บทที่ 38 เป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 38 เป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู EnjoyBook

บทที่ 38 เป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู

เฉินฮั่นหลงมองไปยังใบหน้าที่อ่อนโยนของถางโร้วที่มีรอยนิ้วมือทั้งห้าอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน หัวใจก็หยุดเต้นด้วยความหวาดกลัว!

“คุณถาง นี่เป็นยาวิเศษของนายท่าน ชื่อว่าหยดน้ำพลังเทพเซียน คุณลองทามันดู” เฉินฮั่นหลงเอาขวดหยกเล็ก ๆ หนึ่งขวดออกมาอย่างระมัดระวังและยื่นไปให้ถางโร้ว

“ขอบคุณค่ะ!”

พอได้ยินว่าเป็นยาวิเศษของฉู่ชวิ๋น ถางโร้วก็กล่าวขอบคุณหลังจากนั้นก็รับมา

“โร้วโร้ว ส่งมันมาให้แม่!” ซ่งซื๋อยื่นมือไปหยิบขวดหยก ใบหน้าของผู้หญิงล้ำค่ามาก จะมาทาหน้ามั่วซั่วได้ยังไงกัน?

เธอเปิดขวดมอง ข้างในก็เหมือนกับน้ำเปล่า ไม่ได้มีอะไรพิเศษเธอดมสักพัก ทันใดนั้นก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ใบหน้าอดไม่ได้ที่จะแสดงความประหลาดใจออกมา

“คุณถางไม่ต้องกังวล คุณก็รู้ว่านายท่านไม่มีทางทำร้ายคุณแน่ ๆ” เฉินฮั่นหลงพูด ถางโร้วพยักหน้าเบา ๆ เธอหันไปหยิบขวดหยกในมือซ่งซื๋อมาและใช้ปลายนิ้วแตะลงไปในขวดนิดหน่อยและค่อย ๆ ทาไปยังบนใบหน้า

เธอรู้สึกว่าใบหน้าเย็นชุ่มชื่น รู้สึกสบายมาก ความรู้สึกแสบร้อนหลังจากถูกตบก็หายไปในชั่วพริบตา ถางโร้วไม่ได้สังเกตเห็นแต่คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ทุกคนมีสีหน้าที่เหมือนกับเห็นผี

เธอมองไม่เห็นใบหน้าตัวเองแต่คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เห็นได้ชัดเจนมาก หยดน้ำพลังเทพเซียนเมื่อทาไปแล้ว ใบหน้าที่บวมแดงก่ำของเธอก็ค่อย ๆ สลายหายไปและผิวแก้มที่บวมแดงก่ำก็ฟื้นคืนกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ใช่สิราวกับว่าใบหน้ามีออร่าอ่อนนุ่มกว่าตอนแรกซะอีก

“โร้วโร้ว……”

ซ่งซื๋ออ้าปากค้างตกใจจนพูดไม่ออก ถางโร้วเห็นสายตาที่ตกใจของแม่ เลยคิดว่าใบหน้าของตัวเองเกิดอะไรผิดปกติ? เธอรีบเอากระจกแต่งหน้าที่อยู่ในกระเป๋าเล็ก ๆ ออกมาและหยิบขึ้นมาส่อง สุดท้ายเมื่อได้เห็น เธอก็ตกตะลึงราวกับคนอื่น ๆ ทุกอย่างเงียบงัน!

ทุกคนล้วนกำลังคิดไตร่ตรองถึงเรื่องนี้ นายท่านที่ลึกลับท่านนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออะไรกันแน่? สามารถปรุงยาวิเศษเช่นนี้ออกมาได้

หลังจากที่ผ่านไปนานมาก เจิ้งก่วงอี้ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้นมา

“มหัศจรรย์เกินไปแล้ว!” ทุกคนก็ต่างพยักหน้า!

