บทที่ 16 ทำลาย(2)

แดนนิรมิตเทพ

บทที่ 16 ทำลาย(2)
หลี่ลี่เหวินสีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า พูดเสียงขรึมว่า “พ่อ เยว่เอ๋อร์โดนลูกสำส่อนของน้องสี่ทำลายตันเถียน!”
เมื่อพูดออกมา พวกคนอายุน้อยที่ไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของตระกูลหลี่ ไม่รู้สึกว่ามีอะไร แต่ผู้อาวุโสของพวกเขา รวมไปถึงสายเลือดโดยตรง ต่างพากันมีสีหน้าตกตะลึง
ตันเถียนโดนทำลาย ชีวิตนี้ของหลี่เยว่ ยากที่จะเข้าสู่บู๊ได้อีก
ขนาดหลี่ตงหยางก็ไม่สามารถสงบเสงี่ยมต่อไปได้อีก พูดอย่างโมโหว่า “ไอ้เด็กเดียรัจฉาน ทำไมถึงกล้าลงมือโหดร้ายเช่นนี้!”
“ลี่อู่ รีบพาคนไปเอาตัวน้องสี่ของแก กับลูกสำส่อนคนนั้นมา!”
“ครับพ่อ!” หลี่ลี่อู่สีหน้าไร้ความรู้สึก หันหลังออกไป
“ไม่จำเป็น ฉันมาแล้ว!” เสียงขี้เกียจดังขึ้นมา เฉินโม่ในชุดนักเรียนสีฟ้าขาว เดินเข้ามาในลานบ้านช้าๆ ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนมองไปยังวัยรุ่นในชุดนักเรียนคนนั้น
หลี่ลี่เอี๋ยน น้าของเฉินโม่ แอบตกใจเล็กน้อย “ไอ้เด็กนี่ คิดไม่ถึงว่าจะกล้ามาคนเดียว!”
พวกที่ไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของตระกูลหลี่ ต่างมีสีหน้าเยาะเย้ย แววตาที่มองเฉินโม่ เหมือนกำลังมองคนที่กำลังจะตาย!
“ไม่รู้ที่เป็นที่ตาย!” ผู้อาวุโสที่ไม่ใช่สายเลือดโดยตรงคนหนึ่ง พูดด้วยเสียงเย็นชา
หลี่ลี่อู่เพิ่งเดินได้สองก้าว มองเฉินโม่เดินเข้ามาช้าๆ อึ้งไปเล็กน้อย แม้ว่าเขาไม่ชอบเฉินโม่ แต่ตอนนี้อดชื่นชมในใจไม่ได้ “กล้ามาก!”
หวางเสี่ยวอวิ๋น ป้าสะใภ้ใหญ่ของเฉินโม่ ลุกขึ้นมาทันที ชี้หน้าเฉินโม่แล้วก่นด่าว่า “เด็กสำส่อน ไม่ว่ายังไง เยว่เอ๋อร์ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องแท้ๆ ของนาย นายลงมืออย่างโหดร้ายกับเขาได้ยังไง!”
ลุงใหญ่หลี่ลี่เหวินตอนนี้ก็มองเฉินโม่อย่างโมโห สีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อเห็นภาพนี้ ลุงฝูที่ยืนหลังสุด ท่ามกลางกลุ่มคน สีหน้ากลัดกลุ้ม ถอยออกไปอย่างเงียบๆ
สำหรับสายตาของคนพวกนี้ เฉินโม่เห็นแต่ไม่สนใจ ทำเพียงแค่มองหลี่ตงหยางอย่างราบเรียบ สีหน้าเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม
หลี่ตงหยางหันมาช้าๆ มองเฉินโม่อย่างเย็นชา เสียงไม่รีบไม่ร้อน ไม่โกรธแต่ดูมีอำนาจ “คุกเข่า!”
ผู้นำที่ควบคุมตระกูลหลี่มาหลายสิบปี โมโหขึ้นมา ทุกคนตกใจมาก จนอดก้มหน้าลงไม่ได้
