หลินเมิ้งหยาที่เข้ามาเป็นแขกในรังเถาฮวาอู๋นอนหลับอุตุโดยไม่รู้เลยว่าเวลาเพียงค่ำคืนเดียว เจียงเฉิงผู้นั้นจะเริ่มขุดความชั่วร้ายของนางออกมา
เกรงว่าคนที่สามารถนอนหลับฝันหวานได้ทั้งที่อยู่ในรังของศัตรูเช่นนี้จะมีเพียงนางผู้เดียวเท่านั้น
“เจ้าเด็กน้อย ตื่นได้แล้ว” อยู่ๆ เสียงอ่อนหวานนุ่มนวลก็ดังขึ้นข้างหู หลินเมิ้งหยาลืมตาพรึ่บแทบจะทันที ทว่าสิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาขนาดใหญ่ตรงหน้าของตนเอง
“เจ้า…ทำไมดูเหมือนจะโตขึ้นเลยล่ะ?” หลินเมิ้งหยาชี้ไปที่หน้าของชิงหู ตอนแรกที่เจอกัน เขาดูเหมือนเด็กอายุสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น
เพียงคืนเดียว ใบหน้าอ่อนหวานกลับมลายหายไปราวกับเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
เอ๋? หรือนางจะมองผิดไป?
“จริงหรือ? ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ยาที่เจ้าเขียนเมื่อวาน ข้านำมาใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนแรกข้ารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง ราวกับโดนมดกัดอย่างไรอย่างนั้น เหยียทรมานแทบตาย”
เขาหัวเราะคิกคักแล้วทรุดตัวลงนั่งบนหัวเตียงของหลินเมิ้งหยา ชิงหูลูบไล้ใบหน้าของตนเอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาดีใจมากขนาดไหน
“เจ้า…ดื่มมันลงไป?” หลินเมิ้งหยามองคนตรงหน้าด้วยท่าทางสงสัย อยู่ๆ นางกลับรู้สึกขบขันในใจ
เจ้าคนนี้รีบร้อนเสียจริง
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว แต่ว่านะเจ้าเด็กน้อย หากต้องเจ็บปวดเช่นนั้นทุกครั้ง ข้าคงตายเพราะความทรมานเสียก่อน ไม่มีวิธีอื่นในการถอนพิษแล้วหรือ?”
เขายกมือออกมาจากใบหน้าของตนเอง ก่อนจะหันมาหาหลินเมิ้งหยาแล้วแสดงสีหน้าน่าสงสาร ดูเหมือนความเจ็บปวดในตอนนั้นจะทำให้ชิงหูจำจนฝังใจ
“คือว่า…เมื่อวานข้าลืมบอกเจ้าไป อันที่จริงยาพวกนั้น…ประสิทธิภาพรุนแรงมาก เจ้าควรจะนำมันมาอาบ…”
ชิงหูที่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
สุดท้าย ทำได้เพียงพยักหน้าลงอย่างไม่เต็มใจนัก เอามาอาบก็ดีเหมือนกัน แต่เจ้าเด็กนี่…แน่ใจนะว่านางมิได้จงใจกลั่นแกล้งเขา?
“เจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดี หากนำมันไปอาบ เมื่อครบรอบสามเดือน เจ้าจะต้องหยุดอาบครึ่งเดือน หลังจากนั้นอีกหนึ่งปีให้หลัง เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องหอมพวกนั้นแล้ว”
ได้ยินระยะเวลานานถึงหนึ่งปี ทว่าชิงหูกลับมิได้แสดงท่าทีไม่พึงพอใจ
รอมาได้ตั้งนานหลายปี รออีกเพียงเท่านี้จะเป็นไรไป?