เฉินฮั่นหลงได้แต่ถอนหายใจ เดิมที่เขาวางแผนจะใช้โอกาสในวันนี้แนะนำหยดน้ำพลังเทพเซียนแต่กลับคิดไม่ถึงว่า สามขวดที่พกติดตัวจะได้ใช้งานแบบนี้

“น้องเฉิน นี่เป็นของอะไรกันแน่?” เจิ้งก่วงอี้ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น คนอื่น ๆ ก็อย่างรู้อยากเห็นด้วยเช่นกัน พวกเขาส่วนใหญ่เป็นคนเจนโลก แค่เห็นหยดน้ำเมื่อกี้ พวกเขาก็อยากได้จนตัวสั่น

“นี่คือหยดน้ำพลังเทพเซียน เป็นของที่นายท่านปรุงขึ้นมา แบ่งออกเป็น สามระดับ…ที่คุณถางใช้ก็คือหยดน้ำพลังเทพเซียนระดับสาม ที่สูงที่สุด…” เฉินฮั่นหลงแนะนำประสิทธิภาพและราคาของหยดน้ำเทพเซียนรอบหนึ่ง

ถางโร้วเมื่อได้ยินมูลค่าขวดหยกเล็ก ๆ ที่อยู่ในมือของเธอมีมูลค่า ห้าล้านดอลลาร์ เธอตกใจจนเกือบทำขวดตกพื้น คนส่วนใหญ่ที่อยู่บริเวณนี้กลับมีแววตาละโมบอยากได้มาครอบครอง พวกเขารู้ดีว่าค่าของหยดน้ำเทพเซียนมันมากกว่านั้น มันสามารถทำกำไรได้มหาศาลมากกว่าที่เห็นนัก

“น้องเฉิน ถ้าแบบนี้นาย…” เจิ้งก่วงอี้พึ่งจะเริ่มปริปากก็ถูกเฉินฮั่นหลงขัดขึ้นมา

“ประธานเจิ้ง อย่าหาว่าผมไม่เตือนสติคุณ ตอนนี้ต่อให้คุณถางไม่ได้ถูกทำร้าย แต่คุณถางได้รับความอัปยศขนาดนี้นายท่านต้องโกรธมากแน่ ๆ คุณต้องคิดให้ดีว่าจะสารภาพยังไง ถ้าหากว่านายท่านโมโหขึ้นมา เทพเจ้าก็ช่วยชีวิตคุณไม่ได้แล้ว!”

เจิ้งก่วงอี้ดีใจจนเกินไป คำพูดของเฉินฮั่นหลงเหมือนน้ำเย็นที่รดไปเตือนสติเขา พอคิดถึงฉู่ชวิ๋น เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา

“ขอให้น้องเฉินช่วยชี้แนะด้วย ต้องทำยังไงถึงจะทำให้นายท่านพอใจ?” เจิ้งก่วงอี้ขอคำชี้แนะอย่างถ่อมตัว ไม่ว่ายังไงเฉินฮั่นหลงเป็นคนที่อยู่กับฉู่ชวิ๋นมานานที่สุด

“ประธานเจิ้ง ประธานเฉิน พวกเรายอมขอโทษคุณถาง…” ฮูจิ้นและลูกชายที่ตกใจจนล้มไปอยู่ที่พื้นตั้งแต่แรก พูดติดอ่างขึ้นมา

“ขอโทษ?” เฉินฮั่นหลงยิ้มเยาะ “แกคิดว่าขอโทษแล้วก็ไม่เป็นไรเหรอ? ฉันคิดว่าแกควรแสดงความบริสุทธิ์ใจออกมาหน่อย เช่นมือข้างนั้นที่ตบหน้าคุณถางก็ตัดมือข้างนั้นทิ้งซะ” สีหน้าของฮู่จิ้นซีดเผือด ฮู่เหวินยิ่งไม่ต้องพูดถึง สีหน้าเหมือนเถ้าที่ดับมอด

คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ในใจก็รู้สึกหวาดกลัว เฉินฮั่นหลงสมแล้วที่เป็นคนในวงการมาเฟีย ทำผิดก็ต้องตัดแขนตัดขา

“พ่อ ช่วยผมด้วย…ผมไม่อยากกลายเป็นคนพิการ…” ฮู่เหวินตกใจกลัวจนร่างกายสั่นเทา คนอื่นพูดคำนี้เขายังกล้าโต้แย้ง แต่คนที่พูดคือเฉินฮั่นหลง ผู้มีอำนาจมืดในเมืองกู่เจียง แม้แต่ความกล้าที่ต้องต่อต้านเขาก็ยังไม่มี

