ตอนที่ 23 ให้พวกเจ้าหมดหนทาง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

การประชุมเริ่มขึ้น เมื่อครู่โดนมู่เฉียนซีตำหนิ พวกเขาก็ไม่กล้าพูดถึงเรื่องที่มู่เฉียนซีมาสาย

นางคือผู้นำตระกูล ผู้เป็นนายหญิงที่แท้จริงของตระกูลมู่

ต่อให้พวกเขาต้องรอครึ่งวันหรือรอครึ่งปีก็ไม่มีใครสามารถตำหนินางได้

ผู้เฒ่าใหญ่ส่งสายตาให้ผู้เฒ่าสี่ ผู้เฒ่าสี่จึงเอ่ยขึ้น “ท่านผู้นำตระกูล เมื่อไม่กี่วันมานี้ท่านได้ขับไล่หมอหวังออกไปจากตระกูลมู่ ช่างเป็นเรื่องไม่สมควรยิ่ง  เขาเป็นหมอปรุงยาเพียงคนเดียวของตระกูลมู่ หากไล่เขาไป… ตระกูลมู่เห็นทีต้องขาดแคลนหมอปรุงยา นี่เป็นการทำลายอัจฉริยะหนุ่มสาวของตระกูลมู่เรา ทำให้การฝึกฝนของพวกเขาหยุดชะงัก”

“ความแข็งแกร่งทางทหารของพวกเราสู้ไม่ได้กับตระกูลอื่น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเราคงถูกตระกูลอื่นกดดัน หลังจากนั้น…”

หัวข้อสนทนาที่ยาวนานของผู้เฒ่าสี่เพียงเพื่อต้องการสื่อว่าความผิดของการที่ผู้นำตระกูล มู่เฉียนซีขับไล่หวังอวิ๋นเซิ่งออกจากตระกูลมู่ ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างหนักแลผลที่ตามมานั้นจักร้ายแรงเพียงใด

มู่เฉียนซีเอ่ย “โอ้! ตระกูลมู่ของข้ากำลังจะจบสิ้นหลังจากที่ขับไล่หมอปรุงยาไร้ประสิทธิภาพออกไปคนหนึ่งอย่างนั้นรึ ? ตระกูลมู่ของข้าหยั่งรากในแคว้นจื่อเยี่ยมาเนิ่นนาน เพียงขาดหมอปรุงยาไร้ประโยชน์หนึ่งคน ถึงขนาดทำให้พวกเจ้าขาดการพัฒนาได้เลยหรือไร ?!”

“แล้วที่ผ่านมาพวกเจ้ากำลังทำสิ่งใดกันอยู่ เดนไร้ประโยชน์เช่นพวกเจ้าสมควรรับโทษด้วยความตายเสียตอนนี้เลย ดีหรือไม่ ?!”

เหล่าท่านผู้เฒ่าทั้งหลายชะงักงันไม่สามารถคาดเดาความคิดของท่านผู้นำตระกูลได้ ไม่สามารถหาคำใดมาหักล้างคำตำหนิของนาง

ผู้เฒ่าใหญ่โต้เถียงคอเป็นเอ็น “ท่านผู้นำตระกูล ท่านไม่สมควรพูดเช่นนั้น พวกเราจำต้องเชิญหมอหวังกลับมา แม้การสูญเสียหมอปรุงยาไปจะไม่ทำให้ตระกูลถึงกับล้ม แต่หมอหวังก็มีบทบาทสำคัญกับเรา แม้บัดนี้หมอหวังถูกท่านผู้นำขับไล่ ฉะนั้นแล้วท่านผู้นำตระกูลโปรดจัดเตรียมสิ่งของเพื่อเชิญหมอหวังกลับมา”

“พ่นวาจากันมาเสียยืดยาว เพียงเพราะพวกเจ้าต้องการให้ข้าเชิญคนไร้ความสามารถผู้นั้นกลับมาสินะ  ท่านผู้เฒ่าทั้งหลาย ข้าว่าพวกท่านคงป่วยจิตจนเกินจะเยียวยาแล้ว!”

