“ยากที่จะพูด หรือเจ้าไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่าพลิกเรือในท่อระบายน้ำ?” จนกระทั่งตอนนี้ หลินเมิ้งหยายังคงแสดงท่าทีสงบนิ่ง ใบหน้าอ่อนโยน ริมฝีปากหยักยิ้มเล็กน้อย
“ช่างเป็นเด็กที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยจริงๆ ตอนที่เหยียเข้าร่วมกลุ่มเจียงหู พ่อของเจ้ายังเพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่มเท่านั้น!”
นายน้อยวาดนิ้วเรียวยาวแล้วเคาะลงบนหน้าผากของหลินเมิ้งหยาด้วยท่าทางยั่วยวน
หลินเมิ้งหยาหลับตาลง กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยเข้ามาเตะจมูก
“เย่หลัวฮวา ถานเซียง เช่อเซียง จื่อเวยซ่าน แล้วยังมี…”
“มันคือกลิ่นกายของเหยีย เจ้าเด็กนี่จมูกดีขนาดนี้เชียวหรือ” นายน้อยไม่ได้รีบร้อนกรอกยาให้กับหลินเมิ้งหยา ยิ่งโรคจิตก็ยิ่งชอบหลอกล่อสัตว์เลี้ยงของตนเอง
จู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็หัวเราะออกมา ส่ายหน้าเบาๆ ท่าทางมิอาจคาดเดา
“เจ้าหัวเราะอะไร?” สีหน้าของนายน้อยยิ่งเผยให้เห็นความประหลาดใจ เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดเด็กสาวตรงหน้าจึงกล้าหาญชาญชัยเช่นนี้
“ข้าหัวเราะ…ข้าหัวเราะนายน้อยของกลุ่มเถาฮวาอู๋ ที่แท้เจ้าก็เป็นเพียงเศษสวะเท่านั้น ข้าหัวเราะเจ้าที่มีวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ แต่ทุกวันพระจันทร์เต็มดวงกลับต้องทุกข์ระทมเพราะถูกแมลงว่านฉงกัดกินกระดูก ข้าหัวเราะที่เจ้าต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรักษาสภาพกึ่งมนุษย์กึ่งสัมภเวสีเช่นนี้!”
ลำคอสีขาวยาวระหงอยู่ๆ ก็ถูกมือทั้งสองข้างของนายน้อยบีบเค้น
นิ้วมือออกแรงมากขึ้นจนหลินเมิ้งหยาหายใจได้อย่างยากลำบาก
ใบหน้าแข็งทื่อ นายน้อยคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวคนนี้จะล่วงรู้ถึงความทรมานที่ถูกเก็บเป็นความลับของตนเอง
“ฆ่าข้า…เจ้า…จะไม่มีวัน…ถอนพิษได้!” นางส่งเสียงออกมาจนจบด้วยความยากลำบาก ครู่ต่อมา ร่างของหลินเมิ้งหยาถูกนายน้อยออกแรงโยนลงไปอีกฝั่ง
เจ็บชะมัด! หลินเมิ้งหยากู่ร้องในใจ ทว่าใบหน้ากลับยังคงเผยให้เห็นเพียงความเยือกเย็นและหยิ่งยโส
“เจ้ารู้ได้อย่างไร!” ความเยือกเย็นระคนโกรธเกรี้ยวฉายชัดอยู่บนใบหน้า อีกทั้งยังเจือไว้ซึ่งความอำมหิต
ทุกคนที่ล่วงรู้ความลับของเขาจะต้องตาย!
