บทที่ 18 หัดระมัดระวังและรอบคอบบ้าง

บัญชามังกรเดือด

บทที่ 18 หัดระมัดระวังและรอบคอบบ้าง

“บุคคลสำคัญอะไร”เถียสงถามอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“ฟีนิกซ์ตะวันออกกลาง——”
ทันทีที่เถียหลินเฟิงพูดชื่อนี้ออกมา เถียสงก็ตะลึงงัน สีหน้าเปลี่ยนในทันที
“นี่แกหมายถึงวิศวกรคนนั้นเหรอ ? เขามาทำอะไรที่หลงเจียง!”
“พ่อ ฟังผมนะ ”
“ไม่เพียงฟีนิกซ์คนนี้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงซีซาร์ยุโรป เจ้าพ่ออเมริกันชิโน เจ้าแห่งมาเฟียซิซิลี……”
ทุกครั้งที่เถียหลินเฟิงเอ่ยพูดชื่อออกมา ความตื่นตกใจในดวงตาของเถียสงก็ยิ่งจะเพิ่มมากขึ้น
คนเหล่านี้ ไม่ว่าใคร ล้วนสามารถที่จะปลุกปั่นสถานการณ์ในพื้นที่รวมไปถึงสถานการณ์โลกได้
ตะลึงอยู่นาน เถียสงก็จึงได้กล่าวด้วยความตื่นตระหนก “แย่แล้ว ใช่การก่อการร้ายหรือเปล่า ?”
“เร็ว รีบแจ้งไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องให้พร้อมเตรียมการรับมือ !”
เถียหลินเฟิงกลืนน้ำลาย แล้วพูดว่า“ไม่ใช่การก่อการร้าย”
“แทบจะในเวลาเดียวกัน ที่พวกเขาได้ส่งหนังสือแสดงเจตจำนงมาให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องของทางเรา เพื่อขออนุมัติเส้นทาง”
“ด้วยเหตุนี้ พวกเขาให้คํามั่นสัญญา จะใช้อำนาจที่มีอยู่ ในพื้นที่นี้ ทำประโยชน์มหาศาลให้แก่ประเทศของเรา”
“และยังรับประกันด้วยว่า จะไม่รบกวนประชาชน ที่มามีเพียงจุดประสงค์เดียว นั่นก็คือ ขอรับการรักษาพยาบาล”
“ขอรับการรักษาพยาบาล?”เถียสงไม่เข้าใจ
เถียหลินเฟิงพูดเสียงเบา“ น่าจะใช่ครับ ”
“นอกจากนี้ เท่าที่ผมรู้มา หญิงสาวจากทั่วทุกมุมโลกที่มีสิทธิ์ติดป้ายทิวลิป ก็กำลังเร่งรีบกันเดินทางมาที่หลงเจียงในฐานะนักท่องเที่ยว นักลงทุนและอื่นๆอีกมากมาย ”
“จุดประสงค์ของพวกเธอ คือขอแต่งงาน”
“ขอแต่งงาน?”เถียสงยิ่งไม่เข้าใจ
เถียหลินเฟิงกลืนน้ำลายอีกครั้ง พูดอย่างตื่นเต้นว่า“ ขอรับการรักษาพยาบาลกับขอแต่งงาน เป็นคนคนเดียวกัน”
“ผมพยายามอย่างที่สุดกับการได้ข่าวนี้มา ว่าราชาเทพผู้เชี่ยวชาญ‘กุ่ยเหมินสิบสาม’ปรากฏตัวขึ้นที่หลงเจียงของเรา !”
“พ่อ ผู้นำของวิหารเทพ เจ้าของบัญชาราชาเทพ ราชาเทพคนนั้น!”
“พ่อว่า นี่มันใช่บุคคลสำคัญที่สะเทือนเลื่อนลั่นหรือเปล่า?”
“อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง หากเราสามารถหาตัวเขาเจอ ขอให้เขาใช้กุ่ยเหมินสิบสามกับพ่อ ก็จะสามารถรักษาโรคที่เป็นอยู่ของพ่อให้หายไปได้ใช่ไหม ?!”
