บทที่ 41 พญาอสรพิษแสดงอำนาจ[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 41 พญาอสรพิษแสดงอำนาจ[รีไรท์] EnjoyBook

บทที่ 41 พญาอสรพิษแสดงอำนาจ[รีไรท์]

เรื่องราวพลิกผันแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน จนผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาชิกขององค์กรแมงป่องพิษต่างรู้สึกขนสันหลังลุกซู่

“ฝ่อ!”

เสียงเบา ๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ร่างกายหลายคนล้วนสั่นเทา เมื่อได้ยินเสียงนั้น ทุกสายตาจ้องมองไปยังต้นเสียง แต่ก็ยังมองเห็นเพียงพวกตัวเองที่กำลังคุมตัวซ่งซื๋อ (แม่ถางโร้ว) ไว้ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกดวงตาเบิกกว้างและแสดงสีหน้ายากที่จะเชื่อ คือ หลุมเลือดปรากฏอยู่ตรงขมับทั้งสองของชายที่กำลังคุมตัวซ่งซื๋อนั้นเอง

“ตุ้บ!”

ร่างยักษ์ล้มลงไปที่พื้น

“มีผี…..หัวหน้า ที่นี่มีผี….”

สมาชิกที่คุมตัวถางเหวินเหยียนพูดขึ้น ด้วยความตกใจกลัวก่อนจะปล่อยมือออกจากถางเหวินเหยียน

“เพี๊ยะ!”

หัวหน้ากลุ่มแมงป่องพิษใช้มือตบไปที่ใบหน้าของลูกน้องที่พูดเมื่อกี้ด้วยความโมโหว่า

“ใจเย็นหน่อย บนโลกนี้มีผีที่ไหนกัน พวกเราฆ่าคนตายมานับไม่ถ้วน ถ้ามีผีจริง ๆ พวกเราคงโดนแก้แค้นไปนานแล้ว”

ผู้อาวุโสหรี่ตาลง การกระทำแบบนี้ช่างคุ้นเคย เขามองไปยังงูหลากสีที่อยู่บนหลังคารถ ด้านหลังของสมาชิกองค์กรแมงป่องพิษ

“เขา….นายท่านมาแล้วสินะ”

ผู้อาวุโสถอนหายใจ ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา กลายเป็นว่าผีไม่ได้น่ากลัวเลย แต่ที่น่ากลัวคือเทพเซียน! หลังจากที่หัวหน้าได้ดุด่าลูกน้องแล้ว เขาก็หันหน้ากลับไปมองรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของผู้อาวุโส

ทำให้หัวหน้าอดที่จะสงสัยไม่ได้จึงถามขึ้นมา “ตาแก่ ยิ้มอะไร?”

ผู้อาวุโสชี้นิ้วไปทางด้านหลังของพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มโดยไม่พูดอะไร คนของแมงป่องพิษหันหลังกลับไปดู ถึงกับผงะและต้องเดินถอยหลังสองก้าว

แม้จะเห็นเพียงงูเจ็ดสีบนหลังคารถ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ งูตัวนี้กำลังสะกดพวกเขาอยู่ด้วยสายตาที่เยือกเย็นของมัน ใช่แล้ว พวกเขาไม่ได้ดูผิดไป งูตัวนี้กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่

“หัวหน้า คงไม่ใช่งูตัวนี้ที่ฆ่าพวกเราหรอกใช่ไหม?” สมาชิกองค์กรแมงป่องพิษคนหนึ่งพูดขึ้น อย่างกระอักกระอ่วน

“ไร้สาระ งูตัวเดียวจะฆ่าคนได้ยังไง……” ยังไม่ทันหัวหน้ากลุ่มจะพูดจบ เขาก็เห็นงูเจ็ดสีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

สมาชิกคนที่พูดก่อนหน้านี้ ยกแขนขึ้นเพื่อป้องกันตัวอย่างหวาดกลัว ร่างกายเขาราวกับตกอยู่ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงและจู่ ๆ ก็ทรุดลงกับพื้น

บรรดาร่างไร้วิญญาณล้มลงกับพื้น เกลื่อนกลาดถนนเต็มไปหมด

ที่ขมับด้านข้างศีรษะของศพเป็นรูขนาดเล็กเต็มไปด้วยเลือดเหมือนกำลังท้าทายหัวหน้ากลุ่มแมงป่องพิษอยู่ หัวหน้ากลุ่มแมงป่องพิษตัวแข็งทื่อดวงตามืดมน และแย่ไปกว่านั้น ลูกน้องที่เหลืออีกสองคนก็กำลังตัวสั่น