“เจ้าไม่ต้องถามหรอกว่าข้ารู้ได้อย่างไร แต่ข้าอยากถามเจ้ากลับว่า เจ้าอยากรู้วิธีถอนพิษหรือไม่!” หลินเมิ้งหยาขอบคุณเครื่องตรวจจับหาพิษในสมองของนางเหลือเกิน
เมื่อครู่ ทันทีที่จมูกสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าไป สมองเริ่มประมวลผลและเปิดเผยข้อมูลยาพิษออกมาจนหมด
คิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่ต้องแลกมากับใบหน้าอ่อนเยาว์ของนายน้อยผู้นี้จะเป็น…
“เจ้าบอกว่ามันคือยาพิษเช่นนั้นหรือ? ฮึ เจ้าคงคิดจะหลอกชิงหูผู้นี้เลยหาข้ออ้างโป้ปดออกมาใช่หรือไม่? คนในกลุ่มเถาฮวาอู๋ล้วนรู้ดีว่าข้าต้องผ่านร้อนผ่านหนาวอะไรมาบ้างรูปลักษณ์จึงเปลี่ยนไปเช่นนี้!”
ดวงตาคู่สวยประหนึ่งลูกท้อของชิงหูจับจ้องมองทางหลินเมิ้งหยาด้วยความเย็นชา ทว่าความฉลาดหลักแหลมในหัวใจกลับเต้นกระตุก
“ไม่มีทาง! เจ้าลองไตร่ตรองให้ดีว่ากลิ่นหอมในกายเจ้ามีมาได้อย่างไร? เจ้าหาใช่กวางชะมด แบบนี้จะมีกลิ่นกายติดตัวได้อย่างไรเล่า?”
หลินเมิ้งหยามั่นใจ แม้กลิ่นกายของเขาจะถูกกลิ่นของเครื่องหอมกลบปิดเอาไว้
ทว่าเรดาร์ในการตรวจหายาพิษกลับเผยรายชื่อพิษเหล่านั้นออกมา ดังนั้นเขาจึงไม่อาจหนีตาวิเศษของนางพ้น
“เรื่องนั้น…” เอ่ยได้เพียงคำเดียว ความทรงจำถาโถมเข้ามาในสมอง แต่ถึงอย่างนั้นชิงหูกลับยังไม่ปักใจเชื่อหลินเมิ้งหยา
ภายในกลุ่มเถาฮวาอู๋มีหมอชื่อดังมากมาย แต่กลับมิมีผู้ใดเอ่ยว่าเขาโดนยาพิษเลยแม้แต่คนเดียว
“เจ้าไม่เชื่อข้าก็ไม่เป็นไร แต่ข้าจะบอกอะไรเจ้าก็ได้ กลิ่นกายบนตัวเจ้าและเครื่องหอมที่เจ้าใช้ล้วนเป็นยาพิษร้ายแรงและหายาก”
หลินเมิ้งหยาเหลือบมองถุงเครื่องหอมบนเอวของเขา ก่อนจะแสดงสีหน้ามั่นอกมั่นใจต่อหน้าชิงหู
“ดอกไม้ที่ถูกนำมาทำเป็นเครื่องหอมมิได้มีพิษแต่อย่างใด แต่เมื่อผสมกับกลิ่นกายของเจ้า เจ้าจะเสพติดมันโดยไม่รู้ตัว หากเจ้าอยู่ห่างจากถุงเครื่องหอมแล้วละก็ ร่างกายของเจ้าจะไร้เรี่ยวแรง แม้จะลุกก็ลุกไม่ขึ้น”
ดังนั้น วันที่อยู่ที่หยาหาง เขาจึงถูกนางจับกุมตัว
สิ่งที่เด็กคนนี้พูด…ถูกต้องทั้งหมด!
ขณะเดียวกัน ภาพความทรงจำตลอดหลายปีที่ผ่านมาปรากฏขึ้นในใจของชิงหู
สีหน้าตกตะลึงค่อยๆ เลือนหายไป ดวงตาคู่นั้นเจือไว้ซึ่งความอ่อนโยนขณะจ้องมองหลินเมิ้งหยา
“บอกข้ามาสิเจ้าเด็กน้อย หากข้าต้องการให้เจ้ารักษาข้า เจ้าต้องการสิ่งใดตอบแทน?”