เถียหลินเฟิงตื่นเต้นราวกับเด็กน้อยที่ไม่เคยเห็นโลกกว้างมาก่อน
การฝึกฝนบำเพ็ญตนมากว่าสิบปี วันนี้กับคำว่า“ราชาเทพ” ก็ทำเอาปั่นป่วนไปหมด
เถียสงได้สงบนิ่งลงแล้ว
เขาหันมองไปยังหอสมรภูมิแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า “ ได้ยินว่าราชาเทพคนนี้ มีลูกน้องสิบสองราชา”
“ตาม12 นักษัตร มีชวด ฉลู ขาล เถาะ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะแม วอก ระกา จอ กุน ……”
เถียหลินเฟิงกล่าว“มีเรื่องเล่าแบบนี้จริงๆ แต่จะใช่เรื่องจริงหรือไม่ แล้วสิบสองราชานี้เป็นใครโลกภายนอกไม่มีใครรู้”
“พ่อ เป็นอะไรไปครับ ?”
เถียสงควบคุมความตื่นเต้นของตัวเอง กัดฟันแล้วพูดว่า“ ปิดข่าวก่อน แล้วรอฉัน!”
พูดจบ เขาถึงกับซวนเซแล้วตรงไปยังหอสมรภูมิในทันที
ภายในห้อง ฉินเทียนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“ฉันบอกไปแล้ว จัดการเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วย ”
“ถ้านายกล้าส่งกำลังพลมาที่หลงเจียงโดยพลการ ระวังให้ดีกลับไปฉันเล่นงานนายแน่!”เขาพูดกึ่งทีเล่นทีจริง
ในสาย มีเสียงที่แกล้งทำทีเป็นเสียใจดังขึ้นมา“ลูกพี่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผมฟังคำพี่ยังไม่พอใจอีกหรือไง !”
“เฮ้อ ครั้งนี้คงต้องยกผลพวงให้หวางโป๋เหนียนตาเฒ่านั้นแล้ว ”
“และยังราชามังกรราชาหมาพวกเขาอีก เท่าที่ผมรู้ ลับหลังพี่ พวกเขาได้ส่งคนไปแฝงตัวอยู่ที่หลงเจียงแล้ว”
“รวมถึงกระต่ายตัวนั้น จู่ๆก็ได้เปลี่ยนเส้นทางกำหนดการเดินทางรอบโลก ตั้งใจจะจัดทัวร์คอนเสิร์ตที่สำคัญที่สุดขึ้นที่หลงเจียง”
“เชอะ!ต่อหน้าอย่างลับหลังอีกอย่าง!พูดตรงๆ ก็อยากจะประจบพี่นั่นแหละ!”
“ไม่คุยแล้ว ผมจะออกไปหาอะไรดื่มแก้เซ็ง เพื่อแสดงการต่อต้าน!”
ฉินเทียนหัวเราะและพูดว่า“เจ้าเด็กแสบอย่าห่วงแต่ดื่มเหล้า ครั้งที่แล้วที่ฉันช่วยนายขับไล่สิบหกราชาผีได้ แต่ฉันมีความรู้สึกว่า พวกมันจะต้องหวนกลับมาในเร็วๆนี้แน่”
“นอกจากนี้ ก็ยิ่งจะจัดการยากมากขึ้นไปอีก”
“เสี่ยวโผหู่ นายหัดระมัดระวังและรอบคอบบ้าง อย่าให้ฉันต้องมาคอยเก็บกวาดให้อยู่ตลอด”
หลังจากที่วางสาย ฉินเทียนมองไปยังเถียสงด้วยรอยยิ้ม
เถียสงอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ในหัวของเขา มีเสียงดังอื้ออึงไปหมด
และที่ยังคงก้องกังวานอยู่ก็มีเพียงคำพูดที่ว่า วิหารเทพ……ราชาเทพฉิน……กุ่ยเหมินสิบสาม……บัญชาราชาเทพ……เสี่ยวโผหู่……
ฉินเทียนกล่าว“แม่ทัพเถียสง ขอพูดอีกครั้ง เวลาผมมีจำกัด หมัดเจ็ดพิการฉบับใหม่ที่สามารถจะรักษาอาการบาดเจ็บและช่วยชีวิตได้ คุณจะเรียนไหม?”
เสียงพรึบดังขึ้น
เถียสงคุกเข่าลง
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ฉินเทียนก็ออกมาจากหอสมรภูมิ
“นี่คนแซ่ฉิน คุณปู่ฉันล่ะ ?”ไม่เห็นปู่ออกมาด้วย เถียหนิงซวงก็ตรงดิ่งเข้าไป ขวางทางฉินเทียนเอาไว้
สองมือเธอกำหมัดแน่น ถลึงตามองด้วยความโกรธ
ฉินเทียนยิ้มเยาะ“ฉันไม่ใช่คนประเภทที่ไม่ทำร้ายเด็กผู้หญิง ดังนั้นอย่ามายั่วโมโหฉัน”
“คุณว่าใครเด็กผู้หญิง?”เถียหนิงซวงโกรธจัด ยืดอกขึ้นโดยไม่รู้ตัว ราวกับจะพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ใช่เด็กผู้หญิง
“บังอาจ!”