“หลังจากนั้นอีกหนึ่งปี ข้าจะเปลี่ยนยาให้เจ้าเพื่อถอนพิษภายในร่างกาย จำเอาไว้ เจ้าห้ามใช้ยาพิษเหล่านี้อีกเด็ดขาด”
สิ่งที่หลินเมิ้งหยากังวลที่สุดคือชิงหูจะนำยาเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง
เหมือนกับยาเสพติด หากกลับไปเสพอีกครั้ง คราวนี้จะเลิกยากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า
“วางใจเถอะ เหยียเกลียดเจ้าสิ่งนั้นมาก จะกลับไปใช้อีกได้อย่างไร”
ร่องรอยแห่งความเย็นชาปรากฏขึ้นในแววตาของชิงหู
ตลอดหลายปีมานี้ ชีวิตของเขาจมอยู่กับคำโกหกหลอกลวง
ตอนนี้เขามีโอกาสแล้ว แล้วแบบนี้เขาจะกลับไปติดกับคนคนนั้นอีกทำไมกัน
“ดี ถ้าเช่นนั้นเจ้าส่งข้ากลับไปเถอะ ไม่ได้กลับมาคืนหนึ่งแล้ว พวกเขาคงเป็นห่วงข้าเจียนตาย”
อันที่จริงหลินเมิ้งหยาสามารถเขียนรายชื่อยาทั้งหมดออกมาแล้วมอบให้ชิงหูไปตามหายาที่ต้องใช้เองได้
แต่การมีพันธสัญญากับมือลอบสังหารเช่นนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการถือไพ่ตายเอาไว้ในมือ
ขอเพียงนางกำสิ่งที่ชิงหูต้องการเอาไว้ นางจะมีสิทธิ์ในการตัดสินใจ
“ใช่ ใช่ ใช่ เหยียจะรีบเรียกคนไปส่งเจ้า เจ้ารอประเดี๋ยวหนึ่ง!”
ชิงหูรีบออกไปเตรียมการ อย่าคิดว่าเขาจะคล้อยตามหลินเมิ้งหยาไปเสียทุกอย่าง เพราะเรื่องสำคัญบางเรื่อง แม้นางจะถามแต่เขาก็ไม่มีทางปริปาก
อย่างเช่นเรื่องความลับของเถาฮวาอู๋ อีกทั้งใครคือที่ต้องการเอาชีวิตของนาง
“เจ้าเด็กน้อย แม้เหยียจะสัญญาแล้วว่าจะปกป้องดูแลเจ้าเป็นเวลาสามปี แต่ภายในสามเดือนนี้เหยียมีเรื่องให้ต้องทำ เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวให้มาก เหยียยังรอให้เจ้ากลับมาถอนพิษให้อยู่นะ!”
หลินเมิ้งหยาถูกปิดตาอีกครั้ง ได้ยินเสียงของชิงหูที่ถูกส่งออกมา
ชิงหูเคยบอกว่าชีวิตของนางถูกจ้างวานฆ่าโดยลูกค้าปริศนาในราคามหาศาล
นางพยักหน้าลง ขอเพียงชิงหูไม่ต้องการชีวิตของนาง เชื่อว่าคงมิมีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามอีกแล้ว
หลินเมิ้งหยาถูกแบกขึ้นบ่าอีกครั้ง รู้สึกราวกับโลกทั้งใบกำลังหมุนติ้ว
ความชื้นของน้ำค่อยๆ หายไป นางรู้สึกได้ว่าตอนนี้ตนเองออกมาจากรังเถาฮวาอู๋ไกลมากแล้ว
รู้สึกได้ว่าตนเองถูกวางลงบนรถม้า จากนั้นเดินทางไปยังถนนเล็กๆ ที่ไม่รู้จัก
หลินเมิ้งหยาแอบเปิดตาของตัวเองออก แต่นางกลับได้เห็นประตูเมืองหลวงไกลๆ แล้ว
เมื่อคืนประตูเมืองถูกปิดสนิท แล้วพวกเขาออกจากเมืองได้อย่างไร?
“เหล่าลิ่ว เจ้าไปดูสิว่าผู้หญิงคนนั้นหลับไปหรือยัง? เหตุใดจึงไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย”
อยู่ๆ เสียงก็ดังขึ้นจากด้านนอกรถม้า หลินเมิ้งหยาตกใจจนตัวโยน
รีบขดตัวลง ท่าทางมิต่างอะไรจากคนกำลังนอนหลับสนิท
“ใช่แล้ว แม่นางผู้นี้ใจกล้ายิ่งนัก มิเช่นนั้นนายน้อยจะปล่อยนางออกมาหรือ? ค่าหัวของนางมีค่ามากถึงหนึ่งหมื่นสองร้อยตำลึงเชียวนะ! หรือพวกเราสองพี่น้องฆ่านาง แล้วเข้าไปรับรางวัลดี?”
หลินเมิ้งหยาตื่นตะลึง เหตุใดเจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ถึงเลือกพวกบ้าวัตถุสองคนนี้มาส่งนางกันนะ?
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น แต่เกรงว่าหากนายน้อยรู้เรื่องเข้า จุดจบของพวกเราสองพี่น้องคงมิวายต้องตายสถานเดียว”
คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร หลินเมิ้งหยาแอบกรีดร้องในใจ
ผลปรากฏว่า เมื่อสองพี่น้องปรึกษากันแล้ว รถม้าก็แล่นออกไปอีกครั้ง
แล่นไปยังทิศทางห่างไกลผู้คน จากนั้นปลิดชีวิตของนางทิ้ง!
