ตอนที่ 165 โขกหัวขอโทษ / ตอนที่ 166 เธอขู่ฉันเหรอ

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 165 โขกหัวขอโทษ 

 

 

“แล้วยังไง? ตอนนี้อย่าว่าแต่เชิญซ่างซินเลย แม้แต่หน้าซ่างซินก็ยังไม่ได้เห็น แล้วมีสิทธิ์อะไรมาให้ฉันขอโทษเธอ” ฟางหลานดอกอกถากถาง 

 

 

คนอื่นไม่รู้ว่าเธอไปสอบถามมาแล้ว 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ขอออกไปข้างนอกอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เพียงไม่ได้เจอซ่างซิน ยังได้ยินมาว่าทำให้ตัวเองบาดเจ็บด้วย 

 

 

จนตรอกจริงๆ 

 

 

ท่าทางในตอนนี้ของเธอ แค่ไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน ก็เลยฝืนต่อกรสินะ? 

 

 

รอให้ถึงกำหนดหนึ่งสัปดาห์ก่อนเถอะ ดูสิว่าเธอจะยังปากแข็งแบบนี้ได้อีกไหม! 

 

 

“ใครบอกว่าฉันไม่ได้เจอซ่างซิน” เหนียนเสี่ยวมู่เงยหน้ามองฟางหลาน ก่อนจะพูดเน้นย้ำที่ละคำ “วันนี้ซ่างซินจะมาคุยเรื่องพรีเซ็นเตอร์กับฉันด้วยตัวเอง ที่บริษัทตระกูลอวี๋ตอนสิบโมงเช้า” 

 

 

“เธอว่ายังไงนะ” ฟางหลานเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ 

 

 

ไม่เพียงแค่เธอ รอบข้างก็มีเสียงถอนหายใจออกมาระลอกหนึ่งเช่นกัน 

 

 

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนแปลงไปแล้ว 

 

 

ราวกับไม่กล้าเชื่อว่า ซ่างซินจะพิจารณาเรื่องพรีเซ็นเตอร์ และมาที่นี่ด้วยตัวเองจริงๆ… 

 

 

นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน! 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่มองข้ามสายตาประหลาดใจโดยรอบไป และเดินตรงไปจ้างหน้า ก่อนจะหลุบตาลงเล็กน้อย เพื่อมองใบหน้าตกตะลึงของฟางหลาน “เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง คุณลองฝึกดูก่อนก็ได้นะ ว่าจะโขกหัวขอโทษฉันยังไงดี” 

 

 

“…” ฟางหลานหดตาดำอย่างแรง! 

 

 

จากนั้นก็หน้าซีดเผือดในทันที 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่กลับไม่มองเธออีก แต่หันหน้าไปบอกให้เลขาช่วยเธอจองห้องประชุมตั้งแต่สิบโมงเป็นต้นไป 

 

 

จากนั้นเธอก็หมุนตัวเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง และเปิดคอมพิวเตอร์เตรียมสัญญา 

 

 

ไม่มีใครในแผนกประชาสัมพันธ์คิดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกผันเช่นนี้ 

 

 

และไม่มีใครเห็นใจฟางหลานที่หาเรื่องใส่ตัวแบบนี้ กลับกังขาในคำพูดของเหนียนเสี่ยวมู่ขึ้นมาหลายส่วนเสียมากกว่า 

 

 

เพราะทุกคนรู้ดีถึงกิตติศัพท์เรื่องความเย็นใจและหยิ่งทะนงของซ่างซิน 

 

 

นักลงทุนหลายคนชอบนิสัยของเธอ อยากได้ตัวเธอมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย 

 

 

เธอจะตอบตกลงเหนียนเสี่ยวมู่ได้อย่างไรกัน… 

 

 

ยังไม่ถึงเวลาสิบโมง แต่แผนกประชาสัมพันธ์ต่างก็รอคอยการปรากฏตัวของซ่างซินด้วยความเคร่งเครียด! 

 

 

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า 

 

 

เก้าโมงห้าสิบนาที 

 

 

ห้องประชุมที่ว่างเปล่าจัดวางดอกไม้สดและผลไม้ไว้เรียบร้อยแล้ว 

 

 

เก้าโมงห้าสิบห้านาที 

 

 

เพื่อนร่วมงานทุกคนในแผนกประชาสัมพันธ์ที่มีงานอยู่ข้างนอกต่างก็รีบกลับมา 

 

 

มีแต่คนอยากเห็นตัวจริงของซ่างซินสักครั้ง 

 

 

ถึงอย่างไรซ่างซินก็เป็นคนดัง นอกจากถ่ายภาพเพื่อการทำงาน ก็แทบจะไม่มีใครหาภาพส่วนตัวของเธอเจอแล้ว ทุกคนล้วนอยากรู้ว่าความจริงแล้วเธอมีลักษณะท่าทางอย่างไร 

