EP.37พิฆาตอสนีบาต1

ชวีฉู่นั่งลงยองๆ ทำตาโตมองหลินมู่อวี่หลอมโอสถราวกับเด็กอยากรู้อยากเห็น โดยเฉพาะยามที่เห็นหลินมู่อวี่ใช้ฝ่ามือพิสุทธิ์อันล้ำเลิศปอกชั้นเหล็กและชั้นหินจากดอกสาลี่เหล็กออกนั้น เขาอดชมเชยออกมาไม่ได้ ตลอดชีวิตของเขาเคยพบเจอยอดฝีมือระดับสูงมาไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยเจอนักปรุงโอสถคนใดที่มีวิธีสกัดแก่นโอสถได้อย่างพิถีพิถันเท่านี้มาก่อน แม้แต่ราชาโอสถที่เขาเคยเจอยังไม่มีฝีมือขนาดนี้เลย

หลินมู่อวี่มองชวีฉู่ที่ดูกระเหี้ยนกระหือรืออยู่ข้างๆ จึงอดลอบยิ้มออกมาไม่ได้ ชวีฉู่เป็นยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์ ฐานะของเขาบนแผ่นดินนี้ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าสูงส่งแค่ไหน แต่ทุกคนล้วนมีจุดอ่อนกันทั้งนั้น จุดอ่อนของชวีฉู่ก็คือความหลงใหลในศาสตร์การปรุงโอสถ 

หลินมู่อวี่จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วิธีนี้เรียกว่าฝ่ามือพิสุทธิ์ เป็นอย่างไร ท่านอยากเรียนไหมล่ะ” 

ชวีฉู่พยักหน้าตอบทันที “อยากสิ!” 

  “งั้นก็ได้ ข้าจะสอนท่าน”

หลินมู่อวี่ตบมืออย่างยินดี แล้วพูดขึ้น “แต่ว่า ข้ามีเงื่อนไข”

ชวีฉู่เลิกคิ้วทันที “เจ้าหนู เจ้าต้องการสิ่งใด พูดมาได้เลย ขอแค่เจ้าสอนวิชาปรุงโอสถให้ข้า อะไรก็ได้”

หลินมู่อวี่มีความคิดแบบนี้นานแล้ว เขาพูดอย่างใจเย็น “ข้าสอนฝ่ามือพิสุทธิ์ให้ท่าน แต่ท่านต้องสอนทักษะยุทธ์ที่ท่านเชี่ยวชาญให้ข้า ท่านมีความเห็นอย่างไร”

  “สอนทักษะยุทธ์ให้เจ้างั้นหรือ”

  “ถูกต้อง” หลินมู่อวี่เกาศีรษะ พลางเอ่ย “ผู้อาวุโสชวี ร้านตำราในเมืองหยินซานมีตำราทักษะยุทธ์จำหน่ายก็จริง แต่ราคาแพงยิ่งนัก จะไปกราบคารวะอาจารย์ให้รับเป็นศิษย์ก็แพงมหาศาลเช่นกัน ข้าไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ตอนนี้ข้าตามท่านมาฝึก ท่านสอนข้าแค่วิธีเรียกวิญญาณยุทธ์ แต่ไม่สอนทักษะยุทธ์ที่แท้จริงใดๆ ให้แก่ข้า ท่านก็เห็นแล้ว วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียวนี้เหมาะแก่การป้องกัน แต่ไม่เหมาะที่จะใช้จู่โจม เพราะฉะนั้นข้าจึงอยากเรียนทักษะยุทธ์ประเภทจู่โจม”

ชวีฉู่พึมพำ มองหลินมู่อวี่ด้วยแววตาล้ำลึก แล้วเอ่ยว่า “แต่ข้าเคยสาบานไว้นานแล้วว่าตลอดชีวิตนี้จะไม่รับลูกศิษย์ มิเช่นนั้นจักต้องตายด้วยคมดาบคมกระบี่!” 

หลินมู่อวี่ยิ้มบาง “ข้าจะไม่คารวะท่านเป็นอาจารย์ แค่เรียนทักษะยุทธ์เท่านั้น จะว่าไปนี่เป็นการแลกเปลี่ยนของพวกเรา ข้าสอนศาสตร์วิชาปรุงโอสถให้ท่าน ส่วนท่านสอนทักษะยุทธ์ให้ข้า เป็นอย่างไรเล่า”

  “งั้นก็…ตกลง!”

