2 ตอน

 

หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.349 – หมดสิ้นฝุ่นละออง

 

“ยี่ชา เจ้ากล้าที่จะข้ามหน้าข้ามตาข้าในการไต่สวนทรมานจิตวิญญาณ เข้าเอ่ยแทรกแซงคำถามอย่างกระทันหัน ข้าผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ” คณบดีส่ายหัว

 

“ท่านคณบดี ขออภัย นั่นเป็นเพราะข้ากระวนกระวายมากเกินไปจนเผลอทำอะไรล่วงเกินไม่ยั้งคิด” ยี่ชารีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

 

จอมมารชุดคลุมเลือดเอียงศีรษะของเขา มองไปยังยี่ชา เผยท่าทีสนอกสนใจ

 

“แต่เจ้าถึงขั้นกล้าที่จะลวงข้า ตรงจุดนี้ต่างหากที่มันน่าสนใจจริงๆ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

เมื่อเทียบเปรียบกับคณบดีที่ยุติธรรมและซื่อตรงแล้ว ปฏิกิริยาของจอมมารชุดคลุมเลือดต่างหาก ที่ส่งผลให้ส่วนลึกในหัวใจของยี่ชาเกิดการสั่นสะท้านจากอย่างแท้จริง

 

จอมมารชุดคลุมเลือดได้แสดงท่าทีให้เห็นว่าในหัวใจของเขาได้ตัดสินใจแน่นอนแล้ว

 

ยี่ชาสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง

 

“มันไม่ใช่อย่างนั้น ท่านต้องฟังข้านะ นังหนูนั่นพยายามที่จะบิดเบือนจริงๆ” ยี่ชากล่าว

 

เธอมองไปยังสองตัวตนทรงอำนาจแล้วเปล่งวาจาอย่างจริงใจ “ข้าสามารถสาบานด้วยเกียรติยศศักดิ์ศรีของผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์”

 

สองตัวตนทรงอำนาจมิกล่าวคำใด

 

อย่างไรก็ตาม ซูเซี่ยเอ๋อโน้มตัวออกมาจากทางด้านหลังจอมมารชุดคลุมเลือด

 

เธอเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ “ไม่ใช่ว่าท่านผู้ฝึกสอนพึ่งจะใส่ร้ายหนูต่อหน้าท่านอาวุโสหรอกเหรอ แถมยังข้ามหน้าข้ามตาท่านคณบดี แทรกแซงไต่สวนหนูอย่างมุทะลุ นี่ใช่สิ่งที่สมควรจะใช้เกียรติของผู้ได้รับเลือกจากสวรรค์มาอ้างจริงๆน่ะหรือ?”

 

เสียงของเธอกังวานไปอย่างรวดเร็ว ได้ยินฟังชัดไปทั่วทั้งจตุรัส

 

“ข้าไม่ได้ – ” ยี่ชาเปิดปากของเธอเพื่อโต้แย้ง

 

แต่ซูเซี่ยเอ๋อก็ขัดจังหวะเธอทันที “ถ้าหากคุณเป็นผู้บริสุทธิ์จริง โปรดทำการพิสูจน์ด้วยการทรมานจิตวิญญาณเหมือนกันกับหนูสิ”

 

เธอมองไปที่ยี่ชา และกล่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว “คุณกล้าที่จะพูดความจริงระหว่างการทรมานจิตวิญญาณรึเปล่าว่าคุณไม่ได้กำลังใส่ร้ายหนูจริงๆ?”

 

ยี่ชาหุบปากเงียบ ไม่กล้าเอ่ยคำใด

 

เธอมองไปยังซูเซี่ยเอ๋ออย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

ไม่คิดไม่ฝันเลยว่านังเด็กรุ่นเยาว์ผู้นี้ จะเติมเชื้อไฟด้วยวาจาไร้เดียงสา .. ช่างโหดเหี้ยมอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ

 

พูดความจริงระหว่างทรมานจิตวิญญาณ? ต้องการจะให้ข้าเปิดเผยเรื่องระบบด้วยตนเองรึไง?