 

 

ในแผนกมีแฟนคลับของเธออยู่ไม่น้อย เตรียมพร้อมแม้กระทั่งกล้องถ่ายรูปและสมุดลายเซ็น 

 

 

“สิบโมงแล้ว ทำไมซ่างซินยังไม่มาอีก” มีคนเอาแต่จ้องนาฬิกา พอถึงเวลาสิบโมงก็ถามขึ้นมาด้วยความผิดหวัง 

 

 

“อาจจะรถติดก็ได้ เธออย่าเพิ่งร้อนใจ รออีกหน่อย” 

 

 

แต่รอกันแบบนี้ไปสิบนาทีแล้ว ซ่างซินก็ยังไม่ปรากฏตัว 

 

 

ฟางหลานที่เกือบจะสิ้นหวังไปแล้วกลับมาโมโหทันที เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ “คงไม่มีใครพูดโกหก เพื่อล้อเล่นกับทุกคนหรอกมั้ง?” 

 

 

ครั้นเธอพูดจบ ทุกคนก็มองไปทางเหนียนเสี่ยวมู่กันหมด! 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เพิ่งจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา อยากจะโทรศัพท์ไปสอบถาม ฟางหลานก็แย่งไปเสียแล้ว 

 

 

เธอขมวดคิ้ว “คุณจะทำอะไร” 

 

 

“คำถามนี้ฉันต้องถามเธอสิถึงจะถูก! เหนียนเสี่ยวมู่ เธอกล้ามากนะ กล้าพูดโกหกหลอกเพื่อนร่วมงานเยอะแยะขนาดนี้เชียวเหรอ” ฟางหลานจับมือเธอไว้ ก่อนจะยิ้มเยาะอย่างลำพองใจ “แถมยังบอกให้ฉันคุกเข่าขอโทษเธออีก ตอนนี้คนที่ควรคุกเข่าขอโทษทุกคนน่าจะเป็นเธอมากกว่ามั้ง?” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 166 เธอขู่ฉันเหรอ 

 

 

“คืนมือถือให้ฉัน” เหนียนเสี่ยวมู่มีสีหน้าคร่ำเคร่ง 

 

 

แม้เธอจะไม่เคยเจอซ่างซิน แต่เธอเชื่อว่าซ่างซินจะไม่ผิดนัดโยที่ไม่มีเหตุผล 

 

 

น่าจะแค่เกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรบางอย่าง… 

 

 

“ตอนนี้รู้จักร้อนใจแล้วเหรอ ตอนที่พูดโกหกทุกคนเมื่อกี้นี้ ทำไมไม่คิดถึงผลลัพธ์บ้างล่ะ” ฟางหลานหันไปมองเพื่อนร่วมงานรอบๆ และจงใจพูดเสียงดังขึ้น 

 

 

ความรู้สึกของใครหลายๆ คนถูกเธอทำให้ปั่นป่วน ส่งผลให้สายตาที่มองมายังเหนียนเสี่ยวมู่เกิดความไม่พอใจขึ้นบ้าง 

 

 

เชิญซ่างซินมาไม่ได้ พวกเขาเข้าใจได้อยู่แล้ว 

 

 

แต่ถ้ายังฝืนโกหกคนอื่นเพราะเชิญมาไม่ได้ ก็คงจะเกินไปหน่อยแล้ว! 

 

 

แถมพวกเขายังตระเตรียมบางอย่างไว้ชั่วคราว เพราะได้ยินว่าซ่างซินจะมา 

 

 

การตกแต่งในห้องประชุม ล้วนเป็นการจัดตามแผนรับรองแขกผู้มีเกียรติ 

 

 

พวกเขากังวลว่าซ่างซินปรากฎตัวแล้วจะเกิดความวุ่นวาย จึงเชิญเพื่อนร่วมงานมาเป็นบอดีการ์ดแผนกเพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย… 

 

 

แต่ตอนนี้ทั้งหมดกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว! 