เขาไม่อาจทานทนต่อชีวิตที่ไม่ใช่ทั้งมนุษย์หรือสัมภเวสีได้อีกต่อไปแล้ว อีกอย่างขอเพียงเขาหลุดจากร่างกายเช่นนี้ได้ คนผู้นั้นจะไม่มีวันควบคุมเขาได้อีกต่อไป!
“ไม่เอา!” หลินเมิ้งหยาปฏิเสธเสียงแข็ง นางแสดงท่าทีประหนึ่งหมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก1
“เจ้าจะวางยาให้ข้ากลายเป็นคนโง่เขลาสติฟั่นเฟือน จากนั้นทำให้ข้าเป็นใบ้ สุดท้ายหักแขนหักขาข้าไปเลยก็ได้ เฮ้อ แต่อย่าคิดทรมานข้าเด็ดขาด มิเช่นนั้นหากข้าจำชื่อยาผสมปนเปกันขึ้นมา สภาพของเจ้าจะไม่ได้ดีอย่างเช่นตอนนี้แน่นอน!”
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ จากนั้นยืนสงบนิ่ง
หากจะมีใครสักคนบนโลกใบนี้สามารถทำให้ชิงหูยอมจำนนได้ เด็กคนนี้คือคนคนนั้น
“เด็กน้อย พวกเรามาคุยกันสักเล็กน้อยดีหรือไม่?” นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่ชิงหูยอมโอนอ่อนต่อใครสักคน ท่าทีอ่อนโยนราวกับกำลังร้องขอการให้อภัย
“ไม่ต้องคุยหรอก มาสิ พวกเจ้าไม่ต้องป้อนหรอก ข้าจะดื่มเอง” หลินเมิ้งหยาแสดงท่าทีเด็ดเดี่ยวและองอาจผึ่งผาย โดยไม่ไว้หน้าชิงหูเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้หยา ดูเจ้าสิ ยังเด็กอยู่แท้ๆ แต่อารมณ์กลับไม่เล็กตาม ข้าก็แค่ล้อเจ้าเล่นแต่เพียงเท่านั้น เหยียผิดไปแล้ว เหยียจะชดใช้ให้เจ้าดีหรือไม่?”
ชิงหูเอาอกเอาใจหญิงสาวตรงหน้า ความประหลาดใจยิ่งก่อตัวมากขึ้น สกุลหลินสั่งสอนลูกสาวอย่างไรกันนะ
ทั้งที่เขาถูกกล่าวขานว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอก แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กตรงหน้าจะเอาชนะเขาได้
“ได้ ข้าสัญญาว่าจะรักษาอาการให้กับเจ้า แต่เจ้าจะเอาอะไรมาแลกกันเล่า?” หลินเมิ้งหยานั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือ2 บนเก้าอี้มีพรมขนจิ้งจอกวางเอาไว้ ดังนั้นสัมผัสจึงนุ่มนิ่มและอบอุ่น
“ข้าไม่ป้อนยาเจ้าแล้วดีหรือไม่? เจ้าต้องการอะไร ข้าจะให้” ลูกตาของชิงหูกลอกกลิ้งไปมา ใบหน้ายิ้มแย้มอบอุ่นไร้ซึ่งพิษภัย
หลินเมิ้งหยาจ้องตาเขา พวกเขาต่อล้อต่อเถียงกันมาได้พักใหญ่แล้ว หากยังเป็นเช่นนี้อยู่ ดูท่าแม้จะเจรจาต่อรองกันทั้งคืนก็คงไม่จบไม่สิ้น
นางครุ่นคิด กระดิกนิ้วเรียกชิงหูมาใกล้ๆ
กระซิบอย่างแผ่วเบาที่ข้างใบหู สีหน้าของชิงหูเปลี่ยนไปจนมิอาจคาดเดา สุดท้ายดวงตาของหลินเมิ้งสะท้อนภาพใบหน้าที่กำลังพยักลงเล็กน้อยอย่างไม่เต็มใจนักของชิงหู