 

สำหรับเรื่องนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดเพียงลำพัง

 

แม้ว่าในโลกนับไม่ถ้วน มันจะยังมีการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดมากกว่าระบบก็ตามที

 

อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา ว่าตนต้องการจะฆ่านักเรียน เพื่อที่จะครอบครองระบบแต่เพียงผู้เดียว

 

นักเรียนคนนี้มีพรสวรรค์สูงล้ำยิ่ง ไม่เพียงถูกคณบดีมองว่าเป็นคนสำคัญ แต่ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจอมมารชุดคลุมเลือดอีกด้วย

 

หากตนถูกไต่สวนทรมานจิตวิญญาณ ทุกอย่างก็เป็นอันจบสิ้น

 

ในจตุรัส เสียงของยี่ชาเงียบลง

 

ในสายตาของคนอื่นๆ ความเงียบของเธอเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ถึงความรู้สึกผิดของตนเอง

 

ดังนั้น ด้วยเหตุนี้ สิ่งต่างๆก็พอที่จะกระจ่างแจ้งแล้ว

 

ยี่ชามองไปยังดวงตาของทุกคน ในหัวใจของเธอหดหู่จนไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

 

ทันใดนั้นเธอก็พลันจดจำขึ้นมาได้ว่า อีกฝ่ายก็จำเป็นต้องบรรลุภารกิจที่ว่านี้เช่นเดียวกันกับตนเอง

 

ซูเซี่ยเอ๋อกำลังคิดหาวิธีที่จะกำจัดตนอยู่เหมือนกัน

 

และซูเซี่ยเอ๋อก็ไม่กล้าที่จะสารภาพยอมรับเรื่องของระบบ

 

ยี่ชาหันไปพูดกับซูเซี่ยเอ๋อทันที “นับประสาอะไรกับข้า ในเมื่อเจ้ายังไม่กล้า – ”

 

“เธอน่ะหรือไม่กล้า? เธอยอมรับการทรมานจิตวิญญาณด้วยตัวเองแล้ว เป็นเจ้าต่างหากที่ทำไมถึงยังไม่กล้า!” ในน้ำเสียงของคณบดี แฝงอารมณ์เกรี้ยวกราดไว้ด้วยเล็กน้อย

 

ยี่ชาชะงักงัน

 

แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายพึ่งยอมรับการทรมานจิตวิญญาณ ทำการถูกสอบสวนไป

 

คิ้วของยี่ชาขมวดเข้าหากัน ทั้งคนทั้งร่างสั่นไหวเล็กน้อย

 

หรือว่าจริงๆแล้วจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเธอกันแน่?

 

เพราะเหตุใด? เหตุใดข้าจึงถูกนังเด็กผู้นี้ไล่ต้อนจนสับสนถึงเพียงนี้

 

เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้น

 

มันเป็นเสียงของคณบดี

 

หลายปีมาแล้ว ที่ไม่มีใครกล้าจะขัดใจหรือทำให้เขาขุ่นเคือง เนื่องด้วยพลังอำนาจของเขา

 

แต่เหตุการณ์นี้ ทำให้เขารู้สึกโกรธอีกครั้งหลังจากผ่านมานานนับหลายสิบหลายร้อยปี

 

เขาเกือบที่จะถูกหลอกลวงต่อหน้าสาธารณะ

 

เพียงเพราะไว้ใจผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองมากเกินไป!

 

เพราะคำว่า ‘ไว้ใจ!’

