ตอนที่ 97 ซื้อเข็ม / ตอนที่ 98 วัดที่ดิน

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 97 ซื้อเข็ม

ไป๋จื่อบอกให้เจ้าของร้านห่อเสื้อผ้า พลางยิ้มกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าไร ท่านชอบก็พอแล้ว”

แม้จ้าวหลานจะรู้สึกเสียดายเงิน ทว่าถึงอย่างไรก็เป็นความกตัญญูของบุตรสาว สุดท้ายนางก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงมองเจ้าของร้านห่อเสื้อผ้าหลายชุดอย่างดีด้วยความเบิกบาน ก่อนจะส่งให้จื่อจื่อเอ๋อร์ “แม่นาง เสื้อผ้าสี่ชุด ทั้งหมดสองตำลึงกับสามเหวิน”

ไป๋จื่อไม่ได้ต่อรองราคา นับสองตำลึงและสามเหวินส่งให้เจ้าของร้านไป

เดิมทีเจ้าของร้านคิดว่าเด็กสาวที่แต่งกายมอซอ แม้กระทั่งพูดได้ว่าขาดวิ่น จะตกใจจนสะดุ้งเพราะราคา ทว่าคิดไม่ถึงเลย เด็กสาวกลับจ่ายเงินให้เขาอย่างใจกว้าง ทั้งยังไม่ต่อราคาแม้สักนิด บนใบหน้าของเขาจึงปรากฏรอยยิ้มในทันที แตกต่างกับรอยยิ้มจอมปลอมก่อนหน้านี้นัก

“แม่นาง ร้านของข้านำเข้าผ้าคลุมหน้าอย่างดีมาใหม่จำนวนหนึ่ง เหมาะใช้สำหรับใส่กับกระโปรงในฤดูร้อนที่สุด อยากจะดูหน่อยหรือไม่”

เด็กสาวโบกมือ “พวกข้าอาศัยอยู่กลางเขา ลงดินทำงานทั้งวัน ซื้อกระโปรงพร้อมผ้าคลุมหน้าพรรค์นั้นก็ไม่ได้ใส่ ทั้งยังไม่สะดวก ขอบคุณท่านเจ้าของร้านมากเจ้าค่ะ ทว่าต่อไปหากพวกข้าไม่ทำไร่ทำนาแล้ว ค่อยมาซื้อชุดกระโปรงผ้าคลุมหน้านี้กับท่านแล้วกัน”

ไป๋จื่อพูดจาอย่างเปิดเผย ครั้นกล่าวว่าตนเองเป็นเด็กสาวกลางป่าเขา ยิ่งไม่มีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเลยสักนิด ราวกับว่าในสายตาของนาง การทำไร่ทำนาไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าคนร่ำรวยในเมืองที่แต่งกายงดงามเหล่านั้นเลย

เจ้าของร้านอดมองนางอยู่หลายครั้งไม่ได้ ด้วยแม่นางน้อยรูปร่างผอมบาง อย่างมากอายุเพียงสิบสองสิบสาม ใบหน้าเล็กของนางมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น ทว่าเครื่องหน้าทั้งห้ากลับงดงามยิ่ง แม้ว่าบนใบหน้าจะยังคงมีรอยฟกช้ำ กระนั้นผิวบริเวณคอของนางขาวบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ท่าทางจะเป็นสาวงามนางหนึ่ง

เขายิ้มพลางส่งพวกนางออกจากประตู รอยยิ้มบนใบหน้าจริงใจขึ้นเรื่อยๆ แม่นางน้อยผู้นี้น่าสนใจเสียจริง

หลังออกจากร้านผ้า ลุงหูก็กล่าวกับไป๋จื่อ “หากไม่มีสิ่งของใดต้องซื้อแล้ว พวกเราก็กลับกันเถอะ”

ไป๋จื่อเพิ่งคิดจะพยักหน้า ทว่าหูเฟิงกลับพูดขึ้นมา “ไปร้านยาก่อน”

“ไปร้านยาทำอะไร เจ้าไม่สบายหรือ” ลุงหูถาม

หูเฟิงชำเลืองมองไป๋จื่อ แล้วกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าบอกว่าต้องการเข็มเงินไม่ใช่หรือ ในเมื่อตอนนี้มีเงินแล้ว ควรจะจัดการไม่ใช่หรืออย่างไร”

เด็กสาวตีศีรษะตนเองครั้งหนึ่ง “จริงด้วย ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ไปๆ ไปร้านยา”

หูเฟิงมุ่นคิ้วเล็กน้อย พลางกล่าวในใจ ‘เด็กสาวผู้นี้ลืมจริงๆ หรือแกล้งลืมกันแน่ เรื่องสำคัญเช่นนี้ นางลืมลงได้อย่างไร สนใจเพียงซื้อผักซื้อเสื้อ แท้จริงแล้วนางใส่ใจเรื่องอาการป่วยของข้าหรือไม่’

ลุงหูไม่เข้าใจ “ซื้อเข็มเงินไปทำอะไร”