“เจ้านี่นะ ช่างฉลาดหลักแหลมเสียจริง ได้ ข้ายอมเจ้าแล้ว แต่เจ้าทำให้ข้าดีขึ้นก่อนสักเล็กน้อยสิ”
นิ้วเรียวยาวเคาะเข้าที่กะโหลกหน้าผากของหลินเมิ้งหยา
ชิงหูประหลาดใจเหลือเกิน สมองของเด็กคนนี้กำลังปกปิดความเจ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจอกน้อยอยู่ใช่หรือไม่
“อันที่จริงการถอนพิษนั้นไม่ยาก แต่จะต้องเสียเวลาในการหาหยูกยา ข้าจะเขียนให้เจ้า เจ้าเรียกคนมาบันทึกก็พอ” หลินเมิ้งหยาเลิกเล่นตัว หยิบกระดาษขึ้นมากางออก จากนั้นขีดๆ เขียนๆ ลงไป
“นี่…นี่คือสิ่งที่จะทำให้เหยียไม่ต้องพึ่งเครื่องหอมเช่นนั้นหรือ?” ชิงหูอ้าปากค้างจ้องมองรายชื่อยาในมือ ก่อนจะแสดงสีหน้าสงสัย
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลงด้วยสีหน้าใสซื่อ
“ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะลองดู หากเจ้าเชื่อถือไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าเหยียใจร้ายก็แล้วกัน! ชิงหลวน ฮั่วเฟิ่ง พาคุณหนูหลินไปพักผ่อน”
หญิงสาวใบหน้าสวยงามสองนางผลักประตูเข้ามา หลินเมิ้งหยาเพิ่งพบว่าบนร่างของทั้งสามล้วนมีกลิ่นหอมแปลกประหลาดส่งออกมา
ตกลงเถาฮวาอู๋คืออะไรกันแน่ เหตุใดจึงใช้ยาพิษเหล่านั้นมาควบคุมทุกคนกัน?
“คุณหนูหลิน เชิญเจ้าค่ะ!” ชิงหลวนสวมใส่ชุดสีฟ้า ฮั่วเฟิ่งสวมใส่ชุดสีแดง ทว่าดวงตากลับแข็งทื่อเย็นชาอย่างแปลกประหลาด
หลินเมิ้งหยาลองคำนวณความเป็นไปได้ที่จะหนีออกมา สุดท้ายทำได้เพียงเดินตามหลังพวกนางออกจากห้องของชิงหู
หากทางจวนของท่านอ๋องรู้ว่านางหายตัวไป มิรู้ว่าจะเกิดความโกลาหลมากถึงเพียงไหน
“คุณหนู นี่คือเกี๊ยวกุ้งในซุปไก่ที่คุณหนูสั่งให้ข้าทำ รีบ…กรี๊ด! นายน้อยอวี้! คุณหนู!”
ป๋ายจื่อเดินกลับมาจากห้องครัว ทันทีที่ผ่านธรณีประตูเข้ามาก็ได้เห็นร่างของหลินจงอวี้ที่นอนสลบอยู่บนพื้น
ทว่าคุณหนูของนายกลับหายตัวไป
รีบวิ่งเข้าไปเขย่าตัวหลินจงอวี้อย่างเอาเป็นเอาตาย ในที่สุดนายน้อยอวี้ก็ฟื้นขึ้น
“พี่สาว…พี่สาวพระชายา…” หลินจงอวี้มองไปทางเตียงที่ว่างเปล่า สมองที่เคยสับสนมึนงงพลันแจ่มชัดขึ้นมาในบัดดล
พี่สาวหายตัวไปแล้ว! เขาถูกวางยาหมีเซียง ถ้าเช่นนั้นพี่สาวกำลังตกอยู่ในอันตราย
“พี่ป๋ายจื่อ ข้าต้องไปหาท่านอ๋อง พี่รออยู่ที่นี่นะ ห้ามบอกใครเป็นอันขาดว่าพี่สาวหายตัวไป เข้าใจหรือไม่?”