 

ช่างเป็นคำที่ประชดประชัน เสียดสี แดกดันกันโดยแท้

 

คณบดีคลี่ม้วนหนังแกะออก และอ่านมันอย่างช้าๆ

 

“ผู้ฝึกสอนยี่ชา เจ้าเป็นบุคลากรที่มีส่วนร่วมลงทุนลงแรงกับทางสถาบันมานานปี เจ้าต้องการที่จะชดเชยความผิดพลาดของเจ้าด้วยผลงานของเจ้าหรือไม่? ” เขาเอ่ยถาม

 

“ชดเชยมันทั้งหมด!” ยี่ชาตะโกน

 

คณบดีพยักหน้าและกล่าว “หลังจากชดเชยแล้ว ความผิดร้ายแรงของเจ้าจะได้รับการยกเว้น ทว่าในฐานะที่เป็นถึงผู้ฝึกสอน แต่กลับทำให้สถาบันเสื่อมเสีย ใส่ร้ายนักเรียนฝึกหัด ผลการกระทำจากทั้งหมดนี้ก็คือ เจ้าจะต้องกล่าวคำขอโทษต่อหน้าสาธารณชน และระงับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะบุคลากร พร้อมกับถูกคุมขังเป็นเวลาหนึ่งปี”

 

“ยี่ชา เจ้ามีอะไรจะคัดค้านหรือไม่?”

 

ยี่ชาโค้งหัวลง ปากเอ่ยกล่าวเสียงกระซิบ “ข้าไม่คัดค้าน”

 

ถูกคุมขังหนึ่งปีอย่างกระทันหัน ด้วยฝีมือของนังเด็กน้อย!

 

บ้าจริง!

 

ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าก็ไม่มีทางที่จะสังหารนางได้ไปอีกสักพักแล้ว

 

สำหรับตอนนี้ มันจะเป็นการดีที่สุดที่จะปฏิบัติตามอย่างอ่อนน้อม และในภายหลังเดี๋ยวผู้ฝึกสอนอีกหลายคนที่มีสัมพันธ์อันดีกับตน ก็จะนำผลงานของพวกเขามาไถ่บาปตัวเธอที่ต้องถูกคุมขังเป็นเวลาหนึ่งปีเอง

 

เมื่อเวลานั้นมาถึง ไว้ค่อยคิดหาวิธีจัดการกับนังเด็กคนนี้อีกก็ได้

 

คราวนี้แหละ ข้าจะไม่ประมาทนางอีกต่อไป

 

คณบดีมองไปยังเหล่าอาวุโสและบรรดาผู้ฝึกสอนในอากาศ

 

เขาเอ่ยถาม “ยังมีผู้ใดคัดค้านการตัดสินใจนี้ของข้าอีกหรือไม่?”

 

ทุกคนเงียบ

 

ในเวลานี้ ไม่มีใครกล้าที่จะก้าวออกมาข้างหน้า และเอ่ยคำใดออกมา

 

แม้กระทั่งผู้ฝึกสอนหลายคนที่มีสัมพันธ์อันดีกับยี่ชา ก็ยังคงปิดปากของพวกเขาแน่น

 

—ไม่มีใครสามารถทนแบกรับความโกรธของคณบดีและอาวุโสบังคับกฏในเวลาเดียวกันได้หรอก

 

คณบดีพอเห็นเช่นนี้ ก็ค่อนข้างรู้สึกพอใจ

 

ในฐานะเจ้าบ้าน เขาไม่ได้ทำอะไรตามอารมณ์ตนเองแบบนี้มานานแล้ว

 

ความแข็งแกร่งของยี่ชาก็นับว่าไม่เลว ยังคงสามารถทำผลงานและประโยชน์ที่จับต้องได้มากมายมาสู่สถาบัน

 

ในอนาคต ยังมีอีกหลายสิ่งที่เธอยังสามารถทำได้

 

ดังนั้นการกักขัง และริบผลงานความสำเร็จทั้งหมดจากเธอ การลงโทษนี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว

 

เมื่อการลงโทษสิ้นสุดลง เธอก็จะได้ทำงานอย่างหนัก เพื่อรับใช้สถาบันและเพิ่มคะแนนผลงานของตนเอง

 

การจัดการด้วยวิธีนี้ นับว่าดีที่สุดแล้ว

 

ในที่สุด คณบดีก็มองไปทางซูเซี่ยเอ๋อและเอ่ยถามถึงคำตัดสินว่า “ในฐานะเหยื่อ เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?”

