ตอนที่ 18 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 18 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

เมื่อนึกขึ้นมาได้เช่นนั้น อันหลิงอีก็กวาดสายตามองเหล่าฮูหยินและบรรดาคุณหนูที่อยู่โดยรอบ พลันใบหน้าก็ซีดลงในทันที แววตาของพวกนางแสดงความรังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่ากำลังมองสิ่งที่สกปรกอยู่ก็มิปาน แววตาเหล่านั้นทำให้อันหลิงอีรู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจ

“เมื่อครู่ข้าได้กล่าววาจาเหลวไหลออกไป ข้าจะให้สาวใช้ของตนเองปล่อยงูไปกัดพี่หญิงของข้าได้เยี่ยงไรกัน ? ”

นางพยายามโกหกเพื่อกลบเกลื่อนแบบข้าง ๆ คู ๆ  อีกด้านหนึ่งก็ใช้สายตาข่มขู่มองไปยังอันหลิงเกอ แล้วกล่าวออกมาว่า “พี่หญิงเจ้าคะ พวกเราสองคนพี่น้องรักใคร่กันเพียงใด ท่านช่วยอธิบายกับพวกนางทีสิเจ้าคะว่าข้ามิมีทางที่จะทำร้ายท่านพี่ได้หรอก จริงหรือไม่เจ้าคะ ! ”

หลังจากกล่าวจบ อันหลิงอีก็แสร้งส่งยิ้มอย่างรักใคร่ให้กับอันหลิงเกอ แต่ในใจกลับนึกเคียดแค้นอันหลิงเกออยู่ภายใน

นังตัวดี บังอาจลากข้ามายืนยันความบริสุทธิ์บ้าบออันใดที่โถงนี่ สุดท้ายถึงได้เกิดเรื่องผิดพลาดเยี่ยงนี้ขึ้น กลับไปถึงจวนโหวเมื่อไหร่ ข้าจะให้ท่านแม่จัดการเจ้าซะ

อันหลิงเกอก็แสร้งหดคอลงเล็กน้อยคล้ายกับหวาดกลัว แล้วจึงกล่าวอย่างลังเลว่า “เมื่อครู่น้องหญิงคงจะพูดล้อเล่นเพียงเท่านั้น ทุกท่านอย่าได้เข้าใจนางผิดไป น้องหญิงเป็นคนจิตใจดีและอ่อนโยนมาโดยตลอด นางมิมีทางทำเรื่องเยี่ยงนี้ได้หรอก”

เมื่อคนอื่นเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ภายในใจก็เกิดการเปรียบเทียบขึ้น และหวนนึกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับจวนโหวที่เคยได้ฟังมาว่า ฮูหยินของท่านโหวนั้นด่วนจากไป ทิ้งไว้เพียงบุตรชายและบุตรีที่ยังเล็กอยู่ อีกทั้งซือจื่อน้อยของจวนโหวยังถูกฮ่องเต้รับเข้าไปอยู่ในวังเพื่อเป็นเพื่อนศึกษาขององค์ชายทิ้งคุณหนูใหญ่ไว้อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังที่มีฮูหยินรองคอยเลี้ยงดูมา อีกทั้งเมื่อก่อนยังมีคนเล่าอีกว่าฮูหยินรองนั้นทั้งใจกว้างและสง่างาม ดูแลบุตรีภริยาเอกประดุจกับที่ดูแลบุตรีของตนเอง มาวันนี้ได้เห็นการกระทำของบุตรีของอนุผู้นี้แล้ว ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่เล่ากันมานั้นเชื่อถือมิได้   ครอบครัวส่วนใหญ่ที่มีบุตรอันเกิดจากอนุ ย่อมรู้ดีว่าบุตรภริยาเอกและบุตรอนุนั้นมักจะมิลงรอยกัน ได้ยินแล้วก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมา แต่มิได้พูดอันใดออกไป

มีเพียงฮูหยินหมิงจูเท่านั้นที่ยังคงจ้องมองอันหลิงเกอด้วยสายตาเห็นใจ

“เด็กดี เจ้าใจกว้างและมีเมตตาเยี่ยงนี้ เจ้ามิกลัวคนอื่นจะทำร้ายเจ้าหรือเยี่ยงไร”

ใจกว้างและมีเมตตาเยี่ยงนั้นหรือ ?