สิ้นเสียง ประกายเย็นเยียบปรากฏในแววตาดำขลับของผู้นำตระกูลมู่

ผู้เฒ่ารองไม่ยินยอม “หากว่าท่านผู้นำตระกูลกลัวเสียหน้า อีกทั้งไม่สามารถแก้ปัญหาการสูญเสียครั้งใหญ่ของตระกูลเช่นนี้ได้ พวกเราก็คงต้องขอล่วงเกินต่อท่านผู้นำ ก่อนที่ตระกูลมู่จะสามารถหาหมอปรุงยาคนใหม่ได้ เรื่องราวทั้งหมดของตระกูล พวกเราพี่น้องจะคอยดูแลจัดการ  จะคอยช่วยกันผลักดันตระกูลมู่ให้ถึงที่สุด”

“ถูกต้อง! พวกเราเองก็ยังต้องพึ่งพาตระกูลมู่ในการหาเลี้ยงครอบครัวอยู่  หากตระกูลมู่ต้องพังพินาศเพราะความไร้เดียงสาของท่าน ครอบครัวของพวกเราจะพลอยลำบากไปด้วย เช่นนั้นเราต้องขอให้ท่านผู้นำตระกูลยอมรับ” ผู้เฒ่าสามกล่าวสำทับ

ยึดอำนาจ นี่คือการยึดอำนาจโดยแท้  มันช่างเป็นคำพูดสวยหรูดูดีทว่ากลับเต็มไปด้วยความเสแสร้ง

มู่เฉียนซีมองดูพวกเขาเล่นละครราวกับมองตัวตลก  นางเอ่ยขึ้น “ข้าบอกว่าข้าเป็นคนไล่หมอหวังออกจากตระกูลไปเมื่อไหร่ ? เขาเป็นคนยอมรับเองว่าไร้ความสามารถ ไม่เหมาะสมเป็นหมอปรุงยาของตระกูลมู่จึงจากไปเอง”

“เป็นไปไม่ได้!”

“ใช่! ทักษะการปรุงยาของหมอปรุงยาหวังเลื่องลือในแคว้นจื่อเยี่ย”

“ท่านผู้นำตระกูล ข้ารู้ว่าท่านไม่ต้องการมอบอำนาจ แต่ท่านก็ไม่ควรโป้ปดมดเท็จ”

“อะไร ? พวกเจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้ว มุมปากยกเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เข้ามา! นำตัวหมอหวังเข้ามา”

— ตุบ! —

ร่างหนึ่งถูกโยนเข้ามาในห้องโถง ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยน่าสยดสยอง

ทันทีที่เหล่าผู้เฒ่าทั้งหลายเห็นคนผู้นั้น พวกเขาก็จำได้ นั่นคือหมอปรุงยาหวังที่เคยเป็นหมอปรุงยาให้กับตระกูลมู่ของพวกเขามาก่อน

“ฮือ ๆ ๆ… ท่านผู้นำตระกูล ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดมอบยาถอนพิษให้ข้าเถิด ข้าเจ็บปวดมิอาจทนได้อีก…” หมอหวังร้องอ้อนวอนทั้งน้ำตา

“นี่คือแหวนมิติ (แหวนที่สามารถนำสิ่งของใส่ไว้ข้างในได้) ข้างในเป็นทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้า ข้าไม่สามารถหาได้มากกว่านี้แล้ว ผู้นำตระกูลมู่ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ให้เวลาข้าอีกหน่อยเถิดนะท่านนะ…”

ภายในแหวนมิติ บรรจุเต็มไปด้วยเหรียญทองและเครื่องประดับมากมาย แม้กระทั่งเหล่าชายชรายังอิจฉาประกายตาลุกวาวกับความมั่งคั่งนี้

หมอปรุงยาช่างมั่งคั่งร่ำรวยผิดหูผิดตา คนผู้นี้เข้ามาอยู่ที่ตระกูลมู่แค่สามปีก็มีเงินมากกว่าพวกเขาที่อยู่มากว่าสิบปี มันช่างทำให้ผู้คนอิจฉาเสียจริง ๆ

“ฮือ ๆ ๆ ได้โปรดเถิดท่านผู้นำตระกูล ให้ยาถอนพิษกับข้าเถิด”

มู่เฉียนซีเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “อยากได้ยาถอนพิษรึ ? ได้สิ เจ้าแค่บอกพวกผู้เฒ่าทั้งหลายว่าเจ้าเป็นนักปรุงยาไร้ประสิทธิภาพ”

“ใช่แล้ว! ข้าคือนักปรุงยาไร้ความสามารถ ข้าผู้นี้มันปรุงยายอดแย่ที่สุดในสำนักตานจี้ ถึงได้ออกมาเข้าตระกูลมู่ไง”

“เจ้ายินยอมที่จะออกไปจากตระกูลมู่เองใช่หรือไม่ ?”