ไป๋จื่อหัวเราะแห้งๆ สองเสียง “คืออย่างนี้เจ้าค่ะ ปีที่แล้วตอนที่ข้าไปส่งข้าวให้ไป๋เสี่ยวเฟิงที่โรงเรียน ระหว่างทางเก็บตำราฝังเข็มได้เล่มหนึ่ง ข้าซ่อนมันเอาไว้ รอช่วงกลางวันพวกผู้ใหญ่ออกไปทำงานกันหมดแล้ว ข้าก็จะหยิบออกมาอ่านสักหน่อย อ่านมาได้หนึ่งปีแล้ว ร่ำเรียนจนเป็นวิชาอยู่บ้าง ครั้งก่อนอาศัยเข็มของท่านหมอลู่ลองดู คิดไม่ถึงว่าได้ผลสำเร็จเจ้าค่ะ”

ลุงหูฟังแล้วก็ยิ้มไม่หุบ “เด็กคนนี้ใช้ได้เลยนะ ยังเป็นวิชาฝังเข็มเสียด้วย ได้ยินว่าเรียนวิชาฝังเข็มไปแล้ว บางคนเรียนอยู่สิบปีก็เป็นวิชาแค่ผิวเผินเท่านั้น เจ้ากลับอ่านตำราแล้วเรียนด้วยเองจนสำเร็จ ช่างเป็นอัจฉริยะเสียจริง!”

“ชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ คงเรียกไม่ได้ว่าเป็นอัจฉริยะ เพียงสนใจทางด้านนี้ยิ่งนัก อ่านมากๆ เข้า เรียนมากๆ เข้า ก็เข้าใจไปโดยปริยาย ทว่าเป็นวิชาแค่เพียงผิวเผินเท่านั้นเจ้าค่ะ”

เป็นวิชาแค่เพียงผิวเผินเท่านั้นหรือ จ้าวหลานกลับไม่คิดเช่นนั้น วันนั้นนางเจ็บแขนสาหัสยิ่ง เป็นจื่อเอ๋อร์ที่ฝังเข็มให้นางสองเข็ม นางถึงผ่อนคลายลงได้ แม้แต่หมอลู่ยังกล่าวชม จะเป็นเพียงความรู้ผิวเผินได้อย่างไรกัน

นางก็ประหลาดใจนัก เด็กคนนี้เริ่มเรียนตั้งแต่เมื่อใดกัน เหตุใดนางไม่รู้เรื่องเลยสักนิด

เพียงเก็บตำราเล่มหนึ่งมาเรียนเองจริงหรือ

……….

ตอนที่ 98 วัดที่ดิน

ไป๋จื่อเพิ่งมาร้านยาเป็นครั้งแรก ทว่าหูเฟิงและลุงหูกลับเคยมาแล้วหลายครั้ง

เมืองชิงหยวนไม่ใหญ่ มีร้านยาทั้งหมดไม่กี่แห่ง โรงหมอยิ่งน้อยยิ่งกว่าน้อย ทั้งหมดมีเพียงสองสามแห่งเช่นกัน

และทุกแห่ง หูจ่างหลินเคยพาหูเฟิงไปมาแล้ว

เพื่อรักษาอาการความจำเสื่อมของหูเฟิง หูจ่างหลินเสียเงินและลงแรงไปไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่โรงหมอไม่กี่แห่งในเมืองล้วนหมดหนทางรักษาชายหนุ่ม

“พวกท่านต้องการสิ่งใด” ผู้ดูแลร้านเข้ามาต้อนรับ ก่อนจะถามพวกไป๋จื่อ

“พี่ชาย ไม่ทราบว่าพวกท่านมีเข็มเงินขายหรือไม่ ท่านหมอที่หมู่บ้านของพวกข้าไหว้วานให้ช่วยนำเข็มเงินไปให้เขาสักห่อ” ไป๋จื่อกล่าว

ครั้นผู้ดูแลร้านได้ยินดังนั้น ก็รีบยิ้มกล่าว “มีๆๆ นับว่าพวกเจ้ามาถูกที่แล้ว สถานที่ที่ขายเข็มเงินในเมืองชิงหยวนแห่งนี้ มีเพียงร้านของพวกข้าแห่งเดียวเท่านั้น”

ไป๋จื่อยิ้ม “เช่นนั้นก็ดีเลย ท่านหมอที่หมู่บ้านของข้ากำชับเป็นพิเศษ ว่าให้มาซื้อกับพวกท่านที่นี่ ทั้งยังไม่ให้ไปที่อื่นด้วย”

ผู้ดูแลร้านยิ่งยิ้มกว้าง “เจ้ารอตรงนี้ ข้าจะไปหยิบมาให้”

เมื่อผู้ดูแลร้านไปแล้ว จ้าวหลานก็ลดเสียงถาม “จื่อเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าต้องหลอกเขาด้วย พวกเรามาซื้อเองแท้ๆ”