“หะ…หัวหน้า” สมาชิกคนหนึ่งพยายามเปล่งเสียงออกมาจากลำคอราวกับจะพูดอะไรสักอย่าง

ทว่าสุดท้ายก็ตัวสั่นจนไม่ได้พูดออกมา แต่แค่นี้ก็สามารถได้เรียกสติของหัวหน้าได้แล้ว เขาจึงตะโกนทันที “จับพวกมันไว้!”

งูตัวนี้มาเพื่อช่วยครอบครัวถางโร้ว ถ้าหากจับตัวประกันไว้ได้พวกเขาก็ยังมีโอกาสพลิกชนะอยู่

แต่น่าเสียดายที่เขาลืมไปว่าคนที่แตะเนื้อต้องตัวถางโร้วต่างก็ตายกันหมดแล้ว ทำให้ลูกน้องที่เหลืออยู่สองคน แม้จะได้ยินคำสั่งก็ไม่กล้าลงมือแถมยังถอยหลังออกไปอีกหลายก้าว

“ไอ้พวกไร้ประโยชน์!”

หัวหน้ากลุ่มตะโกนอย่างโมโห ก่อนจะเดินไปหาถางโร้วเพื่อไปจับตัวเธอเอาไว้

แต่พอยื่นมือไปได้ครึ่งทางก็ต้องชักมือกลับอย่างรวดเร็วราวกับว่าถูกงูพิษกัดพร้อมกับถอยหลังออกมาทันที เขามองถางโร้วด้วยสายตาหวาดกลัว พอมองดี ๆ เขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างถางโร้วตั้งแต่เมื่อไหร่

มันเป็นใครกัน?

มันมาที่นี่ได้ยังไง?

ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกตัวเลย?

“พี่ฉู่ชวิ๋น!” ถางโร้วเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ

“ขอโทษนะที่พี่มาช้าไปหน่อย เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” ฉู่ชวิ๋นลูบหัวเล็ก ๆ ของถางโร้วเช่นเคย

“ฉันไม่เป็นไร”

ใบหน้าของถางโร้วซีดขาว เห็นได้ชัดว่าเธอตกใจไม่น้อย แต่เพื่อไม่ให้ ฉู่ชวิ๋นเป็นกังวล เธอจึงพูดแบบนั้นออกไป ฉู่ชวิ๋นหรี่ตามองแล้วก็รู้สึกปวดใจ ก่อนจะหันไปทางถางเหวินเหยียนและซ่งซื๋อ

“คุณลุง คุณป้า พวกคุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”

“ฉันไม่เป็นไร โชคดีที่เธอมาช่วยไว้นะเสี่ยวชวิ๋น” ซ่งซื๋อพูดออกมา

ส่วนถางเหวินเหยียนเองก็ส่ายหน้าเพื่อให้เห็นว่าตนเองไม่เป็นไรเช่นกัน ซึ่งถางเหวินเหยียนนั้นเงียบผิดปกติจนฉู่ชวิ๋นรู้สึกแปลก ๆ เรื่องนี้เป็นเพราะฉู่ชวิ๋นไม่รู้ว่าถางเหวินเหยียนรู้ถึงอิทธิพลที่แท้จริงของเขาแล้ว ถางเหวินเหยียนก็เลยไม่กล้าพูดอะไรมาก

“ยินดีที่ได้พบนายท่าน!”

สมาชิกของกลุ่มเหยี่ยวมังกรโค้งคำนับฉู่ชวิ๋น เพื่อแสดงความเคารพ

“ยินดีที่ได้พบนายท่านเช่นกัน!”

ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้วและถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “พวกนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

ผู้อาวุโสที่ติดหนี้เขาครั้งใหญ่ ได้เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดที่ได้เกิดขึ้นให้ฟัง และเมื่อได้รับรู้ว่า ถางโร้วโดนตบไปหนึ่งครั้ง ความน่ากลัวและน่าเกรงขามก็แผ่ออกมาจากร่างของเขา ราวกับว่า อากาศบริเวณนั้นหายไปจนผู้คนถึงกับหายใจไม่ออก

นอกจากครอบครัวของถางโร้วแล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เหงื่อไหลเป็นเม็ด ๆ อยู่เต็มหัวความกดดันนี้ราวกับภูเขาที่สามารถบดขยี้พวกเขาให้เป็นผงได้ในพริบตา

“ขอนายท่านอย่าโมโหไปเลย…พวกเราได้ลงโทษฮู่จิ้นและลูกชายของเขาอย่างรุนแรงแล้ว” ผู้อาวุโสพูดขึ้น

ฉู่ชวิ๋นมองผู้อาวุโสด้วยสายตาที่เยือกเย็น “รุนแรงยังไง? บอกฉันมา!”

ผู้อาวุโสรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย เขาเช็ดเหงื่อออกก่อนจะเล่าให้ฉู่ชวิ๋นฟังอย่างรวดเร็ว ครอบครัวถางโร้วเดินทางกลับไปก่อน ทำให้ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น

เมื่อฟังผู้อาวุโสพูดจบ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่ต้องเบิกตากว้าง

“ทำได้ไม่เลว” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้นอย่างเรียบง่าย เมื่อสิ้นเสียง ความกดดันของผู้อาวุโสก็หายไป ราวกับถูกน้ำซัดไป

“ขอบพระคุณนายท่าน”

“พูดต่อสิ” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้น

ผู้อาวุโสเริ่มกล่าวต่ออีกครั้งและครั้งนี้ฉู่ชวิ๋นไม่มีอารมณ์แปรปรวนใด ๆ จนผู้อาวุโสพูดจบ

“คุณลุงคุณป้าแล้วก็โร้วโร้ว ผมจะให้คนไปส่งพวกคุณก่อนนะครับ”

“ได้ ๆ …” ซ่งซื๋อไม่อยากอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว ถางเหวินเหยียนเองก็ยิ่งอยากกลับบ้านจนใจจะขาดแล้ว

มีเพียงถางโร้วที่ไม่ยอมกลับ แต่สุดท้ายก็โดนซ่งซื๋อลากไป ทุกคนได้แต่มองครอบครัวถางโร้วที่ถูกพาตัวกลับไป คนขององค์กรแมงป่องพิษเอง ก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปขัดขวาง ถึงแม้ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ฉู่ชวิ๋นจะยังไม่ได้ลงมืออะไร แต่สภาวะความกดดันเมื่อสักครู่ ทำให้จิตใจพวกเขาเย็นยะเยือก

“องค์กรแมงป่องพิษ?” ฉู่ชวิ๋นมองไปทางหัวหน้ากลุ่มและพูดกับพวกเขา

“พวกแกกล้ามากที่มาแตะต้องคนของฉัน” หัวหน้ากลุ่ม แม้เหงื่อท่วมตัวแต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

“คุณต้องการอะไร?”

ฉู่ชวิ๋นอยากลองสู้กับเขาดูว่าฝีมือคนบนโลกจะเก่งกาจประมาณไหน

“ได้ยินมาจากผู้อาวุโสว่าแกฝึกกังฟูระดับสูงมีร่างกายแข็งดังหินผา งั้นเอาอย่างนี้ รับการโจมตีจากฉัน 1 กระบวนท่า ถ้ารับไว้ได้ฉันจะไว้ชีวิตแก แต่ถ้ารับไม่ได้ก็จบชีวิตลงที่นี่ซะเถอะ!”

หัวหน้ากลุ่ม สายตากระตุกวูบ สมาชิกอีกสองคนขยับเข้ามาใกล้กับหัวหน้าของพวกเขาแล้วพูดขึ้น

“หัวหน้า…พวกเรากำลังถูกข่มขู่อยู่ใช่ไหม? ขนาดผู้อาวุโสคนนั้นยังสู้พี่ไม่ได้ แล้วทำไมพวกเราต้องกลัวไอ้หนุ่มที่เหมือนเด็กที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี้ด้วยล่ะ?”

หัวหน้ามึนงงอยู่สักครู่ จริงด้วย ตัวฉันเป็นอะไรไปเนี่ย?

