ตอนที่ 36 ไข่อสูรใต้น้ำ Ink Stone_Romance
หลิวหลีดำลงไปในทะเลลึกหลายร้อยเมตร พลังเซียนเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ พลังเซียนวารีที่หนาแน่นทำให้หลิวหลีรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก นางเป็นร่างวิญญาณอัคคี ให้มาอยู่ในน้ำเป็นการทรมานนางชัด ๆ
หลิวหลีดำน้ำลึกลงไปก็รับรู้สถานที่ที่มีพลังเซียนวารีที่กระจุกรวมกันหนาแน่นหนา หลิวหลีหยุดนิ่ง นี่เป็นไข่ไม่ผิดแน่
“อาเลี่ย นี่คือไข่อะไรหรือ” หลิวหลีถามขึ้นด้วยความสงสัย พลังเซียนวารีหนาแน่นขนาดนี้น่าจะเป็นอสูรภูตวารี
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน กลิ่นอายอสูรภูตแข็งแกร่งอย่างยิ่ง น่าจะเป็นอสูรเทพระดับล่าง” เอ๋าเลี่ยวิเคราะห์ขึ้นมา
“อสูรเทพระดับล่างหรือ แต่ที่นี่คือโลกมนุษย์นะ” หลิวหลีรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่อสูรเทพจะปรากฏตัวบนโลกมนุษย์
“นี่น่าจะเป็นอสูรเทพอัสนี” เอ๋าเลี่ยพูดขึ้น ถึงแม้จะมีพลังเซียนวารีจะหนาแน่น แต่อันที่จริงมันเป็นอสูรภูตธาตุอัสนีจริง ๆ
“พลังเซียนวารีหนาแน่นขนาดนี้ จะเป็นอสูรภูตธาตุอัสนีได้อย่างไร” หลิวหลีรู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้
“พลังเซียนวารีหนาแน่นขนาดนี้ น่าจะมีลูกแก้วเซียนวารีอยู่ด้วย” เอ๋าเลี่ยวิเคราะห์ขึ้น
“ลูกแก้วเซียนวารีอยู่ในโลกมนุษย์ได้หรือ?” หลิวหลีงุนงงสภาพแวดล้อมที่ลูกแก้วเซียนจะถือกำเนิดได้ต้องมีเงื่อนไขสูงพอตัว
“ตามหลักก็ไม่ได้หรอก แต่ลูกแก้วเซียนนี้ดูเหมือนเกือบถึงขีดจำกัดแล้ว น้ำสร้างอัสนีไม่ใช่หรืออย่างไร?” เอ๋าเลี่ยอธิบาย
“ข้าอยากไปดูหน่อย” หลิวหลีพูดพลางพยักหน้า
ในตอนที่หลิวหลีเพิ่งจะเตรียมตัวลงมือ จู่ๆก็มีเงาสีเขียวพาดผ่าน หลิวหลีจึงต้องหลบ ที่แท้ก็เป็นงูวารีที่กำลังกลายร่างเป็นมังกรวารี สาเหตุมาจากลูกแก้วเซียนวารี ทำให้งูวารีธรรมดาตัวนี้เกิดสติปัญญา งูวารีตัวนี้จึงขับไล่สัตว์ที่อยู่ละแวกนั้นออกไปจนหมด วางแผนจะฉวยโอกาสตอนที่ไข่กับลูกแก้วเซียนวารีอ่อนแอกินพวกมันแล้วกลายร่างเป็นมังกรวารี ใครจะไปรู้ว่าจะมาเจอผู้บำเพ็ญอย่างหลิวหลีเข้า
“งูวารีนี่เองหรือ” หลิวหลีพูดปลงๆ เป็นงูเหมือนอาเลี่ยเลย
เอ๋าเลี่ยกลับรู้สึกปลงกับชะตาที่แสนจะอาภัพของงูผู้โชคร้ายตัวนั้น ที่ต้องมาเจอกับคนชงกับงูอย่างหลิวหลี ในอนาคตคงจะมีซุปงูออกมาหลายเมนูทีเดียว
ตอนนี้พลังบำเพ็ญเพียรของงูวารีไม่ต่างจากหลิวหลีมากนัก หลิวหลีเองก็ไม่ได้หยิบมีดเล่มใหญ่ออกมา เดิมการอยู่ในน้ำก็ทำให้นางเสียเปรียบมากพอแล้ว หวังว่างูวารีตัวนี้จะไม่โหดร้ายขนาดนั้น หากเลือดไหลในน้ำคงจะแย่เพราะจะดึงดูดสัตว์ชนิดอื่นๆมาด้วย
งูวารีเห็นว่าหลิวหลีไม่ขยับจึงพุ่งเข้าหา หลิวหลีเอี้ยวตัวหลบ งูวารีก็พุ่งมาหานางอีก นางหัวเสีย จึงยื่นมือขวาออกมา ตั้งใจจะคว้างูวารีให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ใครจะไปรู้ว่างูวารีตัวนั้นขู่ฟ่อ แล้วตัวก็อ่อนยวบลงไป