เด็กสาวมองคนรอบๆ แล้วถึงพูดว่า “คนทั่วไปใช้เข็มเงินนี้ไม่ได้ ในเมื่อใช้ไม่ได้ ย่อมไม่รู้ราคา ผู้ดูแลร้ายยิ่งไม่อยากขายให้ แต่หากเป็นหมอที่ต้องการซื้อ เช่นนั้นก็จะต่างออกไป”

ไม่นับว่านางพูดอย่างชัดเจนนัก ทว่าขอเพียงฉุกคิดสักเล็กน้อย ก็จะเข้าใจความคิดของนางในทันที

จ้าวหลานตาสว่าง ไป๋จื่อพูดถูดต้อง เหตุใดก่อนหน้านี้นางคาดไม่ถึงมาก่อนเลย หากนางไม่บอกว่าช่วยท่านหมอซื้อเข็ม ผู้ดูแลคนนั้นบอกราคาตามใจชอบขึ้นมา เช่นนั้นพวกเขาจะทำอย่างไร

หูเฟิงใช้สายตาเฉยชามองเด็กสาวร่างเล็กเบื้องหน้า ในใจลอบขบขัน เด็กคนนี้ยังอายุไม่มาก ทว่ากระทำการใดกลับรอบคอบอย่างยิ่ง ทำให้มองไม่ออกจริงๆ ว่าในหัวสมองเล็กๆ ของนาง แท้จริงแล้วใส่อะไรไว้กันแน่

ไม่นานผู้ดูแลร้านก็นำเข็มเงินมา เป็นห่อเข็มสีแดงเข้ม ใช้เชือกหนังวัวพันเอาไว้ หลังจากเปิดออกแล้ว ภายในปรากฏเข็มเงินหลายรูปแบบที่มีขนาดสั้นยาวต่างกันไป แม้จะไม่ได้ประณีตเหมือนที่นางเคยใช้ในศตวรรษที่ยี่สิบสาม คุณภาพครบครันเทียบห่อเข็มเดิมของนางไม่ได้ แต่ใช้รักษาโรคทั่วไปก็เพียงพอแล้ว

กระนั้นต้องการฝังเข็มใส่สมองของหูเฟิง ในห่อเข็มนี้ยังขาดเข็มไปสองรูปแบบ ดูท่าทางทำได้เพียงคิดหาวิธีอื่นแล้ว

ครั้นซื้อห่อเข็มได้แล้ว ทั้งสี่คนก็โดยสารรถเทียมวัวกลับหมู่บ้านหวงถัว บัดนี้ใกล้ถึงเวลากวางวันแล้ว พวกเขากินเสบียงรองท้องอยู่บนรถเล็กน้อย เพราะรถเทียมวัวช้ายิ่งนัก กว่าพวกเขาจะกลับถึงบ้าน อย่างน้อยก็น่าจะเป็นเวลาอีกสองชั่วยามให้หลัง

ขณะที่รถเทียมวัวใกล้จะถึงหน้าหมู่บ้าน พวกเขาพบรถเทียมวัวอีกคันหนึ่งกำลังออกมา

หัวหน้าหมู่บ้านเห็นพวกเขา จึงรีบทักทาย “จ้าวหลาน ไป๋จื่อ ที่ดินอยู่อาศัยและที่นาของพวกเขาพร้อมแล้ว พวกเจ้าอยู่ก็ดี ตอนนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปวัดที่ดิน”

เพื่อช่วยพวกนางจัดการเรื่องนี้อย่างดี วันนี้หัวหน้าหมู่บ้านตั้งใจตื่นแต่เช้า นั่งรถเทียมวัวไปที่ศาลาว่าการในเมือง บอกกล่าวสถานการณ์ของจ้าวหลานและไป๋จื่อให้นายทะเบียนฟัง พร้อมทั้งส่งมอบหนังสือขอแบ่งที่ดินอยู่อาศัยและที่นาด้วย

อาจจะเป็นเพราะวันนี้นายทะเบียนอารมณ์ดี เดิมทีเรื่องนี้ต้องใช้เวลาหลายวันถึงจะเสร็จสิ้น คิดไม่ถึงเลยว่านายทะเบียนจะสะบัดมือ ลงนามและลงตราประทับบนหนังสือขอแบ่งที่ดินในวันนี้

จ้าวหลานและไป๋จื่อดีใจยิ่งนัก ด้วยไม่คาดคิดว่าเรื่องสร้างบ้านจะเป็นรูปเป็นร่างได้รวดเร็วเช่นนี้ ทั้งยังแบ่งที่นามาได้อีก ถึงแม้จะไม่ทันปลูกข้าวสาลีแล้ว แต่ก็ยังปลูกอะไรอย่างอื่นก่อนได้บ้าง เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง อย่างน้อยก็น่าจะมีให้เก็บเกี่ยวอยู่

ไป๋จื่อประคองจ้าวหลานลงจากรถ แล้วกล่าวขอบคุณหัวหน้าหมู่บ้านจากใจจริง