คำพูดเพียงประโยคเดียวของหลินจงอวี้ทำให้ป๋ายจื่อที่กำลังตื่นตระหนกรู้สึกตัวว่าตนเองควรทำอะไร
นางพยักหน้าลงอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา
ฮือๆ คุณหนูหายตัวไปอีกแล้ว!
หลินจงอวี้พาร่างกายที่ยังไม่กลับมาเป็นปกติดีของตนเองออกวิ่งไปทางประตูหน้าห้องอ่านหนังสือของหลงเทียนอวี้
เมื่อองครักษ์หน้าห้องเห็นว่าเป็นน้องชายของพระชายาจึงมิได้ห้ามเอาไว้
ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้เคาะประตู สายลมหอบใหญ่พัดกระทบร่างจนโงนเงน สุดท้ายเงาดำทมิฬพุ่งเข้าไปรับร่างของเขาเอาไว้
“ช่วยพี่สาวข้าด้วย พี่สาวถูกจับตัวไปแล้ว!” พูดจบ เขาสลบไปในทันที
เย่สูดกลิ่นที่ยังคงติดตามร่างกายของเด็กหนุ่ม ที่แท้ก็คือหมีเซียง!
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยมีเรื่องรายงาน” ภายในห้อง หลงเทียนอวี้กำลังคุยเรื่องกลุ่มเถาฮวาอู๋กับคนสนิท
เย่ที่คอยทำหน้าที่เฝ้าประตูเพื่อไม่ให้คนนอกย่ำกรายเข้าไป อยู่ๆ ก็ร้องขอเข้าเฝ้า
เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียง
“พวกเจ้าออกไปก่อน ค่อยกลับมาคุยกันใหม่วันหลัง”
ทุกคนขยับตัวออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ หลังจากนั้นภายในห้องจึงเหลือเพียงหลงเทียนอวี้ผู้เดียว
“เด็กคนนี้มีกลิ่นของหมีเซียงที่เถาฮวาอู๋ใช้ติดตัว เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับพระชายาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เย่วางร่างของหลินจงอวี้ลงบนเก้าอี้ ก่อนจะรายงานปัญหาออกมา
แววตาของหลงเทียนอวี้เปลี่ยนไป เขาพุ่งตัวออกจากห้องอ่านหนังสือแทบจะทันที
“พาหลินจงอวี้มาด้วย! ตามข้ามา!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ภายในตำหนักมืดมิดลงแล้ว
เมื่อเดินมาถึงห้องของหลินเมิ้งหยา เขาได้เห็นเพ่ยเจี้ยของหลินเมิ้งหยาร้องไห้ตัวสั่นเทาปานจะขาดใจ
“ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากัน ทั่วทั้งห้องยังคงมีกลิ่นหมีเซียงคละคลุ้งอยู่เล็กน้อย
มือหนากำเข้าหากัน บังอาจนัก กล้าเหยียบจมูกเขาถึงถิ่น!
“หม่อมฉันไม่รู้เพคะ ฮือๆ ท่านอ๋อง ท่านจะต้องช่วยคุณหนูของพวกเรากลับมานะเพคะ”
ป๋ายจื่อที่ตื่นตกใจจนเสียสติส่งเสียงร้องไห้ออกมาไม่หยุด แต่ถึงอย่างนั้นนางกลับไร้ซึ่งเบาะแสที่มีประโยชน์ใดๆ
คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น จับตัวหลินจงอวี้บนหลังเย่ลงมา กดเข้าที่จุดฝังเข็มสามจุด หลินจงอวี้จึงค่อยๆ ฟื้นคืนสติ
***********************
1 หมูตายไม่กลัวน้ำร้อนลวก แปลว่าไม่มีความยำเกรงหรือหวาดกลัวอะไรทั้งสิ้น
2 เก้าอี้ไท่ซือคือเก้าอี้ไม้แบบโบราณ มีพนักพิง