“ข้าไร้ความสามารถถึงเพียงนี้  ใช่…  ข้าไม่เหมาะที่จะเป็นนักปรุงยาของตระกูลมู่อันสูงส่ง  ข้าไม่มีหน้าอยู่ต่อไปหรอก”

มู่เฉียนซีโบกมือ “ท่านผู้เฒ่า ท่านมีสิ่งใดจะกล่าวต่อหรือไม่ การจากไปของหมอหวังผู้นี้ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับข้าผู้เป็นผู้นำตระกูล”

ผู้เฒ่ารองร้อนใจ “ท่านผู้นำตระกูล ท่านใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้อง บังคับหมอหวังให้พูดออกมา ท่านทำให้พวกข้าผิดหวังยิ่งนัก”

มู่เฉียนซีสายตาเย็นวาบ “ข้าเป็นผู้นำตระกูล ทำสิ่งใดดูที่ผลลัพธ์ ขั้นตอนไม่สำคัญ  เขาพูดออกมาเองแล้ว ถ้าพวกเจ้ายังจะยุ่งเรื่องนี้อีก ข้ารับรองว่าพวกเจ้าจะมีสภาพที่แย่กว่าเขา”

การคุกคามที่เปิดเผยอย่างไร้ยางอายทำให้ผู้เฒ่าทั้งหลายแอบก่นด่าในใจ พวกเขาพากันหันมองผู้เฒ่าใหญ่

อุบายของมู่เฉียนซีในครั้งนี้ แม้แต่ท่านผู้เฒ่าใหญ่ก็หมดหนทางทำสิ่งใดต่อ เพียงแต่ส่ายศีรษะไปมาอย่างช่วยไม่ได้

“ท่านผู้นำตระกูลได้โปรด… มอบยาถอนพิษให้ข้าด้วยเถิด” หมอหวังวิงวอน เหงื่อเย็นผุดพรายทั่วหน้าผาก

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พิษนี้รักษาได้ เพียงแค่เจ้าแช่น้ำเกลือเพียงสักหนึ่งวันก็จะดีขึ้น”

ดวงตาของหมอหวังพลันเบิกกว้าง  ง่ายดายเพียงแค่นี้เองหรือ ?  เขาลุกขึ้นท่าทางลนลาน เอ่ยวาจาทิ้งท้ายก่อนจะจากไป “ขอบคุณท่านผู้นำตระกูลมู่ ขอบคุณ…”

สุดท้ายหมอหวังก็ได้อันตรธานหายไปจากห้องโถง ทุกคนต่างคิดว่านี่เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา

ผู้นำตระกูลของพวกเขา ทำอย่างไรกับหมอหวังเขาถึงหวาดกลัวได้เพียงนี้ ?

หมอหวังเห็นมู่เฉียนซีราวเห็นปีศาจ มู่เฉียนซีให้เขาทำอะไรก็ไม่กล้าขัดขืน

ผู้นำตระกูลของพวกเขา ไม่เรียบง่ายเหมือนเช่นอดีต

มู่เฉียนซีหาวอย่างเกียจคร้าน “ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายมีสิ่งใดที่ต้องการจะกล่าวกับข้าอีกหรือไม่ ?  หากไม่มีสิ่งใดแล้วข้าจะกลับไปงีบกลางวันสักหน่อย”

กลับไป นางจะจากไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้เยี่ยงไร… เด็กน้อยผู้นี้นับวันยิ่งอาจหาญขึ้นเรื่อย ๆ  ขืนปล่อยไว้ต่อไปคงยากที่จะรับมือ

ผู้เฒ่าใหญ่สบตาผู้เฒ่ารอง ผู้เฒ่ารองกล่าวว่า… “ท่านผู้นำตระกูล ข้ายังมีเรื่องสำคัญอยู่”

เขาหยิบสมุดบัญชีขึ้นมา “เงินของตระกูลมู่เหลือน้อยลงไปมาก และมีรายจ่ายมหาศาล  เติมเท่าใดก็ไม่เพียงพอ เป็นเพราะผู้นำตระกูลใช้จ่ายเงินของตระกูลมู่ไปเป็นจำนวนมากในช่วงสามปีที่ผ่านมา”

“จริงรึ ? นำมาให้ข้าดูซิ” เพียงมอง มู่เฉียนซีถึงกับตะลึง

มู่เฉียนซีรับสืบทอดตระกูลตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน และนางก็ใช้จ่ายเงินในคลังไปเป็นจำนวนมากจริง ๆ  โชคดีที่ท่านพ่อมีฝีมือในการหาเงินและมีเงินเก็บมากมาย ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ได้เกิดใหม่เป็นผู้นำตระกูลแต่เป็นขอทานแทน

จ่ายค่าอาหารและเครื่องประดับแพงแสนแพง…!

กินไก่ป่าตัวนับหมื่น ช่างน่าทึ่งเกินจินตนาการ…!

แม้กระทั่งซื้อปิ่นปักผมธรรมดา จ่ายไปถึงแสน…!

ในโลกเก่าของนาง นางเคยพบคนรวยใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แต่เมื่อเทียบกับเจ้าของร่างคนก่อนแล้ว เพียงเท่านั้นยังนับว่าเล็กน้อย

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มีเรื่องที่ใหญ่กว่าคือ…

.