คาดไม่ถึงว่าจะโดนแค่ไอ้หนุ่มนี้ทำให้ตกใจได้ถึงขนาดนี้? แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองฉู่ชวิ๋น เขาก็อดไม่ได้ที่ต้องลดสายตาลง เขาเห็นงูเจ็ดสีตัวนั้น กำลังเลื้อยเล่นอยู่บนมือของฉู่ชวิ๋น

“พวกนายยังมีอีกหนึ่งทางเลือก ก็คือสู้กับมันแทน” ฉู่ชวิ๋นเหลือบมองไปที่พญาอสรพิษ

หัวหน้ากลุ่มสีหน้าเปลี่ยนไป เขารู้สึกว่างูเจ็ดสีตัวนี้น่ากลัวกว่าฉู่ชวิ๋นมากนัก เพราะคนของพวกเขาถูกงูตัวนี้สังหารจนเกือบหมด

“มันมีชื่อว่าจิ่วโยว ฉันรู้พวกนายกังวลเรื่องอะไรอยู่? ฉันจะบอกให้จิ่วโยว ไม่ใช้ความเร็วเป็นไง จะลองดูไหม?”

สายตาทั้งสามคนเป็นประกายขึ้น เพราะสิ่งที่พวกเขากลัวก็คือความเร็วของงูตัวนี้ ถ้าหากไม่มีความเร็วแล้วงูตัวนี้ก็เป็นแค่งูปกติไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย?

“คุณพูดแล้วไม่คืนคำนะ?”

หัวหน้ากลุ่มแมงป่องพิษอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า ทั้งสามคนดูดีใจขึ้นมา ผู้อาวุโสได้แต่ส่ายหัว นายท่านก็คือนายท่านอยู่วันยังค่ำ

ไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เพียงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ คนอื่นก็ยากจะรอดไปได้ ก่อนหน้านี้หัวหน้ากลุ่มแมงป่องพิษ ยังเป็นฝ่ายที่กำเริบเสิบสาน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นฝ่ายถูกทำให้เต้นไปตามคำพูดของฉู่ชวิ๋น

“เข้ามาสิ!”

หัวหน้ากลุ่มพูดกับลูกน้องตัวเองสองสามประโยค ก่อนจะเดินขึ้นไปข้างหน้าสองก้าว

“จิ่วโยว ขึ้นอยู่กับแกแล้ว ครั้งนี้อนุญาตให้คืนร่างเดิมได้” ฉู่ชวิ๋นยิ้มแล้วพูดเบา ๆ

“ฝ่อ…!”

พญาอสรพิษส่งเสียงตอบรับอย่างเยือกเย็น ทำให้ทุกคนต่างตกใจกลัวอย่างถ้วนหน้า นี่มันยังเป็นงูอยู่ใช่ไหม? มันลงมาจากมือของฉู่ชวิ๋น ลงไปที่พื้น ก่อนจะค่อย ๆ เลื้อยไปทางชายสามคนนั้น การเคลื่อนตัวช้าของพญาอสรพิษ ทำให้พวกเขาต่างเชื่อในสิ่งที่เห็น จนพลอยดีใจขึ้นมา

“หัวหน้าคุณพักก่อนเถอะ ผมจะเป็นคนตัดหัวงูตัวนี้เอง”

สมาชิกคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเสียงดัง ก่อนจะเอามีดสีดำที่อยู่ด้านหลังออกมาและเดินตรงไปที่พญาอสรพิษ เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงที่ตัวพญาอสรพิษเขาง้างมีดสับลงไปที่หัวของมันทันที!

ผู้อาวุโสรอดูด้วยความกังวล พวกเขาคิดว่าความน่ากลัวพญาอสรพิษ คือ ความเร็ว ถ้าไม่มีจะเอาตัวรอดได้ยังไง? กลุ่มอสรพิษต่างก็มีสีหน้าดีใจปรากฏออกมา

หากแต่มีเพียงแค่ฉู่ชวิ๋นเท่านั้น ที่มีสีหน้าเยาะเย้ยอยู่ภายในดวงตาที่นิ่งสงบ

“กึก!”