แววตาของฮู่จิ้นก็มองไปยังพี่น้องบริเวณรอบ ๆ ที่ปกติสนิทสนมชิดเชื้นกันกับเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่คนพวกนี้ต่างพากันมองไปที่อื่น ฮู่จิ้นรู้สึกสิ้นหวัง แย่แล้ว พวกเขาสองพ่อลูกวันนี้จบแล้วจริง ๆ

“เหอะ ตัดมือตัดขายังเบาไป บังอาจไม่ให้เกียรตินายท่าน คนแบบนี้สมควรโดนสับเป็นชิ้น ๆ และเอาเนื้อไปให้หมากิน” เสียงเยือกเย็นเสียงหนึ่งก็ดังทะลุเข้ามาในห้องโถงใหญ่

ทุกคนมองไปยังทางที่เสียงดังขึ้นมา พวกเขาเห็นเพียงชายชราท่านหนึ่งที่มีสีหน้าเย็นชายืนอยู่ประตูทางเข้างานเลี้ยง และต่อมา ชายชราก็ปรากฏตัวยืนอยู่ตรงหน้าถางโร้ว

“ผมคือผู้อาวุโสที่ดูแลที่นี่ สวัสดีครับ คุณหนูถาง” ชายชราโค้งคำนับถางโร้ว

“สวัสดีค่ะ คุณตา!”

ถางโร้วตอบกลับอย่างน่ารักน่าเอ็นดู วันนี้มีคนเยอะมากที่เข้ามาทักทายเธอ ถางโร้วรู้สึกมึนงงไปหมด

“คุณหนูถางเรียกผมว่าผู้อาวุโสเถอะครับ” แม้ว่าผู้อาวุโสจะพูดขนาดนี้ แต่ในใจก็รู้สึกว่าคำว่าคุณตาก็ดีเหมือนกัน

“ผมจะไล่พวกแกไปอีกด้าน ไม่ให้รกสายตาคุณหนูถาง” ผู้อาวุโสหันกลับไปและใช้มือฟาดออกไปก่อนใช้เท้าเตะอย่างรวดเร็วและรุนแรง

ฮู่จิ้นและลูกชายทั้งสองถูกต่อยเตะจนลอยกระเด็นไปอย่างน่าเวทนาและล้มลงอยู่ตรงซอกมุมของห้องโถงที่จัดงานเลี้ยง

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะถอยหลัง ชายชราท่านนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว แต่หมัดแค่เท้าก็สามารถทำให้ผู้ชายทั้งสองคนกระเด็นไปไกลสิบกว่าเมตรได้

ตอนที่ทุกคนกำลังคิดในใจเกี่ยวกับตัวตนของท่านผู้อาวุโส เจิ้งก่วงอี้กลับรู้สึกประหลาดใจมาก ชายชราท่านนี้เขาก็เคยเจออยู่ที่บ้านพักตากอากาศของฉู่ชวิ๋น ตอนนั้นยังมีหญิงสาวคนหนึ่งที่สวยมาก ๆ อยู่ข้าง ๆ ด้วย

“คุณรู้จักเขา?” เฉินฮั่นหลงเห็นสีหน้าที่แปลกไปของเจิ้งก่วงอี้ก็กระซิบถามทันที เจิ้งก่วงอี้เล่าเรื่องที่เคยเจอชายชราที่บ้านพักตากอากาศของฉู่ชวิ๋นให้เฉินฮั่นหลงฟัง เฉินฮั่นหลงพยักหน้า ดูเหมือนว่าชายชราคนนี้เป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู!

ท่านผู้อาวุโสหันหลังกลับคำนับถางโร้ว “ทำให้คุณถางตกใจกลัวแล้ว มีคนสั่งให้ผมมอบของแบบนี้ให้คุณ” พูดจบผู้อาวุโสก็มอบกล่องไม้ที่รายละเอียดงดงามให้ถางโร้ว

ถางโร้วตกใจสักพักก่อนรับกล่องไม้มา ในใจอยากรู้อยากเห็นจนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “คุณตา ฉันเปิดมันได้ไหม?”

