เล่มที่ 2 บทที่ 45 เพียงตื่นตระหนกแต่มิเป็นอันตราย

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

หลินเมิ้งหยาที่เข้ามาเป็นแขกในรังเถาฮวาอู๋นอนหลับอุตุโดยไม่รู้เลยว่าเวลาเพียงค่ำคืนเดียว เจียงเฉิงผู้นั้นจะเริ่มขุดความชั่วร้ายของนางออกมา

    เกรงว่าคนที่สามารถนอนหลับฝันหวานได้ทั้งที่อยู่ในรังของศัตรูเช่นนี้จะมีเพียงนางผู้เดียวเท่านั้น

    “เจ้าเด็กน้อย ตื่นได้แล้ว” อยู่ๆ เสียงอ่อนหวานนุ่มนวลก็ดังขึ้นข้างหู หลินเมิ้งหยาลืมตาพรึ่บแทบจะทันที ทว่าสิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาขนาดใหญ่ตรงหน้าของตนเอง

    “เจ้า…ทำไมดูเหมือนจะโตขึ้นเลยล่ะ?” หลินเมิ้งหยาชี้ไปที่หน้าของชิงหู ตอนแรกที่เจอกัน เขาดูเหมือนเด็กอายุสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น

    เพียงคืนเดียว ใบหน้าอ่อนหวานกลับมลายหายไปราวกับเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น

    เอ๋? หรือนางจะมองผิดไป?

    “จริงหรือ? ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ยาที่เจ้าเขียนเมื่อวาน ข้านำมาใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนแรกข้ารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่าง ราวกับโดนมดกัดอย่างไรอย่างนั้น เหยียทรมานแทบตาย”

    เขาหัวเราะคิกคักแล้วทรุดตัวลงนั่งบนหัวเตียงของหลินเมิ้งหยา ชิงหูลูบไล้ใบหน้าของตนเอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาดีใจมากขนาดไหน

    “เจ้า…ดื่มมันลงไป?” หลินเมิ้งหยามองคนตรงหน้าด้วยท่าทางสงสัย อยู่ๆ นางกลับรู้สึกขบขันในใจ

    เจ้าคนนี้รีบร้อนเสียจริง

    “ใช่แล้ว ใช่แล้ว แต่ว่านะเจ้าเด็กน้อย หากต้องเจ็บปวดเช่นนั้นทุกครั้ง ข้าคงตายเพราะความทรมานเสียก่อน ไม่มีวิธีอื่นในการถอนพิษแล้วหรือ?”

    เขายกมือออกมาจากใบหน้าของตนเอง ก่อนจะหันมาหาหลินเมิ้งหยาแล้วแสดงสีหน้าน่าสงสาร ดูเหมือนความเจ็บปวดในตอนนั้นจะทำให้ชิงหูจำจนฝังใจ

    “คือว่า…เมื่อวานข้าลืมบอกเจ้าไป อันที่จริงยาพวกนั้น…ประสิทธิภาพรุนแรงมาก เจ้าควรจะนำมันมาอาบ…”

    ชิงหูที่ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที

    สุดท้าย ทำได้เพียงพยักหน้าลงอย่างไม่เต็มใจนัก เอามาอาบก็ดีเหมือนกัน แต่เจ้าเด็กนี่…แน่ใจนะว่านางมิได้จงใจกลั่นแกล้งเขา?

    “เจ้าต้องจำเอาไว้ให้ดี หากนำมันไปอาบ เมื่อครบรอบสามเดือน เจ้าจะต้องหยุดอาบครึ่งเดือน หลังจากนั้นอีกหนึ่งปีให้หลัง เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องหอมพวกนั้นแล้ว”

    ได้ยินระยะเวลานานถึงหนึ่งปี ทว่าชิงหูกลับมิได้แสดงท่าทีไม่พึงพอใจ

    รอมาได้ตั้งนานหลายปี รออีกเพียงเท่านี้จะเป็นไรไป?

    “หลังจากนั้นอีกหนึ่งปี ข้าจะเปลี่ยนยาให้เจ้าเพื่อถอนพิษภายในร่างกาย จำเอาไว้ เจ้าห้ามใช้ยาพิษเหล่านี้อีกเด็ดขาด”

    สิ่งที่หลินเมิ้งหยากังวลที่สุดคือชิงหูจะนำยาเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์อีกครั้ง

    เหมือนกับยาเสพติด หากกลับไปเสพอีกครั้ง คราวนี้จะเลิกยากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า

    “วางใจเถอะ เหยียเกลียดเจ้าสิ่งนั้นมาก จะกลับไปใช้อีกได้อย่างไร”