“คิกๆ แม่หญิงคนนี้งดงามดั่งภูตพราย หรือพวกเราสองพี่น้องจะเล่นสนุกกันก่อนดี?”
“ฮึๆ อีกเดี๋ยวพอถึงแล้ว เชิญเจ้าก่อนเลย”
ภายในรถม้า แรงอาฆาตปรากฏขึ้นในใจของหลินเมิ้งหยา
ฆ่าคนชิงทรัพย์ก็ชั่วร้ายพอตัวอยู่แล้ว นี่ยังคิดจะข่มขืนนางอีกหรือ!
ไปตายซะ!
ราวกับรถแล่นไปในทางลับ หลินเมิ้งหยายังคงแกล้งหลับต่อไปเพื่อรอโอกาสที่เหมาะสม
“เหตุใดพวกเจ้าทั้งสองจึงพาแขกมายังที่นี่?”
ขณะที่หัวใจกำลังกระตุกระรัว ด้านนอกรถกลับปรากฏเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานของชิงหู
“นาย…นายน้อย!” ทั้งสองทั้งหวาดกลัวทั้งตื่นตะลึงเมื่อได้เห็นร่างของเด็กหนุ่มตรงหน้า ทว่าน้ำเสียงที่ส่งออกมาแสดงให้เห็นถึงความหวาดผวาอย่างชัดเจน
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าทั้งสองเป็นคนคิดไม่ซื่อ ฮึ ดีเหมือนกัน ข้าจะได้ใช้โอกาสนี้จบชีวิตของพวกเจ้าเสีย”
เสียงฟาดฟันดังขึ้น ก่อนที่ด้านนอกจะเข้าสู่ความสงบ
“เจ้าเด็กน้อย รีบออกมาเถอะ”
น้ำเสียงของชิงหูเจือไว้ซึ่งความขี้เล่น ราวกับว่าเขากำลังเย้าแหย่หลินเมิ้งหยาที่ยังคงอยู่ภายในรถ
นางโผล่หน้าออกมา นอกจากชิงหูที่สวมใส่ชุดสีขาวแล้ว ก็มิเห็นร่างของใครอื่นอีก
“พวกเขาล่ะ?”
นางชี้ไปทางตำแหน่งคนคุมบังเหียน แต่กลับเห็นเพียงชิงหูที่กำลังยกขวดเล็กๆ ขึ้นมา
“นี่คือผงทำลายศพ ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าสองคนนั้นมีจิตใจชั่วร้าย ดูสิ แค่ทดสอบนิดหน่อยก็รู้แล้ว”
ชิงหูกลับดูภาคภูมิใจกับผลงานของตนเอง ผิดกับหลินเมิ้งหยาที่เกือบจะเข้าไปตะบันใบหน้ารูปไข่ของเขาแล้ว
จิตใจชั่วร้ายอะไรกัน ชิงหูจะต้องเอาคืนนางที่ไม่ยอมบอกว่ายาพวกนั้นมีไว้สำหรับอาบอย่างแน่นอน!
“เอาล่ะเจ้าเด็กน้อย เหยียต้องไปแล้ว”
ชิงหูเผยรอยยิ้มซุกซนเล็กน้อย สะบัดกางเกงก่อนจะหายตัวไปในป่า
หลินเมิ้งหยามองเจ้าเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยความหงุดหงิด จริงๆ เลย สุดท้ายนางก็ถูกเอาคืนจนได้!
ผู้ชาย…ที่แท้ก็ไว้ใจไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!