“ได้แน่นอนครับ” ผู้อาวุโสตอบกลับ

เธอเปิดกล่องไม้อย่างระมัดระวัง ด้านในมีบัตรเล็ก ๆ อยู่เป็นบัตรสีม่วงที่ดูล้ำค่า ด้านบนมีตราประทับรูปภาพที่สวยงาม มันสวยงามมาก จนถางโร้ว อดไม่ได้ที่จะหยิบมันขึ้นมา

“นี่คือ…บัตรม่วง…” หลายคนตกใจจนตะโกนออกมา!

“นี่มันบัตรม่วงจริง ๆ บัตรม่วงที่ระดับสูงที่สุดในภัตตาคารป่าไผ่สีม่วง!”

“พระเจ้า! ในที่สุดก็ได้เห็นบัตรม่วงที่ทุกคนเล่าขานกันแล้ว เกรงว่านี่คือบัตรม่วงบัตรแรกที่ภัตตาคารป่าไผ่สีม่วงมอบให้สินะ?” ทุกคนเมื่อได้ยินต่างก็ตกใจ! แม้แต่เฉินฮั่นหลงและเจิ้งก่วงอี้เองก็รู้สึกตกใจเช่นกัน

“คุณหนูถาง สองคนนี้จะให้ผมจัดการลงโทษยังไงดี?” ผู้อาวุโสปริปากพูด ถางโร้วกัดริมฝีปากของตัวเอง เธอรู้สึกลำบากใจมากเธอไม่ชอบการฆ่าฟันเธอรู้ดีว่าถ้าเธอพูดอะไรออกไป สองคนนี้ตายแน่ พอได้เห็นฮู่จิ้นและลูกชายที่น่าเวทนา เธอก็อดไม่ได้ที่จะสงสารพวกเขา

“คุณหนูถางถ้าหากว่าลำบากใจ เรื่องนี้มอบให้ผมจัดการได้เถอะ” เฉินฮั่นหลงก็พูดขึ้นมา

“เฉินฮั่นหลง เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ภัตตาคารป่าไผ่สีม่วงของฉัน ก็ควรให้พวกเราช่วยคุณหนูถางจัดการเอง ไม่ขอรบกวนคุณหรอก” ผู้อาวุโสพูดอย่างไม่เห็นด้วย

“ที่ผู้อาวุโสพูดก็ไม่ผิด คุณหนูถางก็คือคนที่นายท่านเอาใจใส่เป็นอย่างดี แต่ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวกับนายท่าน งั้นผมก็ไม่อาจไม่อยู่เฉย ๆ แน่! เรื่องของนายท่านก็คือเรื่องของผม” เฉินฮั่นหลงเองก็ไม่ยอมถอยให้เลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้ต้องจัดการให้ดี ถ้าฉู่ชวิ๋นรู้นี้ต้องเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่แน่นอน

“เฉินฮั่นหลง คุณนี่หน้าด้านจริง ๆ เรื่องทุกเรื่องของนายท่านก็คือเรื่องของคุณงั้นเหรอ? คิดว่าตัวเองปิดทองหลังพระแล้วจะได้หน้าสินะ?” ผู้อาวุโสพูดขึ้นมาและยิ้มเยาะ

“ผู้อาวุโส ผมพูดตอนไหนว่าจะทำเอาหน้า คุณอยู่ที่นี่ก็อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย เรื่องในวันนี้ผมจัดการเอง” เฉินฮั่นหลงพูดอย่างไม่ยอมแพ้

ประโยคนี้ทำให้ผู้อาวุโสรู้สึกโกรธเคือง “เจ้าเด็กหัวแข็ง ไม่เข้าใจเรื่องมารยาทสินะ เชื่อหรือเปล่าว่าฉันฆ่าแกได้ในฝ่ามือเดียว”

“ถ้าหากว่าคุณไม่กลัวหมัดของนายท่านที่จะชกคุณกลายเป็นเศษเนื้อก็ลงมือได้เลย” เฉินฮั่นหลงไม่กลัวเกรงแถมยังยั่วยุโดยการตบหน้าอกตัวเองอีกเบา ๆ ชายชราคนนี้แม้ว่าจะแกล้งทำตัวเคร่งขรึม แต่คำพูดของเขาก็ล้วนเอาใจใส่ถางโร้ว งั้นเขาต้องรู้จักนายท่าน

ฉู่ชวิ๋นดีและก็ต้องรู้ความสัมพันธ์ของเขากับนายท่านฉู่ชวิ๋น ถ้าไม่อย่างงั้นชายชราคงไม่ยืนจู้จี้จุกจิกกับเขาตั้งครึ่งวันหรอก อยากแย่งผลงานคุณงามความดีกับฉัน? ตาแก่นี้ยังไม่ถึงขั้นไปฝึกมาใหม่!