สีหน้าเอ๋าเลี่ยไม่ตกใจ หลิวหลีกลับรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมงูวารีตัวนี้จึงได้อ่อนแอถึงเพียงนี้ ไม่ว่าผลเป็นเช่นไรหลิวหลีก็เก็บร่างของงูวารีไว้ต้มซุปงู งูวารีตัวนี้ได้ลูกแก้วเซียนวารีหล่อเลี้ยงมานานถือเป็นของบำรุงชั้นดี เอาไว้กลับไปรอให้เสี่ยวเทียนออกจากฌานแล้วค่อยต้มซุปงูให้เขากิน
หลิวหลีเขยิบเข้าไปใกล้จนพอเห็นรูปร่างของไข่อสูร หลิวหลีเห็นกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ เคลื่อนไหวอยู่รอบๆ ดูแล้วไข่อสูรน่าจะไม่ใช่ธาตุวารี แต่น่าจะเป็นอสูรภูตอัสนี
หลิวหลีไม่รบกวนการเกิดของอสูรภูตตัวนี้ อสูรเหมือนกับผู้บำเพ็ญเพียรขั้นสูงจะมีทายาทได้ไม่ใช่เรื่องง่าย
“อาเลี่ย เจ้าคิดว่าอสูรภูตที่ยังไม่เกิดตัวนี้ ถ้าเห็นข้าแล้วจะคิดว่าข้าเป็นแม่ของมันไหม ได้ยินมาว่าสัตว์จะคิดว่าคนที่มันเห็นตอนลืมตาครั้งแรกเป็นแม่ของมัน” หลิวหลีส่งเสียงไปบอกเอ๋าเลี่ย
นังหนูคนนี้ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน ความใกล้ชิดก็ใช่อยู่ อสูรภูตเผ่าระดับสูงๆที่เกิดออกมาจะรู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองคือใคร หลิวหลีอายุตั้งสิบกว่าปีแล้ว ทำไมความรู้พื้นฐานแย่ขนาดนี้
“ไข่ของอสูรตั้งแต่อสูรภูตขึ้นไป เมื่อถือกำเนิดออกมาก็จะรู้ทันทีว่าพ่อแม่เป็นใคร พวกเขามีความทรงจำที่ถ่ายทอดกันมา” เอ๋าเลี่ยอธิบายความรู้ทั่วไปให้กับหลิวหลี
“อย่างนี้เองหรอ” หลิวหลีทำท่าทีเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นอาเลี่ย พอเจ้าเกิดมาเจ้าก็รู้เลยใช่ไหมว่าพ่อแม่คือใคร” หลิวหลีถามด้วยความอยากรู้
“เรื่องนี้…” เอ๋าเลี่ยย้อนกลับไปคิดถึงสมัยก่อน บิดาเป็นผู้นำเผ่ามังกรในสมัยนั้น เป็นอสูรเทพมังกรทองห้าเล็บระดับสุดยอด ส่วนมารดาเป็นอสูรเทพมังกรดำระดับสูง พวกเขาจึงคิดว่าอย่างน้อยลูกที่เกิดมาต้องเป็นอสูรเทพระดับกลาง จนตอนที่ตัวเองเกิดมา กลับเป็นแค่มังกรแดงระดับล่าง ทำให้ท่านพ่อของเขารู้สึกเสียหน้า ส่วนท่านแม่ก็โมโหที่ตนเองให้กำเนิดสายเลือดระดับล่าง พอตอนโตขึ้นเขาบอกคนทั้งสองว่าตนเองมีมรดกความทรงจำและยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ก็ถูกผู้เป็นพ่อทุบตีอย่างรุนแรง ส่วนท่านแม่ก็มองด้วยใบหน้าเย็นชา แล้วก็ไม่มีสกุลหลงคนไหนยอมผูกพันธสัญญากับเขา เขาทนไม่ได้จึงหนีออกจากเผ่ามังกร สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ พลังบำเพ็ญเพียรเพิ่มขึ้นเร็วกว่าพี่น้องในเผ่าเดียวกัน ท่านพ่อของเขาถึงได้สังเกตว่าเขาอาจจะไม่ใช่มังกรแดง แต่เป็นมังกรโลหิตอสูรเทพกลายพันธ์ระดับสุดยอด ตอนนั้นใจของเขาด้านชา ไม่ว่าท่านพ่อท่านแม่จะทำอะไร ก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นได้ ถึงเขาจะกลับเผ่ามังกร ก็ยังคงรู้สึกอึดอัดกับคนรุ่นหลังในเผ่า เขาเกือบจะลืมเรื่องพวกนี้ไปแล้ว ตอนนี้มาย้อนระลึกถึง ดูแล้วจะลืมไปจากใจคงยากจริงๆ
“อาเลี่ย อสูรน้อยจะคลอดออกมาแล้ว” เสียงดีอกดีใจของหลิวหลีปลุกให้เอ๋าเลี่ยตื่นจากภวังค์