 

เด็กคนนี้ สมควรที่จะเป็นคนใจกว้าง และไม่เข้ามาก้าวก่ายกับผลการตัดสินใจของเขา

 

คณบดีเพียงแค่ได้คิด ซูเซี่ยเอ๋อก็กล่าวโดยไม่ลังเลว่า “หนูไม่มีความคิดเห็น”

 

ในหัวใจของคณบดียังไม่ทันได้ผ่อนปรนลง ก็ได้ยินซูเซี่ยเอ๋อเอ่ยเสริม “หนูไม่เข้าใจกฏและระเบียบข้อบังคับ ฉะนั้นหนูขอฟังและทำตามท่านคณบดีและท่านอาจารย์จะดีกว่า”

 

ในฐานะผู้มาใหม่ การเชื่อฟังคำตัดสินของคณบดี นี่นับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ

 

ในฐานะนักเรียน การเชื่อฟังคำตัดสินของอาจารย์ ก็เป็นคำตอบที่เหมาะสมเช่นกัน

 

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องขอบอกว่าเวลานี้คณบดีกำลังแอบกรีดร้องอยู่ในจิตใจ

 

นั่นเพราะตั้งแต่ต้นจนจบ เขามิได้เอ่ยถามความคิดเห็นของจอมมารชุดคลุมเลือดเลย จริงๆแล้วสมควรที่จะกล่าวว่าเขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยงมันเสียมากกว่า เพราะเจ้าหมอนี่มันเป็นคนที่อารมณ์เดือดจัดได้ง่ายสุดๆ

 

เมื่อใดก็ตามที่จอมมารชุดคลุมเลือดทำการตัดสินใจด้วยตนเอง แม้กระทั่งตัวเขาที่เป็นถึงคณบดีก็ต้องปวดหัว

 

ที่สำคัญก็คือ เหยื่อผู้เสียหายยังอยู่ฝั่งเดียวกันกับจอมมารอีก

 

สายตาของทุกคนเบนออกไปโดยไม่รู้ตัว และตกลงบนร่างของจอมมาร

 

“ข้าไม่เห็นด้วย” จอมมารชุดคลุมเลือดกล่าว

 

“แล้วความคิดเห็นของเจ้าคืออะไร?” คณบดีถอนหายใจและเอ่ยถาม

 

“ยี่ชาไม่ได้ใส่ร้ายนักเรียนฝึกหัด แต่เธอใส่ร้ายนักเรียนทางการ แถมยังเป็นนักเรียนทางการของข้าอีกด้วย!” จอมมารชุดคลุมเลือดกล่าว

 

ท่าทีการแสดงออกของซูเซี่ยเอ๋อบ่งบอกว่ากำลังหวาดกลัว เธอดึงชายแขนเสื้อของจอมมารด้วยความกระวนกระวาย พยายามที่จะหยุดยั้งข้อพิพาท และสร้างสันติกับฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

 

เธอลดเสียงลง และเอ่ยเตือนอย่างรวดเร็ว “อาจารย์! ท่านคณบดีตัดสินใจแล้ว อย่าโต้เถียงกันอีกเลย พวกเราก็ทำตามเถอะ”

 

จอมมารชุดคลุมเลือดมองเธอวูบหนึ่ง แต่มิได้ปฏิเสธคำเรียกขาน ‘อาจารย์’ ในครั้งนี้

 