    ร่องรอยแห่งความเย็นชาปรากฏขึ้นในแววตาของชิงหู

    ตลอดหลายปีมานี้ ชีวิตของเขาจมอยู่กับคำโกหกหลอกลวง

    ตอนนี้เขามีโอกาสแล้ว แล้วแบบนี้เขาจะกลับไปติดกับคนคนนั้นอีกทำไมกัน

    “ดี ถ้าเช่นนั้นเจ้าส่งข้ากลับไปเถอะ ไม่ได้กลับมาคืนหนึ่งแล้ว พวกเขาคงเป็นห่วงข้าเจียนตาย”

    อันที่จริงหลินเมิ้งหยาสามารถเขียนรายชื่อยาทั้งหมดออกมาแล้วมอบให้ชิงหูไปตามหายาที่ต้องใช้เองได้

    แต่การมีพันธสัญญากับมือลอบสังหารเช่นนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการถือไพ่ตายเอาไว้ในมือ

    ขอเพียงนางกำสิ่งที่ชิงหูต้องการเอาไว้ นางจะมีสิทธิ์ในการตัดสินใจ

    “ใช่ ใช่ ใช่ เหยียจะรีบเรียกคนไปส่งเจ้า เจ้ารอประเดี๋ยวหนึ่ง!”

    ชิงหูรีบออกไปเตรียมการ อย่าคิดว่าเขาจะคล้อยตามหลินเมิ้งหยาไปเสียทุกอย่าง เพราะเรื่องสำคัญบางเรื่อง แม้นางจะถามแต่เขาก็ไม่มีทางปริปาก

    อย่างเช่นเรื่องความลับของเถาฮวาอู๋ อีกทั้งใครคือที่ต้องการเอาชีวิตของนาง

    “เจ้าเด็กน้อย แม้เหยียจะสัญญาแล้วว่าจะปกป้องดูแลเจ้าเป็นเวลาสามปี แต่ภายในสามเดือนนี้เหยียมีเรื่องให้ต้องทำ เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวให้มาก เหยียยังรอให้เจ้ากลับมาถอนพิษให้อยู่นะ!”

    หลินเมิ้งหยาถูกปิดตาอีกครั้ง ได้ยินเสียงของชิงหูที่ถูกส่งออกมา

    ชิงหูเคยบอกว่าชีวิตของนางถูกจ้างวานฆ่าโดยลูกค้าปริศนาในราคามหาศาล

    นางพยักหน้าลง ขอเพียงชิงหูไม่ต้องการชีวิตของนาง เชื่อว่าคงมิมีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามอีกแล้ว

    หลินเมิ้งหยาถูกแบกขึ้นบ่าอีกครั้ง รู้สึกราวกับโลกทั้งใบกำลังหมุนติ้ว

    ความชื้นของน้ำค่อยๆ หายไป นางรู้สึกได้ว่าตอนนี้ตนเองออกมาจากรังเถาฮวาอู๋ไกลมากแล้ว

    รู้สึกได้ว่าตนเองถูกวางลงบนรถม้า จากนั้นเดินทางไปยังถนนเล็กๆ ที่ไม่รู้จัก

    หลินเมิ้งหยาแอบเปิดตาของตัวเองออก แต่นางกลับได้เห็นประตูเมืองหลวงไกลๆ แล้ว

    เมื่อคืนประตูเมืองถูกปิดสนิท แล้วพวกเขาออกจากเมืองได้อย่างไร?

    “เหล่าลิ่ว เจ้าไปดูสิว่าผู้หญิงคนนั้นหลับไปหรือยัง? เหตุใดจึงไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย”

    อยู่ๆ เสียงก็ดังขึ้นจากด้านนอกรถม้า หลินเมิ้งหยาตกใจจนตัวโยน

    รีบขดตัวลง ท่าทางมิต่างอะไรจากคนกำลังนอนหลับสนิท

    “ใช่แล้ว แม่นางผู้นี้ใจกล้ายิ่งนัก มิเช่นนั้นนายน้อยจะปล่อยนางออกมาหรือ? ค่าหัวของนางมีค่ามากถึงหนึ่งหมื่นสองร้อยตำลึงเชียวนะ! หรือพวกเราสองพี่น้องฆ่านาง แล้วเข้าไปรับรางวัลดี?”

    หลินเมิ้งหยาตื่นตะลึง เหตุใดเจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ถึงเลือกพวกบ้าวัตถุสองคนนี้มาส่งนางกันนะ?