เสียงตวาดดังขึ้น เถียสงปรากฏตัวที่ตรงประตู เขาพูดอย่างขึงขังว่า “ คุกเข่าลง ขอโทษคุณฉินเดี๋ยวนี้!”
“คุณปู่——”เถียหนิงซวงคาดไม่ถึง อยากจะโต้เถียง
“ฉันบอกให้คุกเข่าลง!”เถียสงคำรามเสียงดัง
เถียหนิงซวงตะลึงงัน คุณปู่ไม่เคยตำหนิเธอแบบนี้มาก่อน
ดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อคลอ แต่ก็ไม่กล้าขัดขืน คุกเข่าลงตรงหน้าฉินเทียนอย่างอับอาย พูดเสียงเบา“ขอโทษ ……”
เถียสงเดินมาตรงหน้าฉินเทียน โค้งคำนับและพูดว่า“ หลานสาวคนนี้ของฉันเป็นคนดีใช้ได้เลย เพียงแต่ถูกตามใจจนเสียนิสัยไปหน่อย”
“หากคุณไม่รังเกียจ ให้คอยติดตาม เป็นสาวรับใช้ดีไหมครับ ?”
อะไรนะ ?
เถียหนิงซวงตกใจจนดวงตาคู่คมเบิกกว้าง
เธอเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของหลงเจียง แต่กลับจะถูกส่งตัวให้ไปเป็นสาวรับใช้ของไอ้เจ้าคนนี้เนี่ยนะ ?
เธอทั้งเศร้าเสียใจ และทั้งโกรธ
คิดในใจว่าต่อไปตัวเองคงต้องตกอยู่ในอุ้งมือมารเสียแล้ว
จิตใต้สํานึกของเธอรู้สึกว่า ในโลกนี้ ไม่มีใครที่จะปฏิเสธ“เด็กผู้หญิง”อย่างเธอได้
ใครจะคิด——
ฉินเทียนเหลือบมองเธออย่างเฉยชาแวบหนึ่ง ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มีเวลาจะดูแลหรอก ”
ลอยละลิ่วหายไป
ใบหน้าของเถียสงปรากฏความผิดหวัง แต่เมื่อได้สติ ก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า“ขอน้อมส่งครับ!”
เอวของเขา ก้มต่ำอย่างที่สุด จนร่างของฉินเทียนหายลับไปจากประตู ก็ถึงได้กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น
“คุณปู่ เขาเป็นใครกัน?”
“ทำไมคุณปู่ต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ?”เถียหนิงซวงน้ำตาเอ่อคลอ เธอไม่เคยต้องรู้สึกคับอกคับใจแบบนี้มาก่อน
สีหน้าเถียสงดูซับซ้อน เมื่อคิดถึงสถานะของฉินเทียน เขาจะกล้าพูดจาเหลวไหลได้ยังไงกัน
เขาทำได้เพียงส่ายหัวและถอนหายใจ“เจ้าเด็กโง่ ตระกูลเถียของเราคงไม่มีวาสนาแบบนั้น!”
“เฮ้อ ในวันข้างหน้าเราจะรู้เอง ว่าวันนี้เราพลาดโอกาสอะไรไป !”
ฉินเทียนไม่ชอบโอ้อวด ดังนั้น เถียสงก็จึงไม่กล้าให้คนตามไปส่ง
ออกจากประตูไปเพียงลำพัง ไม่นาน เขาก็พบว่า ตัวเองถูกสะกดรอยตาม
ไม่ใช่คนตระกูลเถีย
หรือจะเป็น คนตระกูลซู ?
เขายิ้มเยาะในใจ
บัญชาพญายมของฉันออกไปแล้ว พวกเขายังจะเล่นแง่อะไรอีก ?
ทุกคนบนโลกต่างรู้แค่ว่าบัญชาพญายมกับบัญชาราชาเทพนั้นเป็นความดีและความชั่วสองขั้ว แต่น้อยคนนักที่จะรู้ ว่ามันมีเจ้าของคนเดียวกัน นั้นก็คือฉินเทียน