มีดปักไปที่หัวของพญาอสรพิษเจ็ดสี แต่ก็มีเสียงดังขึ้น ราวกับว่าปลายมีด สัมผัสโดนเข้ากับเหล็ก ทุกคนต่างตกใจและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ เขาทำได้เพียงแต่มองไปที่สมาชิกองค์กรแมงป่องพิษที่หน้าเสีย

สายตา มองตำแหน่งที่ปลายมีดปักลงไป เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และก็พบว่า มีดที่โดนตัวพญาอสรพิษบิ่นจนเป็นรอยร้าว แต่เมื่อมองกลับไปที่พญาอสรพิษ มันกำลังส่ายหัวไปมาเหมือนกำลังจะสื่อสารว่าพวกเขามันไม่ได้เรื่อง ก่อนที่มันจะเลื้อยไปข้างหน้า ทำให้ตัวแข็งค้างราวกับหิน

“ฝ่อ…”

พญาอสรพิษส่งเสียงออกมา ทำให้ทุกคนที่ตกอยู่ในภวังค์ได้สติขึ้นมา

เวลานั้นทุกคนต่างก็ตกตะลึง ตัวแข็งทื่อหากแต่ก็ยังสั่นระริก ๆ พวกเขาเห็นงูขนาดเล็กประมาณ 20 เซนติเมตรที่มีเจ็ดสี กำลังกลายร่าง!! ทุกคนดวงตาเบิกกว้าง เพราะตอนนี้มันกำลังกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว

ในเวลานี้พญาอสรพิษมีร่างที่ใหญ่กว่า 10 เมตร หัวมีขนาดใหญ่ราวกับภูเขาลูกเล็ก ๆ ความหนาของตัวมัน เท่ากับ 2 คนโอบ ผิวหนังปกคลุมไว้ด้วยเกล็ดเจ็ดสี มีสายตาอันเยือกเย็นที่กำลังมองไปที่หัวหน้ากลุ่มแมงป่องพิษ

“ตุ้บ!”

สมาชิกคนที่ถือมีดอยู่ในมือ ท้องปั่นป่วนไปหมด มีดที่ถืออยู่ก็ร่วงหล่นลงมาจากมือ พญาอสรพิษหันไปมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะยกหางขึ้นฟาดไปที่หัวของเขา

“ปัง!” เสียงดังกังวานพื้นดินสั่นสะเทือน

พญาอสรพิษยกหางฟาดลงไปทุกคนก็กลัวจนต้องถอยหลัง พวกเขาเห็นสมาชิกคนนั้นที่ตอนนี้กลายเป็นซอสเนื้อแนบติดกับพื้น อีกทั้งพื้นดินยังแตกแยกออกไป 1-2 เมตร

“ปัง!” ร่างของชายอีกคน กระทบกับพื้น ยิ่งทำให้ทุกคนต่างตกใจกันไปใหญ่ ตอนนี้ทุกคนราวกับคนที่สติหลุดลอย ไม่มีเสียงใด ๆ ที่จะเรียกสติพวกเขากลับมาได้

บางคนเริ่มได้สติก็หันไปมองคนที่ล้มลงกับพื้น นั่นคือสมาชิกขององค์กรแมงป่องพิษที่อ้าปากตาค้างแทบจะหลุดออกจากเบ้า ใบหน้าซีดขาว เกิดอาการช็อกจนลืมหายใจ มองดูเหมือนจะตกใจจนช็อกตายไปแล้ว!

หัวหน้ากลุ่มไม่รู้จะหนีไปทางไหน ร่างกายทำได้เพียงนั่งอยู่กับพื้น แม้แต่ขยับก็ยังไม่กล้า แม้แต่ลูกน้องที่ตาย ก็ยังไม่กล้าหันกลับไปมอง

“เอี๊ยด แกรก แกรก”

เสียงพวกนี้ทำให้หัวใจคนฟังแทบหลุดออกมา มันคือเสียงกระดูกแตกหัก! พญาอสรพิษตอนนี้ได้ใช้ตัวของมันรัดร่างของหัวหน้ากลุ่มเอาไว้แล้ว หัวหน้ากลุ่มตกตะลึง แม้อยากจะดิ้นหนีแต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะร่างกายอันแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ถูกรัดจนไร้เรี่ยวแรง

“ยกโทษให้ฉันด้วย….ขอร้องล่ะยกโทษให้ฉันด้วย ไว้ชีวิตฉันเถอะไม่ว่าจะเรื่องอะไรฉันยอมทำทุกอย่างได้ยกโทษให้…ฉัน” ในที่สุดหัวหน้ากลุ่มก็จิตใจแตกสลายตื่นกลัวยิ่งกว่าใคร