    “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น แต่เกรงว่าหากนายน้อยรู้เรื่องเข้า จุดจบของพวกเราสองพี่น้องคงมิวายต้องตายสถานเดียว”

    คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร หลินเมิ้งหยาแอบกรีดร้องในใจ

    ผลปรากฏว่า เมื่อสองพี่น้องปรึกษากันแล้ว รถม้าก็แล่นออกไปอีกครั้ง

    แล่นไปยังทิศทางห่างไกลผู้คน จากนั้นปลิดชีวิตของนางทิ้ง!

    “คิกๆ แม่หญิงคนนี้งดงามดั่งภูตพราย หรือพวกเราสองพี่น้องจะเล่นสนุกกันก่อนดี?”

    “ฮึๆ อีกเดี๋ยวพอถึงแล้ว เชิญเจ้าก่อนเลย”

    ภายในรถม้า แรงอาฆาตปรากฏขึ้นในใจของหลินเมิ้งหยา

    ฆ่าคนชิงทรัพย์ก็ชั่วร้ายพอตัวอยู่แล้ว นี่ยังคิดจะข่มขืนนางอีกหรือ!

    ไปตายซะ!

    ราวกับรถแล่นไปในทางลับ หลินเมิ้งหยายังคงแกล้งหลับต่อไปเพื่อรอโอกาสที่เหมาะสม

    “เหตุใดพวกเจ้าทั้งสองจึงพาแขกมายังที่นี่?”

    ขณะที่หัวใจกำลังกระตุกระรัว ด้านนอกรถกลับปรากฏเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานของชิงหู

    “นาย…นายน้อย!” ทั้งสองทั้งหวาดกลัวทั้งตื่นตะลึงเมื่อได้เห็นร่างของเด็กหนุ่มตรงหน้า ทว่าน้ำเสียงที่ส่งออกมาแสดงให้เห็นถึงความหวาดผวาอย่างชัดเจน

    “ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้าทั้งสองเป็นคนคิดไม่ซื่อ ฮึ ดีเหมือนกัน ข้าจะได้ใช้โอกาสนี้จบชีวิตของพวกเจ้าเสีย”

    เสียงฟาดฟันดังขึ้น ก่อนที่ด้านนอกจะเข้าสู่ความสงบ

    “เจ้าเด็กน้อย รีบออกมาเถอะ”

    น้ำเสียงของชิงหูเจือไว้ซึ่งความขี้เล่น ราวกับว่าเขากำลังเย้าแหย่หลินเมิ้งหยาที่ยังคงอยู่ภายในรถ

    นางโผล่หน้าออกมา นอกจากชิงหูที่สวมใส่ชุดสีขาวแล้ว ก็มิเห็นร่างของใครอื่นอีก

    “พวกเขาล่ะ?”

    นางชี้ไปทางตำแหน่งคนคุมบังเหียน แต่กลับเห็นเพียงชิงหูที่กำลังยกขวดเล็กๆ ขึ้นมา

    “นี่คือผงทำลายศพ ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าสองคนนั้นมีจิตใจชั่วร้าย ดูสิ แค่ทดสอบนิดหน่อยก็รู้แล้ว”

    ชิงหูกลับดูภาคภูมิใจกับผลงานของตนเอง ผิดกับหลินเมิ้งหยาที่เกือบจะเข้าไปตะบันใบหน้ารูปไข่ของเขาแล้ว

    จิตใจชั่วร้ายอะไรกัน ชิงหูจะต้องเอาคืนนางที่ไม่ยอมบอกว่ายาพวกนั้นมีไว้สำหรับอาบอย่างแน่นอน!

    “เอาล่ะเจ้าเด็กน้อย เหยียต้องไปแล้ว”

    ชิงหูเผยรอยยิ้มซุกซนเล็กน้อย สะบัดกางเกงก่อนจะหายตัวไปในป่า

    หลินเมิ้งหยามองเจ้าเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยความหงุดหงิด จริงๆ เลย สุดท้ายนางก็ถูกเอาคืนจนได้!

    ผู้ชาย…ที่แท้ก็ไว้ใจไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!

    “คุณหนูกลับมาแล้ว! นายน้อยอวี้ นายน้อยอวี้ คุณหนูกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

    ป๋ายจื่อที่นอนไม่หลับทั้งคืนดวงตาปูดโปนแดงก่ำเหมือนกระต่ายน้อย สายตาพลันเห็นหลินเมิ้งหยาที่ถูกทหารยามคุ้มกันมาส่งยังพระตำหนัก

    ท่านอ๋องห้ามมิให้โหวกเหวกโวยวายเรื่องที่หลินเมิ้งหยาหายตัวไป ดังนั้นคนที่รู้เรื่องจึงมีเพียงไม่กี่คน