เฉินฮั่นหลง เล่นใหญ่จนเลอะเทอะ ผู้อาวุโสจะกล้าเป็นศัตรูของฉู่ชวิ๋นได้ยังไง? คำพูดไม่กี่คำของเฉินฮั่นหลงทำให้ผู้อาวุโสโกรธจนหน้าดำหน้าแดง

“ผู้อาวุโส คุณรีบถอยไปเถอะ!” เฉินฮั่นหลงคาดเดาอย่างมั่นใจว่าผู้อาวุโสไม่กล้าลงมือเลยยั่วยุอย่างคนอวดดี

ผู้อาวุโสโกรธจนทำเสียงเหอะ ๆ ออกมาและชี้ไปที่เฉินฮั่นหลง

“แก ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้คนไร้มารยาท”

พูดจบเฉินฮั่นหลงก็หันไปโค้งคำนับถางโร้ว “คุณหนูถาง งั้นผมต้องบอกลาแล้ว!”

“ลาก่อนค่ะ คุณตา!” ผู้อาวุโสพยักหน้าและหันไปเหอะใส่เฉินฮั่นหลงก่อนเดินออกไปทางประตูด้านนอก

เฉินฮั่นหลงเฉิดหน้าอย่างพอใจและคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของชายชรา เขาแอบคิดในใจว่าภัตตาคารป่าไผ่สีม่วงเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว? ผู้อาวุโสคนนี้ไม่มีเหตุผลแถมยังกล้าแย่งความดีความชอบกับเขาอีก? แต่ไม่นาน สีหน้าของเขาก็เศร้าหมอง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฉู่ชวิ๋น ในใจเขาไม่กล้าประมาณเลยแม้แต่น้อย

“คุณหนูถาง คุณกลับไปก่อนเถอะ! เรื่องในวันนี้ผมและประธานเจิ้งจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับคุณแน่นอน” เจิ้งก่วงอี้สีหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจจากคำพูดเมื่อกี้ เฉินฮั่นหลงยกคุณงามความดีให้เขาครึ่งหนึ่ง

ถางโร้วเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกแล้ว เธอหันไปพยักหน้าให้เฉินฮั่นหลงและเจิ้งก่วงอี้ “งั้นก็ขอรบกวนคุณเฉินและคุณเจิ้งแล้ว”

“คุณหนูถางไม่เลย ๆ! หลังจากวันนี้ไปถ้าหากว่ารู้สึกลำบากอะไรบอกผมได้เลยนะครับ” เจิ้งก่วงอี้พูดอย่างจริงจัง

“ขอบคุณค่ะ! งั้นพวกเรากลับไปก่อนนะ” ถางโร้วกล่าวขอบคุณ

“ประธานเจิ้ง ลาก่อน!” ถางเหวินเหยียนและซ่งซื๋อก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน

“ผู้จัดการถาง รอก่อน!” เจิ้งก่วงอี้ตะโกนเรียกถางเหวินเหยียนให้หยุดเดิน

“ประธานเจิ้งมีเรื่องอะไรอีกเหรอครับ?” ถางเหวินเหยียนหยุดเดินและหันกลับมา

“คือว่า…” เจิ้งก่วงอี้ไตร่ตรองสักพัก “ผู้จัดการถาง ฮู่จิ้นไม่ใช่หัวหน้าใหญ่แล้วแต่ตำแหน่งหัวหน้าอาจไม่ว่างได้ คุณก็ทำงานอยู่ในบริษัทมานาน ความสามารถทุก ๆ ด้านของคุณก็เป็นที่เห็นประจักษ์ไปทั่ว ฉันรู้สึกว่าคุณเหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้านี้มาก!”