เขากล่าวอย่างเฉียบขาดไปทางซูเซี่ยเอ๋อ “เซี่ยเอ๋อ เจ้าต้องจำเอาไว้ ว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นถึงอาวุโสบังคับกฏของสถาบันแห่งนี้ ดังนั้นการจะลงโทษผู้ใดมันย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของอาจารย์เจ้า”

 

ซูเซี่ยเอ๋อมองไปทางเขา แต่มิได้กล่าวคำใด

 

คณบดีถอนหายใจ และละทิ้งความคิดของเขาที่คิดจะต่อต้านทันที

 

แท้จริงแล้วเขาก็อยากจะลดโทษให้ยี่ชาอยู่หรอก อย่างน้อยก็เพื่อสถาบัน

 

แต่จอมมารชุดคลุมเลือดดูเหมือนว่าต้องการจะลงโทษยี่ชาสถานหนักตามกฏระเบียบ และแน่นอน แบบนั้นก็ไม่นับว่าผิดอะไร

 

เพราะนี่มันอยู่ในความรับผิดชอบและหน้าที่ของผู้อื่น ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เหยื่อเป็นศิษย์ของตัวเอง คณบดีย่อมรู้ดีว่าหากอีกฝ่ายยืนกราน ตัวเขาเองก็ยากที่จะขัดขืน

 

หากเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างตนและอาวุโสบังคับกฏ มันจะนับว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของสถาบัน สูญเสียยิ่งกว่าการเสียผู้ฝึกสอนคนหนึ่งไปอย่างเทียบไม่ติด

 

ได้ยินเพียงเสียงของจอมมารชุดคลุมเลือดกล่าว “หลอกลวงคณบดีและข้า , แทรกแซงการทรมานจิตวิญญาณ ป้ายสีนักเรียนทางการ ตามกฏของสถาบัน สมควรจะถูกไล่ออก และไม่ได้รับอนุญาตให้ย่างกรายขึ้นมาบนเกาะหมอกอีกต่อไป”

 

เงียบสงัด

 

คณบดีไม่เอ่ยคำใดออกมา

 

ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าจอมมารชุดคลุมดำจะโหดร้ายถึงเพียงนี้

 

หากไม่สามารถเข้าสู่เกาะได้อีกต่อไป ก็คงทำได้เพียงเตร็ดเตร่จากโลกหนึ่งไปสู่อีกโลกหนึ่ง เผชิญหน้ากับเส้นทางอันไร้ที่สิ้นสุด

 

คณบดีพูดอย่างใจเย็นว่า “นี่คือคำตัดสินอย่างเป็นทางการของเจ้าใช่หรือไม่?”

 

จอมมารชุดคลุมเลือด “ในฐานะอาวุโสบังคับกฏ ข้ามีสิทธิ์ที่จะที่จะตัดสินความยุติธรรมมากที่สุด และข้าเชื่อว่าทุกคนจะไม่มีใครคัดค้านความคิดเห็นนี้”

 

วิสัยทัศน์ของเขา กวาดผ่านไปยังผู้ชมโดยรอบ

 

ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเลยในเวลานี้

 

คณบดีกล่าว “เนื่องจากทุกคนไม่มีใครคัดค้าน … ”

 

ยี่ชารีบขัดอย่างรวดเร็ว “ข้าขอคัดค้าน อันที่จริงแล้วข้าก็แค่อยากจะรับเธอ – ”

 

“หุบปาก! หรือเจ้าต้องการจะสู้กับข้าเดี๋ยวนี้ ต้องการจะตายลงตรงนี้เลยใช่ไหม?” จอมมารชุดคลุมเลือดตะคอกด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

 

ทะเลเลือดบนท้องฟ้ากำลังเดือดพล่าน

 

ยี่ชาหุบปากลงในทันใด

 

เธอยังไม่คิดจะตายในตอนนี้

 

“เอาล่ะๆ ยี่ชา ที่นี่ก็ถึงเวลาชดใช้การกระทำของเจ้าแล้วนะ” คณบดีถอนหายใจ

 

ปงงงง!