“คุณหนูกลับมาแล้ว! นายน้อยอวี้ นายน้อยอวี้ คุณหนูกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
ป๋ายจื่อที่นอนไม่หลับทั้งคืนดวงตาปูดโปนแดงก่ำเหมือนกระต่ายน้อย สายตาพลันเห็นหลินเมิ้งหยาที่ถูกทหารยามคุ้มกันมาส่งยังพระตำหนัก
ท่านอ๋องห้ามมิให้โหวกเหวกโวยวายเรื่องที่หลินเมิ้งหยาหายตัวไป ดังนั้นคนที่รู้เรื่องจึงมีเพียงไม่กี่คน
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูจะกลับมาอย่างปลอดภัย ขณะเดียวกัน ป๋ายจื่อที่ดีใจจนเนื้อเต้นรีบเขย่าตัวของหลินจงอวี้ ก่อนจะออกวิ่งไปด้านนอกเพื่อรับคุณหนูกลับมา
“ฮือๆ คุณหนูไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยารู้สึกรังเกียจเล็กน้อย ใบหน้าของป๋ายจื่อเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำมูกและน้ำตา แต่สุดท้ายนางกลับทำเพียงกอดสาวใช้เอาไว้แน่น
ไม่มีทางเลือก คงต้องล้มเลิกเรื่องที่จะประหยัดในการซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ทิ้งไปเสียแล้ว
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ข้ากลับมาแล้ว เจ้าก็เห็นมิใช่หรือว่าข้าไม่เป็นอะไร วางใจเถิด ข้าสบายดี”
ขอบตาของหลินจงอวี้เองก็แดงก่ำ เมื่อเทียบกันแล้ว เขาและป๋ายจื่อเปรียบเสมือนลูกไก่ตัวน้อยๆ ส่วนหลินเมิ้งหยาคือคนที่พวกเขาต้องการพึ่งพิง
“เจ้าก็มานี่สิ ถึงอย่างไรพี่สาวก็ไม่คิดจะใส่เสื้อผ้าชุดนี้ต่อแล้ว”
นางยื่นมือออกไปเรียกหลินจงอวี้ รอยยิ้มแหยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“พี่สาว ยินดีต้อนรับกลับมา”
หลินจงอวี้ซุกหน้าลงบนบ่าของหลินเมิ้งหยา รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบของเขากลับมาสงบสุขอีกครั้ง
โชคดีเหลือเกินที่พี่สาวกลับมาแล้ว
หลินขุยมองภาพตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก พระชายาที่อยู่ตรงหน้ากำลังแสดงความรักต่อน้องชายและบ่าวรับใช้
เมื่อเสียงร้องไห้ของป๋ายจื่อสงบลงแล้ว ในที่สุดเขาก็สบโอกาส
“พระชายา ท่านอ๋องเชิญทางด้านนั้นพ่ะย่ะค่ะ ท่าน…”
มองดูเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ของพระชายา เขาสกัดคำว่ารีบไปสองคำนี้เอาไว้แล้วกลืนลงท้อง
“ได้ ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจะรีบไป”
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างหมดเรี่ยวแรง สวรรค์โปรด ขนาดนางถูกจับตัวไปหนึ่งคืนเสื้อผ้ายังไม่ยับเท่านี้มาก่อนเลย
แต่พอกลับมาถึงก็ถูกน้ำมูกน้ำตาของป๋ายจื่อทำให้สกปรกเลอะเทอะถึงเพียงนี้แล้ว อยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก
เมื่ออาบน้ำหวีผมเสร็จแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงถูกหลินขุยพามาส่งที่ห้องอ่านหนังสือของหลงเทียนอวี้
หลังจากเข้าไปในคุกลับหนึ่งครั้งแล้ว หลินเมิ้งหยากลายเป็นหนึ่งในลูกสมุนของหลงเทียนอวี้ ดังนั้นเรื่องบางเรื่องจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังนาง
โดยเฉพาะใบหน้าของคนแปลกหน้าหลายคนที่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“ถวายคำนับพระชายา”
คนเหล่านั้นคุกเข่าถวายคำนับแก่นาง ทั้งที่ตำแหน่งพระชายาเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น
หลินเมิ้งหยาเหลือบมองหลงเทียนอวี้ แต่นางพบว่าเขามิได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมา
เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว ดูเหมือนสถานะพระชายาเองก็เกรงจะเป็นหนึ่งในหน้าที่ของนางเช่นกัน
“ไม่ต้องมากพิธี ล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
ตอบกลับด้วยความใจกว้าง ผลปรากฏว่าใบหน้าของคนเหล่านั้นล้วนเผยให้เห็นความชื่นชม
หยักยิ้มเล็กน้อย จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้
“ตกลงสถานการณ์เมื่อคืนเป็นเช่นไรกันแน่?”
หลงเทียนอวี้เอ่ยถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ตนเองวิเคราะห์ออกมา
“เมื่อคืนหลังจากที่หม่อมฉันถูกทำให้สลบไปแล้วก็ถูกส่งตัวไปยังรังเถาฮวาอู๋ อีกทั้งหม่อมฉันเดาว่ารังของเถาฮวาอู๋ยังซ่อนอยู่ในท่าเรือที่ใดที่หนึ่งในเมืองหลวงเพคะ!”