ถางเหวินเหยียนอดไม่ได้ที่จะดวงตาเบิกกว้าง ก่อนหน้านี้เขาคิดทุกวิถีทางเพื่อจะดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าใหญ่ คิดไม่ถึงว่าชั่วพริบตาเดียวก็ได้กลายมาเป็นหัวหน้าใหญ่แถมยังถูกเจิ้งก่วงอี้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งด้วยตัวเองอีก

ซ่งซื๋อเองก็ดีใจ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิง ตำแหน่งของสามีตัวเองสูงขึ้นเธอก็ยิ่งมีหน้ามีตา เธอดึงเสื้อของถางเหวินเหยียนและกระซิบเตือนไปว่า “ยังมึนงงอะไรอยู่? รีบขอบคุณประธานเจิ้งสิ”

ถางเหวินเหยียนตกใจจนสะดุ้ง สีหน้ารู้สึกซาบซึ้งใจ “ประธานเจิ้งขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากจริง ๆ ผมรับประกันว่าจะตั้งใจทำงาน ไม่ทำให้ประธานเจิ้งผิดหวังแน่นอน” เจิ้งก่วงอี้ไม่กล้าตอบรับคำขอบคุณและแอบพูดเบา ๆ ไม่ให้ใครได้ยิน

“ลูกสาวของคุณถางเหวินเหยียนมีนายท่านฉู่ชวิ๋นอยู่ อย่าว่าแต่หัวหน้าใหญ่บริษัทหนึ่งเลยต่อให้ก่อสร้างวงศ์ตระกูลขึ้นมาก็ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ” เจิ้งก้วงอี่ยิ้มและพูดให้กำลังใจถางเหวินเหยียนไม่กี่ประโยคก่อนจากลา

ในระหว่างทางกลับบ้าน ถางเหวินเหยียนก็มองลูกสาวของเขาผ่านกระจกหลังที่อยู่ตรงกลางรถ เขาไม่ได้โง่ ที่เขาได้ตำแหน่งหัวหน้าใหญ่มาทั้งหมดนั้นเพราะนายท่านลึกลับที่อยู่เบื้องหลังลูกสาวของเขา

ซ่งซื๋อเห็นกิริยาท่าทางของถางเหวินเหยียนที่ดูลังเลใจ จริง ๆ แล้วในใจเธอก็อยากรู้ว่าใครคือนายท่านคนนั้น

“โร้วโร้ว แม่อยากจะถามลูกเรื่องหนึ่ง” ซ่งซื๋อปริปากพูดออกมาอย่างระมัดระวัง

“คุณแม่ มีเรื่องอะไรเหรอคะ?” ถางโร้วถามอย่าง งงงวย

“คนนั้น…นายท่านคนนั้นเป็นใครกันแน่?”

“นายท่านก็คือพี่ฉู่ชวิ๋นไง” ถางโร้วก็พูดอย่างมั่นใจ ถางเหวินเหยียนมือสั่นเทาเกือบขับรถชนราวเหล็กที่วางกันระหว่างคนและรถแล้ว ยังดีที่เขาดึงสติกลับมาจนเหยียบเบรกรถทันไม่งั้นก็ชนเข้ากับราวเหล็กแล้ว สองสามีภรรยาสบตากัน ก็เห็นสายตาที่หวาดผวาของอีกฝ่าย

“โร้วโร้ว นายท่านลึกลับคนนั้นที่ลูกพูดก็คือฉู่ชวิ๋น?” ถางเหวินเหยียนถามอย่างไม่แน่ใจ

“ใช่แล้วค่ะ!” ถางโร้วก็พยักหน้า ถางโร้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อน ๆ เธอรู้สึกว่าในเวลานี้ตัวเองคล้ายกับตัวตลก

คำพูดพวกนั้นที่ฉู่ชวิ๋นพูดก่อนหน้านี้ดังเข้ามาในหูเธอ เธอคิดว่าฉู่ชวิ๋นคุยโวปากเปล่ามาตลอด มันกับกลายเป็นว่าเขาอยู่ในระดับที่เธอไม่สามารถเข้าถึงได้มาตั้งนานแล้ว