ได้ยินเปลือกไข่กะเทาะดังลอยมา จะออกมาแล้ว หลิวหลีรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย อยากจะเขยิบดูใกล้ๆแต่กลับถูกขวางไว้
“อาเลี่ย นี่มันอะไรกัน” ทำไมต้องมาขวางทางนาง ก็เห็นอยู่ว่าไม่มีอะไร
“มีแนวเขตต้องห้าม คงจะใช้เพื่อป้องกันไข่ใบนี้ ระดับสูงทีเดียว เจ้าทำอะไรไม่ได้ ไปกันเถอะนังหนู” เอ๋าเลี่ยมองดูแล้วพูดขึ้น
“เหรอ แต่จ้ายังไม่อยากไปเลย” หลิวหลีพูดพลางทำปากจู๋ สัญชาตญาณบอกว่า ถ้านางไปตอนนี้อาจจะพลาดของดี
“เจ้าทำอะไรไม่ได้ อยู่ตรงนี้ก็เปล่าประโยชน์ ไม่แน่ว่าอสูรน้อยในไข่เห็นเจ้าแล้วเกิดหิวขึ้นมาอาจกินเจ้าก็ได้นะ” ในประโยคสุดท้าย เอ๋าเลี่ยอดข่มขู่ให้หลิวหลีกลัวไม่ได้ ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้จะมีน้อยมากก็ตาม
“อาเลี่ย ข้าแค่ขอดูหน่อยว่าเป็นอสูรตัวไหน ดูเสร็จเราค่อยไปก็ได้ มันยังเป็นอสูรน้อยอยู่เลยจะกินข้าได้อย่างไร ข้าอยากเห็น” หลิวหลีอดที่จะอ้อนไม่ได้
“ก็ได้ ยอมเจ้าจริงๆ พอเห็นมันออกมาแล้วก็ไปเลยนะ” เอ๋าเลี่ยทนความออดอ้อนของหลิวหลีไม่ไหว
เพียงครู่เดียวเสียงแตกของเปลือกไข่ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานนักก็มีหัวสีม่วงโผล่ออกมา หลิวหลีถูกความน่ารักของมันดึงดูด น่ารักจัง เป็นสีม่วงที่นางชอบนี่นา เหมือนเป็นสิงโตในฉบับน่ารัก เป็นสิงโตสีม่วงหรือ แต่ไม่นานก็มีขาคล้ายกีบม้าโผล่ออกมา นี่มันอะไรกัน หลิวหลีรู้สึกประหลาดใจ สีหน้าของเอ๋าฉงนเล็กน้อย รอจนอสูรน้อยทะลุเปลือกไข่ออกมา ก็เห็นเขาคล้ายกับเขากวางสีม่วง คำเหล่านี้แล่นเข้ามาในใจของหลิวหลี ‘หัวมังกร เขากวาง ตาสิงโต หลังเสือ เอวหมี เกล็ดงู ละมั่ง หางคล้ายวัว กีบเท้าคล้ายม้า’ นางเคยเห็นในไป๋ตู้มาก่อน อสูรน้อยที่อยู่ตรงหน้าคือ กิเลนม่วง!
พระเจ้า…เป็นสัตว์มงคลกิเลน พระเจ้า…หลิวหลีจับหัวใจที่เต้นตึกตักของตัวเอง คุณพระ…นางได้เห็นกิเลนที่มีชีวิตตัวเป็นๆ แล้วเมื่อไหร่นางจะได้เห็นมังกรที่ยิ่งใหญ่สักทีนะ ใช่แล้วในฐานะที่เป็นคนจีน สิ่งที่หลิวหลีชื่นชอบจริง ๆ คือมังกร น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้ นางยังไม่รู้ว่าตัวว่านางได้ผูกพันธสัญญากับมังกร อีกทั้งยังเป็นมังกรที่มีฝีมือในการต่อสู้มากที่สุดในโลกบำเพ็ญเพียรอีกด้วย
“อาเลี่ยกิเลนนี่” หลิวหลีพูดด้วยความดีใจ
“ข้าเห็นแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นกิเลนกลายพันธุ์” เอ๋าเลี่ยพูดขึ้น
“กิเลนกลายพันธุ์หรือ” หลิวหลีเริ่มสงสัย ไม่มีกิเลนสีม่วงหรือนี่
“กิเลนไม่มีสีม่วง แล้วอสูรน้อยตัวนี้ไม่รู้ว่าเป็นกิเลนผสมกับอะไร” เอ๋าเลี่ยวิจารณ์
กิเลนน้อยใช้ขาของมันดันตัวออกมาจากเปลือกไข่ด้วยท่าทีทุลักทุเล รูปร่างเจ้าเนื้อของมันทำให้หลิวหลีใจละลาย น่ารักจัง กิเลนตัวน้อยดมเปลือกไข่ไปมาแล้วก็เริ่มกินมัน หลิวหลีรู้สึกว่ามันน่ารักมาก เอ๋าเลี่ยกลับมีท่าทีเคร่งขรึม เขากำลังคิดว่าใครกันที่เอาอสูรภูตธาตุอัสนีมาทิ้งไว้ในน้ำ อีกทั้งไฟที่เกิดมาพร้อมกับอสูรน้อยตัวนี้คือเพลิงอัสนีคราม
“นังหนู ข้ามีข่าวดีและข่าวร้าย”
…………………………………………………………….