 

 

“ฉันไม่ได้โกหก!” เหนียนเสี่ยวมู่มองฟางหลานที่กำลังปลุกปั่นไม่ยอมหยุด เธอไม่มีอารมณ์จะแก้ตัวแล้ว จึงเดินไปข้างหน้า แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองกลับมา 

 

 

แม้เธอจะไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของซ่างซิน แต่ก็มีเบอร์โทรศัพท์ผู้จัดการของซ่างซิน 

 

 

ในเมื่อซ่างซินยอมมาพูดคุยเรื่องงานร่วมงานกับเธอด้วยตัวเอง ผู้จัดการก็น่าจะรับโทรศัพท์ 

 

 

ขอแค่เธอถาม ก็จะได้รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ 

 

 

“ในเมื่อไม่ได้โกหก งั้นเธอก็อธิบายให้ทุกคนฟังหน่อยสิ ว่าทำไมเลยเวลาสิบโมงไปแล้วซ่างซินถึงยังไม่ปรากฏตัว ป่านนี้แล้วเธอยังคิดจะล้อเล่นกับทุกคนอีกเหรอ” ฟางหลานคว้าโทรศัพท์มือถือไว้ไม่ยอมปล่อย แน่ใจเป็นแม่นมั่นว่าเหนียนเสี่ยวมู่แค่อยากหาข้ออ้าง 

 

 

“อยากให้ฉันคืนมือถือให้เธอก็ได้ แต่เธอต้องโขกหัวของโทษทุกคนก่อน!” 

 

 

“…” 

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่จ้องฟางหลาน สุดท้ายความอดทนเส้นสุดท้ายก็ขาดสะบั้น ทำให้เธอก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง 

 

 

ดวงตาสดใสส่องประกายเฉียบคมออกมา 

 

 

บรรยากาศกดดัน เปลี่ยนเธอราวกับเป็นคนละคนในทันที จากนั้นก็พูดอย่างชัดเจนทีละคำ “ฉันจะพูดอีกเป็นครั้งสุดท้าย คืนมือถือมาให้ฉัน!” 

 

 

“…” 

 

 

ฟางหลานถูกเหนียนเสี่ยวมู่จ้องมองจนหวาดหวั่น เกือบจะส่งโทรศัพท์มือถือคืนกลับไปอย่างว่าง่าย แต่พริบตาที่ยื่นมือออกไป เธอดึงสติกลับมา 

 

 

เธอสั่นศีรษะอย่างแรง และมองเหนียนเสี่ยวมู่อีกครั้ง 

 

 

“เธอ เธอขู่ฉันเหรอ เหนียนเสี่ยวมู่ ทุกคนอยู่ที่นี่กันหมด เธอคิดจะทำอะไรฉัน…โอ๊ย!” 

 

 

ฟางหลานยังพูดไม่ทันจบ เหนียนเสี่ยวมู่ก็ยื่นมือไปคว้าข้อมือเธอเอาไว้ แถมยังมองข้ามเสียงร้องเหมือนหมูถูกเชือดของเธออีกต่างหาก จากนั้นก็ตรงเข้ามาแย่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาจากมือของเธอ 

 

 

หลังจากนั้นฟางหลานก็ทรุดลงกับพื้น แล้วสะบัดมือ 

 

 

เธอนวดข้อมือที่เริ่มปวดขึ้นมา ครั้นคิดจะฟ้อง เหนียนเสี่ยวมู่ก็เงยหน้าเพื่อนร่วมงานรอบๆ แล้ว 

 

 

“ซ่างซินรับปากว่าจะมาวันนี้จริงๆ เรื่องนี้ยืนยันด้วยอีเมลของฉันได้ ฉันไม่ได้พูดโกหก” 

 

 

“เธอโกหก! ถ้าซ่างซินรับปากเธอแล้ว ทำไมถึงยังไม่มาล่ะ” ฟางหลานตะเกียกตะกายขึ้นขากพื้น พลางกัดฟันคำรามเสียงต่ำ 

 

 

พอคิดว่าเหนียนเสี่ยวมู่กล้าลงมือกับเธอต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ เธอก็อย่างจะพุ่งเข้าไปฉีกทึ้งอีกฝ่ายใจจะขาด! 

 

 

“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณมาขวางฉันไว้ ฉันก็โทรไปถามให้แน่ใจได้ตั้งนานแล้ว” เหนียนเสี่ยวมู่ชำเลืองมองเธอครั้งหนึ่ง ก่อนจะใช้โทรศัพท์มือถือต่อสายไปหาผู้จัดการของซ่างซิน 

 

 

ในสายมีเสียงดังอยู่สองครั้ง ก่อนจะถูกตัดสายไป 

 

 

เมื่อเห็นดังนั้น ฟางหลานก็ยิ้มขึ้นมาทันที “ทุกคนเห็นแล้วใช้ไหม ผู้จัดการของซ่างซินไม่รับสายของเธอด้วยซ้ำ เหนียนเสี่ยวมู่ เธอยังไม่ยอมรับอีกเหรอว่ากำลังโกหก…” 

 

 

แต่ฟ่งหลานยังพูดไม่จบ ก็เห็นเลขาแผนกต้อนรับแขกรีบร้อนวิ่งเข้ามาหาพวกเธอ 

 

 

“ซะ ซ่างซินมาแล้ว!”