ถึงหลี่ตงหยางไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเซียน แต่เมื่ออำนาจสูงส่งระเบิดออกมา ทำให้อุณหภูมิทั่วทั้งลานบ้าน ลดลงทันที
แต่เฉินโม่กลับไม่สะทกสะท้าน ยังคงมองหลี่ตงหยาง เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ไม่ยินดียินร้าย
“คุกเข่า!” หลี่ตงหยางอดขึ้นเสียงสูงไม่ได้
ทุกคนตกใจอีกครั้ง ต่างพากันมองเฉินโม่อย่างโมโห แอบพูดในใจว่า “ไม่รู้ที่เป็นที่ตายจริงๆ!”
จู่ๆ เฉินโม่เอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋า มองหลี่ตงหยาง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ถ้าฉันคุกเข่า อย่าว่าแต่นายเลย ใครก็รับไม่ไหว!”
อัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่แดนดั่งเทพระยะที่สามของสำนักเสวียนเต๋า จะคุกเข่าให้คนธรรมดาได้ยังไง
เว้นเสียแต่เฉินโม่จะยอมอย่างสมัครใจ ไม่งั้น ไม่ว่าใครบนโลกนี้ เขาก็ไม่มีทางคุกเข่าให้!
“อวดดี!”
“ไม่รู้ความ!”
“ไม่รู้ที่เป็นที่ตาย!”
ทันใดนั้น คนในตระกูลหลี่ทนไม่ไหว พากันดุด่า ต่อหน้าหลี่ตงหยาง
หลี่ลี่เอี๋ยน น้าของเฉินโม่ ซึ่งค่อนข้างดีกับแม่ของเฉินโม่ แอบร้อนใจ เธอไม่อยากให้เฉินโม่ทะเลาะกับตระกูลหลี่จนแตกหัก พูดตำหนิออกมาว่า “เฉินโม่ พูดแบบนี้ได้ยังไง ยังไม่คุกเข่ายอมรับผิด ต่อหน้าคุณตาอีก!”
เฉินโม่ไม่รู้ความคิดที่แท้จริงในใจน้า เข้าใจว่าเธอเป็นพวกเดียวกับคนตระกูลหลี่ พูดอย่างเย็นชาว่า “คนอย่างเฉินโม่ทำอะไร ไม่เคยทำเรื่องที่รู้สึกผิด มีความผิดอะไรล่ะ!”
มีความผิดอะไรล่ะ! มีความผิดอะไรล่ะ!
ประโยคนี้เหมือนเสียงระฆังเตือน ดังกึกก้องในหัวทุกคน ทำให้ทุกคนแอบตกใจ!
หลี่ลี่เหวินทนไม่ไหวอีกแล้ว พูดตำหนิอย่างโมโหว่า “เดรัจฉาน นายเป็นคนตระกูลหลี่ แต่กลับลงมือกับลูกพี่ลูกน้องในสายเลือดอย่างโหดร้าย ยังไม่ยอมรับผิดอีกเหรอ น้องสี่ สอนลูกชายได้ดีเหลือเกินนะ!”
เฉินโม่หัวเราะอย่างไม่สบอารมณ์ “คนตระกูลหลี่งั้นเหรอ ตอนนี้พวกนายยอมให้ฉันเป็นคนตระกูลหลี่แล้วเหรอ ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่สน!”
“บังอาจ!” ครั้งนี้น้าของเฉินโม่ ก็อดตำหนิออกมาไม่ได้
หวางเสี่ยวอวิ๋นหันไปคำนับหลี่ตงหยาง พูดอย่างน่ากลัวว่า “พ่อ พ่อก็เห็นแล้ว ไอ้เดรัจฉานนี่ ไม่เห็นเคารพผู้อาวุโส ไม่ยอมรับผิด อีกทั้งยังดูหมิ่นตระกูลหลี่ต่อหน้าทุกคน พ่อได้โปรดช่วยเยว่เอ๋อร์ด้วย!”
หลี่ตงหยางมองเฉินโม่อย่างเย็นชา สีหน้าเคร่งขรึม พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “อันเชิญกฎตระกูล!”
บทที่ 15 ทำลาย(1)

บทที่ 17 ความจริง(1)