เมื่อได้รับฟัง อันหลิงเกอเผยยิ้มเยาะออกมา นางมิใช่คนเยี่ยงนั้นหรอก นางรู้แค่เพียงว่า ตาต่อตาฟันต่อฟัน เพียงเท่านั้นแหละ

เมื่อนึกย้อนกลับไป ก่อนหน้านี้นางสั่งให้ปี้จูไปซื้องูพิษที่กำลังหลับไหลมาตัวหนึ่ง แล้วก็โรยผงดึงดูดงูลงบนตัวของอันหลิงอี ดังนั้นผู้อื่นจึงมิเป็นอันใด มีเพียงอันหลิงอีที่มีผงนั้นอยู่บนตัวจึงไปกระตุ้นให้งูพิษตื่นขึ้นมาแล้วกัดนางเข้า

“ฮูหยินโปรดวางใจ หลิงเกอเชื่อว่า ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้รับผลกรรม ต่อให้คน ๆ นั้นมีความคิดชั่วร้ายจะทำร้ายหลิงเกอ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องได้รับผลกรรมที่ตนเองนั้นได้ทำลงไปอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

อันหลิงเกอเอ่ยตอบออกไป ด้วยคำกล่าวที่นอบน้อม แต่ในภายในใจกลับยิ้มเยาะออกมากับเรื่องที่ตนได้ทำลงไป

หึหึ ! อันหลิงอีกล้าปล่อยงูมากัดนาง นางก็กล้าวางแผนให้งูไปกัดอันหลิงอี อีกทั้งยังใช้โอกาสนี้เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง ยิงธนูดอกเดียวได้นกถึงสองตัวอีกต่างหาก

ฮูหยินหมิงจูพยักหน้าและมิได้กล่าวสิ่งใดอีก และเดินนำแม่นมของตนออกไป

เมื่อเห็นนางออกไปแล้ว เหล่าฮูหยินและบรรดาคุณหนูท่านอื่นที่ไหว้พระเสร็จก็พากันทยอยออกไป ภายในห้องโถงจึงกลับเข้าสู่ความเงียบสงบอีกครา

“น้องหญิง เจ้าถูกงูกัด ต่อให้กินยาแล้วก็ควรจะให้หมอมาดูอาการสักหน่อยนะ”

อันหลิงเกอมองที่อันหลิงอีอย่างเป็นห่วง จากนั้นสายตาก็หันไปทางประตูห้องโถง

“ท่านหมอหลวงจางมาพอดี น้องหญิงให้ท่านหมอดูอาการสักหน่อยจะดีกว่า ว่าเป็นอันใดร้ายแรงหรือไม่ ?”

อันหลิงอีเดิมคิดที่จะปฏิเสธ แต่สุดท้ายเมื่อคิดถึงร่างกายของตนแล้ว ก็มองไปทางประตูห้องโถงพร้อมกับกล่าวว่า “รบกวนท่านหมอจางแล้วเจ้าค่ะ”

หมอหลวงจางที่อายุสี่สิบกว่า ไว้หนวดที่ค่อนข้างยาวทำให้ดูเป็นคนที่เข้มงวดและค่อนข้างหัวโบราณ เมื่อเขาได้เจอกับนางทั้งสองก็รู้ในทันทีว่าคุณหนูสองท่านนี้คงเป็นลูกสาวของท่านโหวเป็นแน่ จึงได้ก้าวไปข้างหน้าแล้วทำการคำนับ หลังจากตรวจชีพจรให้อันหลิงอีเสร็จ หมอหลวงจางก็ขมวดคิ้วและเกิดความสงสัย

“ท่านโหวกล่าวว่าคุณหนูทั้งสองคล้ายจะเป็นโรคฝีดาษ แต่จากที่ข้าน้อยตรวจดู อาการนี้ต่างจากโรคฝีดาษอยู่มาก”

เขาจ้องที่ใบหน้าของอันหลิงอีครู่ใหญ่ จึงกล่าวออกมาว่า  “น่าจะเป็นอาการแพ้ บวกกับมีอาการหวัดร่วมด้วย จึงทำให้ดูคล้ายเป็นโรคฝีดาษ”

เมื่อฟังจบ อันหลิงอีถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“เห็นหรือยังข้าบอกแล้วว่าข้ามิมีทางเป็นโรคฝีดาษได้หรอก ข้าจะกล้บจวนเดี๋ยวนี้เลย”

“คุณหนูช้าก่อน” หมอหลวงจางรีบเรียกเอาไว้

“ถึงแม้คุณหนูจะมิได้เป็นโรคฝีดาษ แต่อาการหวัดยังมิหายดี แถมยังถูกพิษของงูเข้าร่างกาย เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ ควรพักรักษาตัวที่วัดชิงอวิ๋นก่อนสักระยะ แล้วส่งคนกลับไปแจ้งข่าวที่จวนแทน”

เมื่อหมอจากเอ่อออกมาอย่างจริงจัง อันหลิงอีลองไตร่ตรองดู ท่านพ่อไล่นางออกมาโดยมิให้นางได้โต้แย้งอันใดเลย หากนางกลับไปเช่นนี้ก็เท่ากับลำบากไปโดยเปล่าประโยชน์ มิสู้ส่งคนไปแจ้งข่าวให้ท่านพ่อทราบ ให้ท่านมารับกลับจวนด้วยตัวเอง จะได้หาโอกาสฟ้องว่าเป็นเพราะอันหลิงเกอ นางจึงต้องประสบกับเคราะห์กรรมพวกนี้ ดูซิว่าท่านพ่อจะจัดการนังตัวดีนั่นเยี่ยงไร เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันหลิงอีจึงมิได้รีบกลับ