ชวีฉู่ต้านทานความเย้ายวนใจของฝ่ามือพิสุทธิ์ไม่ไหว “แต่เจ้าต้องรับปากข้าหนึ่งเรื่อง ทักษะยุทธ์ที่ข้าสอนเจ้า ห้ามถ่ายทอดให้ผู้อื่นโดยเด็ดขาด วิชาของข้ากว่าครึ่งข้าศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองมาทั้งชีวิต โลกวุ่นวายอยู่แล้ว ข้าไม่อยากให้ทักษะยุทธ์ที่ข้าคิดค้นขึ้นมากลายเป็นวิชาฆ่าคน ว่าอย่างไร เจ้ารับปากข้าได้หรือไม่”

หลินมู่อวี่พยักหน้าทันที “ข้ารับปาก จะไม่นำทักษะยุทธ์ที่ท่านถ่ายทอดให้ข้าไปถ่ายทอดให้แก่ผู้อื่น!”

“งั้นก็ดี!”

พูดจบ ชวีฉู่ก็กระโดดถอยหลังออกไปหลายเมตร เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะแสดงทักษะยุทธ์สามอย่างให้เจ้าดูก่อน แล้วเจ้าค่อยเลือกว่าจะเรียนทักษะไหน”

  “ขอรับ!”

แววตาสุขุมมั่นคงของชวีฉู่ เขายืนอยู่บนพื้นด้วยท่วงท่าที่มั่นคงดั่งขุนเขาไท่ซาน ราวกับว่าถึงฟ้าดินจะสั่นสะเทือนก็มิอาจสะเทือนไปถึงขุนเขาอย่างเขาได้ เขากางมือซ้ายออก เปล่งเสียงเบาๆ ทันใดนั้นแสงอสนีบาตสีม่วงก็ปรากฏขึ้นตามนิ้วมือ เขาฟาดฝ่ามือออกไปในอากาศ “เปรี้ยง!” หินยักษ์ที่อยู่ด้านขวามือก้อนหนึ่งถูกตัดผ่าออกจากกัน

“นี่เรียกว่าพิฆาตอสนีบาต รวบรวมธาตุอสนีในธรรมชาติ แล้วโจมตีใส่เป้าหมายให้ขาดเป็นสองท่อนในชั่วพริบตา จะใช้มือเปล่า หรือใช้ร่วมกับอาวุธก็ได้ ท่าต่อไป!”  

ชวีฉู่สงบลมปราณลง ชายแขนเสื้อสะบัดไหวเล็กน้อย เปล่งเสียงออกมาเบาๆ พื้นดินรอบตัวพลันสั่นสะเทือน ปราณยุทธ์ถูกปล่อยออกมา โล่คุ้มกันที่มีรูปร่างเหมือนหินสีเขียวปรากฏขึ้นรอบกาย พริบตาเดียวก็แตกกระจายออกจากกัน 

“นี่คือเกราะศิลาเขียว ใช้ปราณยุทธ์มาสร้างเป็นกำแพงที่แข็งแกร่งป้องกันร่างกาย และก็เป็นทักษะยุทธ์ที่ข้าคิดค้นขึ้นมาเอง เหมาะสำหรับใช้ป้องกันตัว ใช้แค่ปราณก็สามารถสร้างเกราะศิลาเขียวได้ แต่เกราะศิลาเขียวที่เกิดจากปราณยุทธ์จะแข็งแกร่งและไม่สลายไปง่ายๆ ท่าต่อไป!” 

กล่าวจบ ชวีฉู่เปล่งเสียงออกมาเบาๆ กำหมัดแน่น แล้วต่อยเข้าไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปข้างหน้าหนึ่งหมัด อากาศก่อตัวเป็นระลอกคลื่น หลังสิ้นเสียงหวีดแหลม ลำต้นของต้นไม้เกิดเสียงกระแทกอย่างแรง!

“ปึง!”

กิ่งไม้สั่นไหว แต่หลินมู่อวี่ไม่เห็นว่าต้นไม้ใหญ่จะได้รับความเสียหายตรงไหน จึงยิ้มออกมา “ไม่เห็นจะได้เรื่องเลย”

“งั้นหรือ” ชวีฉู่ยิ้มบางๆ “เจ้าดูให้ดีอีกครั้งสิ”

เมื่อหลินมู่อวี่มองดูอีกครั้ง กลับพบว่าเปลือกต้นไม้ยักษ์นั้นแตกร้าว แม้แต่ลำต้นเองก็ถูกซัดจนเปราะคล้ายปุยฝ้าย และล้มลงเสียงดังสนั่น ทำเอาถังเสี่ยวซีสะดุ้งตื่นจากนิทรา นางลุกขึ้นนั่งพลางขยี้ดวงตาแสนงาม “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

ชวีฉู่หัวเราะจากที่ไกล “ไม่มีอะไรพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง ยังไม่เช้าเลย องค์หญิงนอนต่ออีกหน่อยเถอะ”

ถังเสี่ยวซีกำลังนอนหลับสบาย จึงไม่สนใจอะไรมากนัก ตะแคงตัวนอนแล้วหลับไปอีกครา