ้านเราเมื่อกี้ บอกว่าเขาขอซื้อขวดทั้งหมดนั้นจ้ะ” เด็กหญิงยิ้มแย้มด้วยความไร้เดียงสา

“พี่ชายเขาเป็นคนดีมากเลยนะจ๊ะตา เขายังยกขวดทั้งหมดให้หนูอีกด้วย” เธอจ้องเงินในมือไม่วางตา

คุณตาและคุณยายที่นั่งอยู่บนเตียงหันมองหน้ากันด้วยดวงตาแดงก่ำ หยาดน้ำตาคลอเต็มเบ้า

“ตาเฒ่า วันนี้แกได้เจอคนดีเข้าแล้วนะ” หญิงชราพูดพร้อมกับจับแขนของคุณตาแนบแน่น

“ใช่แล้ว เขาเป็นคนดีมาก”

ชายชราตอบรับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

หลังเดินออกมาจากหมู่บ้านของคุณตาแล้ว ซูเย่ก็เพิ่งจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“การบริจาคเงินให้คนอื่น ก็ถือเป็นการทำความดีที่ทำให้แต้มศีลธรรมขึ้นเหมือนกันสินะ?”

ชายหนุ่มพยายามคิดอยู่หลายตลบ

เขาแน่ใจว่ามันต้องเป็นอย่างนั้น

เมื่อสักครู่ก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนชัดเจน

แต่ทำไมแต้มไม่ขึ้นเลยล่ะ

หรือเป็นเพราะว่าจำนวนเงินที่เขามอบให้กับคุณตามันน้อยเกินไป ไม่พอที่จะรวบรวมเป็นแต้มศีลธรรม 1 คะแนน แล้วเขาต้องใช้เงินขนาดไหนกันนะ กว่าที่จะทำให้แต้มศีลธรรมเพิ่มขึ้นมาได้?

ซูเย่สลัดความคิดออกจากเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ

“ดูเหมือนว่าเราต้องหาเงินมาเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ซะแล้วสิ”

ถ้าทุกอย่างเป็นตามที่เขาคิดเอาไว้ นอกจากการรักษาผู้คนจะเพิ่มคะแนนศีลธรรมได้แล้ว การบริจาคเงินก็สามารถเพิ่มคะแนนได้เช่นกัน

ระหว่างทางกลับไปมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มแวะกินกระเพาะปลาหนึ่งถ้วย ขณะนี้ เขาเหลือเงินติดตัวอยู่เพียง 192 หยวนเท่านั้น

แต่เมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนในโทรศัพท์ ซูเย่ก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว ก็รีบตรงดิ่งกลับไปที่หอพักทันที

ตอนที่ชายหนุ่มกลับไปถึงห้องพักนั้น

เขาได้ยินเสียงทุ่มเถียงกันของซูชือกับจินฟานดังออกมาว่า

“ตอบข้อ A สิวะ ต้องเป็นข้อ A แน่นอน…”

“ผิดว่ะ รู้งี้ตอบข้อ B ดีกว่า”

“เชี่ย ตอบผิดอีกแล้ว”

ซูชือโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งไปบนโต๊ะด้วยความโมโห

“เงินหมื่นสลายหายวับไปกับตา”

จินฟานวางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

“เงินหมื่นอะไรของพวกนาย?”

ซูเย่เปิดประตูเดินเข้ามาถาม

“เงินรางวัลตอบคำถามน่ะสิ”

จินฟานรับหน้าที่อธิบาย “มันเป็นแอปตอบคำถามชิงเงินรางวัล ใครตอบคำถามได้ครบ 10 ข้อ ก็จะได้เงินรางวัลมาแบ่งกัน และเงินรางวัลสูงสุดมีถึง 10,000 หยวนเลยนะ!”

“เงินรางวัล?”

ซูเย่ดวงตาเป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันที ขณะนี้เขาอยากได้เงินอยู่เสียด้วย