“เช่นนั้นก็เอาตามที่ท่านหมอจางกล่าวเจ้าค่ะ”

จากนั้นนางก็หันไปสั่งการสาวใช้

“ไป๋อวี่ เจ้าหาคนไปส่งข่าวให้ท่านพ่อทราบ ให้ท่านพ่อมารับข้าในวันรุ่งขึ้น”

ไป๋อวี่ก็คือสาวใช้ที่ถูกอันหลิงอีตบหน้าผู้นั้น เมื่อนางได้ฟังที่นายของตนสั่งก็รีบรับคำทันที จนมิมีใครสังเกตเห็นดวงตาที่มองต่ำอยู่ตลอดนั้นทอประกายขุ่นเคืองขึ้นมาแวบหนึ่ง

“ท่านหมอจาง ข้ามิได้เป็นโรคฝีดาษแล้ว มิทราบว่าพี่หญิงของข้าล่ะเป็นเยี่ยงไรบ้าง ? ”

อันหลิงอีเอ่ยถาม พร้อมทั้งหันมองอันหลิงเกอที่มีผ้าคลุมหน้าไว้อย่างมีความสุข และคิดสาปแช่งอยู่ภายในใจเงียบ ๆ

อันหลิงเกอ นังตัวดี ขอให้เจ้าเป็นโรคฝีดาษจริง ๆ เถอะ และมีชีวิตอยู่ได้อีกมินาน ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นจวนโหวก็จะมิมีคุณหนูใหญ่อีก คุณหนูรองเยี่ยงข้าก็จะได้แต่งงานกับมู่ซือจื่อ

ท่านหมอจางส่ายหน้าไปมาและกล่าวต่อว่า “คุณหนูใหญ่เองก็มิได้เป็นโรคฝีดาษหรอก เพียงแต่ช่วงนี้คุณหนูใหญ่ร่างกายอ่อนแอและเหนื่อยล้า ทำให้ชีพจรอ่อนแอมาก”

อันหลิงอีหลับตาลงอย่างผิดหวัง จนมิสามารถเก็บรักษาท่าทีของคุณหนูผู้สุภาพเอาไว้ได้อีก จึงหมุนตัวออกไปจากห้องโถงทันที

เมื่อเห็นเช่นนั้น ปี้จูที่อยู่ด้านหลังก็วางกล่องลง พร้อมนำตั๋วเงินใบหนึ่งออกมาจากในเสื้อ ยิ้มกว้างพร้อมกับยัดใส่มือของท่านหมอจาง แล้วกล่าวว่า “เรื่องวันนี้ รบกวนท่านหมอจางแล้วเจ้าค่ะ ”

คุณหนูมิเพียงให้นางไปเตรียมงูพิษเพื่อวางกับดักล่อเพียงเท่านั้น อีกทั้งให้ไปซื้อตัวหมอจางเพื่อทำให้คุณหนูรองอยู่ที่วัดชิงอวิ๋นต่ออีกด้วย แต่เหตุใดคุณหนูจึงทำเยี่ยงนี้ ปี้จูกลับมิสงสัยเลยสักนิดเดียว ชีวิตของนางคุณหนูเป็นคนให้มา คุณหนูให้นางไปทำอันใด นางก็จะทำ

……

  เวลากลางวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความมืดค่อย ๆ โรยตัวปกคลุมทุกพื้นที่ อันหลิงอีนั่งอยู่ในห้องของตัวเอง ด้วยใบหน้าโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตอนกลางวันนางมิเพียงแต่ถูกงูกัด ซ้ำยังถูกฮูหยินและเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนั้นได้ยินนางตำหนิสาวใช้อีก ภาพลักษณ์ที่นางอุตส่าห์สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากต้องมาถูกทำลายลงไปมิเหลือชิ้นดี แต่นังตัวดีอันหลิงเกอกลับโชคดีมิถูกงูกัด อีกทั้งยังมิเป็นโรคฝีดาษ ราวกับมีคนคอยช่วยเหลือนางอยู่เยี่ยงนั้น

แววตาของอันหลิงอีเข้มขึ้น ครุ่นคิดอยู่นานในที่สุดก็คิดวิธีชั่วร้ายออกออกมาได้

“ไป๋อวี่”

นางเรียกเสร็จ ไป๋อวี่ก็รีบเข้ามาทันที

 “คุณหนูมีอันใดจะสั่งหรือเจ้าคะ”

“เจ้าไปหาคนมา แล้วก็…….เตรียมของพวกนั้นไว้ให้พร้อม ข้ามิเชื่อหรอกว่านังตัวดีอันหลิงเกอครานี้จะยังโชคดีรอดไปได้อีก หึหึ ! ”

 สีหน้าของอันหลิงเกอที่ปรากฏใต้แสงเทียนนั้นกลับยิ่งทำให้นางดูโหดร้ายมากขึ้นไปอีก

ไป๋อวี่ซ่อนความขุ่นเคืองไว้ในใจพร้อมรับคำอย่างสุภาพ จากนั้นก็หมุนตัวออกจากห้องไป