    แต่คาดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูจะกลับมาอย่างปลอดภัย ขณะเดียวกัน ป๋ายจื่อที่ดีใจจนเนื้อเต้นรีบเขย่าตัวของหลินจงอวี้ ก่อนจะออกวิ่งไปด้านนอกเพื่อรับคุณหนูกลับมา

    “ฮือๆ คุณหนูไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

    หลินเมิ้งหยารู้สึกรังเกียจเล็กน้อย ใบหน้าของป๋ายจื่อเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำมูกและน้ำตา แต่สุดท้ายนางกลับทำเพียงกอดสาวใช้เอาไว้แน่น

    ไม่มีทางเลือก คงต้องล้มเลิกเรื่องที่จะประหยัดในการซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ทิ้งไปเสียแล้ว

    “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ข้ากลับมาแล้ว เจ้าก็เห็นมิใช่หรือว่าข้าไม่เป็นอะไร วางใจเถิด ข้าสบายดี”

    ขอบตาของหลินจงอวี้เองก็แดงก่ำ เมื่อเทียบกันแล้ว เขาและป๋ายจื่อเปรียบเสมือนลูกไก่ตัวน้อยๆ ส่วนหลินเมิ้งหยาคือคนที่พวกเขาต้องการพึ่งพิง

    “เจ้าก็มานี่สิ ถึงอย่างไรพี่สาวก็ไม่คิดจะใส่เสื้อผ้าชุดนี้ต่อแล้ว”

    นางยื่นมือออกไปเรียกหลินจงอวี้ รอยยิ้มแหยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

    “พี่สาว ยินดีต้อนรับกลับมา”

    หลินจงอวี้ซุกหน้าลงบนบ่าของหลินเมิ้งหยา รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบของเขากลับมาสงบสุขอีกครั้ง

    โชคดีเหลือเกินที่พี่สาวกลับมาแล้ว

    หลินขุยมองภาพตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก พระชายาที่อยู่ตรงหน้ากำลังแสดงความรักต่อน้องชายและบ่าวรับใช้

    เมื่อเสียงร้องไห้ของป๋ายจื่อสงบลงแล้ว ในที่สุดเขาก็สบโอกาส

    “พระชายา ท่านอ๋องเชิญทางด้านนั้นพ่ะย่ะค่ะ ท่าน…”

    มองดูเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ของพระชายา เขาสกัดคำว่ารีบไปสองคำนี้เอาไว้แล้วกลืนลงท้อง

    “ได้ ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจะรีบไป”

    หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างหมดเรี่ยวแรง สวรรค์โปรด ขนาดนางถูกจับตัวไปหนึ่งคืนเสื้อผ้ายังไม่ยับเท่านี้มาก่อนเลย

    แต่พอกลับมาถึงก็ถูกน้ำมูกน้ำตาของป๋ายจื่อทำให้สกปรกเลอะเทอะถึงเพียงนี้แล้ว อยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก

    เมื่ออาบน้ำหวีผมเสร็จแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงถูกหลินขุยพามาส่งที่ห้องอ่านหนังสือของหลงเทียนอวี้

    หลังจากเข้าไปในคุกลับหนึ่งครั้งแล้ว หลินเมิ้งหยากลายเป็นหนึ่งในลูกสมุนของหลงเทียนอวี้ ดังนั้นเรื่องบางเรื่องจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังนาง

    โดยเฉพาะใบหน้าของคนแปลกหน้าหลายคนที่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อน

    “ถวายคำนับพระชายา”

    คนเหล่านั้นคุกเข่าถวายคำนับแก่นาง ทั้งที่ตำแหน่งพระชายาเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น

    หลินเมิ้งหยาเหลือบมองหลงเทียนอวี้ แต่นางพบว่าเขามิได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ ออกมา

    เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว ดูเหมือนสถานะพระชายาเองก็เกรงจะเป็นหนึ่งในหน้าที่ของนางเช่นกัน

    “ไม่ต้องมากพิธี ล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

    ตอบกลับด้วยความใจกว้าง ผลปรากฏว่าใบหน้าของคนเหล่านั้นล้วนเผยให้เห็นความชื่นชม

    หยักยิ้มเล็กน้อย จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้

    “ตกลงสถานการณ์เมื่อคืนเป็นเช่นไรกันแน่?”

    หลงเทียนอวี้เอ่ยถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่ตนเองวิเคราะห์ออกมา

    “เมื่อคืนหลังจากที่หม่อมฉันถูกทำให้สลบไปแล้วก็ถูกส่งตัวไปยังรังเถาฮวาอู๋ อีกทั้งหม่อมฉันเดาว่ารังของเถาฮวาอู๋ยังซ่อนอยู่ในท่าเรือที่ใดที่หนึ่งในเมืองหลวงเพคะ!”