 

พริบตานั้นบังเกิดกระแสอากาศกระโดดออกมาจากร่างของยี่ชาอย่างรวดเร็ว

 

ยี่ชาเปิดปาก แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใด

 

วินาทีต่อมา ทั้งคนทั้งร่างของเธอก็หายลับไป

 

เธอได้ถูกจับแยกออกไป ถูกปฏิเสธโดยเกาะหมอก

 

นับจากช่วงเวลานี้ไป เธอจะไม่มีวันหยั่งเท้าลงบนเกาะหมอกได้อีกต่อไป

 

ภายนอก มันเป็นมหาสมุทรแห่งซากศพ และหากเธอไม่พยายามหาวิธีแก้ไขโดยเร็วที่สุด เธอก็จะตายลงที่นั่น

 

ซูเซี่ยเอ๋อมองไปยังฉากนี้ กรามขบแน่นจนฟันกระทบกันอย่างรุนแรง

 

ฉันทำได้แล้ว!

 

ยี่ชาถูกบังคับให้ออกจากที่นี่ และไม่สามารถกลับมาได้อีก

 

ตามคำอธิบายของภารกิจผู้ทดสอบ ยี่ชาจะไม่สามารถครอบครองระบบได้ตามที่ตัวเองต้องการได้อีกต่อไป!

 

ซูเซี่ยเอ๋อมองไปยังหน้าต่างระบบ

 

แน่นอน ว่ามันมีตัวอักษรขนาดเล็กร้อยเรียงกันเป็นสามบรรทัดปรากฏขึ้นอยู่ภายในนั้น

 

“ผู้เล่นที่ทำการทดสอบได้ออกจากระยะของเกาะหมอก”

 

“การตัดสิน : ผู้เล่นที่ทำการทดสอบได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว”

 

“จำนวนผู้เล่นทดสอบที่เหลืออยู่ : 1 คน”

 

“ภารกิจเสร็จสิ้น”

 

“คุณสามารถบรรลุภารกิจ : บุคคลที่สวรรค์แต่งตั้ง”

 

“นับจากนี้ไป ระบบจะเป็นของคุณแต่เพียงผู้เดียว”

 

อารมณ์ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กระชากหัวใจของซูเซี่ยเอ๋อ

 

ซูเซี่ยเอ๋อรู้สึกร้อนรุ่มในดวงตาของเธอ และรีบฝืนปรามมันลง

 

นี่นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นฉันจะไม่ร้องไห้!

 

คณบดีที่เงียบไปสักพัก ได้เปล่งเสียงออกมาอีกครั้ง “เอาล่ะ การพิพากษาจบลงแล้ว คนอื่นๆจะทำการเลือกนักเรียนอย่างเป็นทางการของตัวเองซะ”

 

สิ้นประโยคนี้ ผู้ฝึกสอนหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า

 

พวกเขาร่อนลง และมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายของตนเอง

 

ผู้เข้าร่วมการทดสอบกำลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ คาดหวังว่าพวกเขาจะก้าวเข้าสู่บ้านหลังใหม่ที่ดี

 

จอมมารชุดคลุมเลือดมองไปที่ซูเซี่ยเอ๋อ

 

เห็นแค่เพียงดวงตาของเธอที่แดงระเรื่อราวกับจะร้องไห้ แต่กำลังฝืนกลั้นเอาไว้

 

เจ้าเด็กคนนี้ คงกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างตนกับคณบดี ช่างอ่อนแอเหลือเกิน

 

จอมมารชุดคลุมเลือดคิดเช่นนั้น ในหัวใจก็บังเกิดความพึงใจอันยากจะอธิบายขึ้น

 

“เซี่ยเอ๋อ ไปกันเถิด” เขากล่าว

 

“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว

 

และทั้งสองก็ปลีกตัวออกจากจตุรัสไป