บทที่ 147 โลกนี้ไม่มีของฟรีหรอก / บทที่ 148 วิธีจีบสาว

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 147 โลกนี้ไม่มีของฟรีหรอก

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้น

 

 

ก่อนไปห้องเรียน เยี่ยหวั่นหวันกลับมาที่หอพักก่อน

 

 

ยังไม่ทันที่เธอจะหยิบกุญแจออกมา ประตูห้องก็โดนคนด้านในเปิดออก “หวั่นหวัน เธอกลับมาแล้ว!”

 

 

เจียงเยียนหรานยืนอยู่หน้าประตูสีหน้าดีใจ คิดว่าน่าจะได้ยินเสียงฝีเท้าเธอเดิน

 

 

อยู่คนเดียวจนชิน ความรู้สึกที่จู่ๆ มีคนมาเปิดประตูให้ตัวเองทำให้เยี่ยหวั่นหวันอึ้งไป

 

 

“อืมๆ! เล่าให้ฉันฟังเร็ว เดทเมื่อคือเป็นยังไงบ้าง?” เยี่ยหวั่นหวันรอไม่ไหวเม้ามอยขึ้นมา

 

 

เจียงเยียนหรานลังเลเล็กน้อย แล้วพูด “ฉันบอกความจริงกับฉู่เฟิงไปแล้ว”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันอึ้งไป “หา? เธอบอกอะไรเขาไป?”

 

 

“ฉันบอกเขาว่า ที่นัดเขาออกมาเป็นความคิดของเธอ ส่วนตัวฉันเองที่จริงแล้วตอนแรกก็คิดจะใช้เขามาทำให้ซ่งจื่อหางโกรธ ฉันไม่อยากหลอกใช้เขา ดังนั้นเลยพูดกับเขาอย่างชัดเจน ด้วยสถานการณ์ของฉันในตอนนี้ ไม่สามารถมีความรักครั้งใหม่ได้ทันที มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขา” เจียงเยียนหรานตอบ

 

 

“เอาเถอะ…” เยี่ยหวั่นหวันถอนหายใจ

 

 

ด้วยนิสัยของเจียงเยียนหราน เธอก็พอเดาได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาแบบนี้ ตอนแรกเธอก็ไม่ได้หวังว่าสองคนนี้จะคบกับเร็วขนาดนี้

 

 

“ไม่เป็นไร ยังไงก็เป็นเพื่อนกันไปก่อนได้ นิสัยฉู่เฟิงก็ไม่แย่เลย เธอไม่ต้องคิดมาก” เยี่ยหวั่นหวันปลอบ

 

 

“อืม” เจียงเยียนหรานพยักหน้า แล้วพูดต่อ “ใช่แล้ว เมื่อคืนพ่อฉันโทรมาหา บอกว่าอ้างว่าเงินลงทุนมีปัญหาเลยไม่ได้โอนเงินให้ตระกูลซ่ง ขณะเดียวกันก็แอบดึงเงินทุนที่สองตระกูลร่วมมือกันกลับมา ฝั่งนั้นไม่ได้สงสัยอะไร”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันยิ้ม “คุณลุงเจียงลงมือย่อมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เธอวางใจได้! ไปเถอะ ลงไปกินข้าวกัน!”

 

 

ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกันก็เก็บหนังสือเรียนลงไปด้วย

 

 

กำลังจะไปกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกัน โชคไม่ดีบังเอิญเจอกับคนที่ทำให้ไม่อยากอาหาร

 

 

ในมือซ่งจื่อหางถือน้ำเต้าหู้และเกี๊ยวนึ่ง จู่ๆ ก็เข้ามาขวางทางทั้งสองคน ใบหน้าหล่อนั้นเห็นได้ชัดว่ายิ้มแบบไม่เต็มใจ มองไปทางเจียงเยียนหรานแล้วพูด “เยียนหราน ยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหม ผมซื้อมาให้คุณแล้ว คุณชอบน้ำเต้าหู้กับเกี๊ยวนึ่งร้านเซียงหม่านโหลวที่สุดไม่ใช่เหรอ?”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันมองดูสถานการณ์ เลิกคิ้วเล็กน้อย ชิ โลกนี้ไม่มีของฟรีหรอก…

 

 

แปดสิบเปอร์เซ็นต์ต้องเป็นเพราะฝั่งตระกูลซ่งไม่ไว้วางใจ เลยเตือนมาทางซ่งจื่อหางสินะ

 

 

เวลานี้เพิ่งคิดจะมาเตือน สายไปเสียแล้ว

 

 

มองดูสีหน้าที่อ่อนโยนเพียงเล็กน้อยของซ่งจื่อหาง เจียงเยียนหรานก็เคลิ้มขึ้นมาทันที แต่ก็เปลี่ยนสีหน้าเย็นชาอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่ชอบ น้ำเต้าหู้ร้านนั้นคาวไป เกี๊ยวนึ่งก็ไม่อร่อย เฉินเมิ่งฉีต่างหากที่ชอบ”

 

 

ซ่งจื่อห่างสีหน้าแข็งทื่อขึ้นมาในทันใด “เอ่อ… เฮ้อ งั้นหรอกหรือ? ผมเคยซื้อให้คุณครั้งหนึ่ง ผมจำได้แม่นคุณบอกว่าชอบมากนี่!”

 

 

เจียงเยียนหรานยิ้มเยาะในใจ นั่นเป็นเพราะว่าเขาอุตส่าห์ซื้ออาหารเช้าให้ตัวเองเป็นครั้งแรก เธอจะไม่ชอบได้ยังไง?

 

 

ตอนนี้คิดดูแล้ว ตอนนั้นเขาซื้อมาเยอะมาก แล้วยังกำชับให้เธอแบ่งให้คนที่หอกินด้วยกัน

 

 

แบ่งให้คนอื่นกินอะไรกัน เห็นชัดว่าตั้งใจซื้อให้เฉินเมิ่งฉีสินะ!

 

 

ตั้งแต่ตอนนั้น สองคนนี้ก็แอบคุยกันแล้ว แล้วยังทำต่อหน้าเธอด้วย

 

 

“แต่ว่าผมซื้อมาแล้ว ไม่กินก็เสียของแย่ คุณรับไว้เถอะ!” ซ่งจื่อหางพูดแล้วก็จะยัดอาหารเช้าใส่มือเธอ

 

 

เยี่ยหวั่นหวันอยู่ข้างๆ มองดูก็พูดไม่ออก ขนาดจะเอาใจยังไม่มีความจริงใจขนาดนี้เลย เห็นคนเขาเป็นถังขยะรีไซเคิลหรือไง? หรือเขาคิดว่าทุกคนจะโง่เหมือนเขากันหมด?

 

 

…………………………………………………………………….

 

 

 

 

 

 

บทที่ 148 วิธีจีบสาว

 

 

เมื่อกี้ตอนที่มองเห็นซ่งจื่อหางแต่ไกล เยี่ยหวั่นหวันก็แอบส่งข้อความไปหาฉู่เฟิงอย่างลับๆ

 

 

ส่วนจะคว้าโอกาสไว้ได้ไหม อยู่ที่สติปัญญาของนายนั่นแล้ว

 

 

เยี่ยหวั่นหวันละสายตาจากมือถือมา มองซ่งจื่อหางด้วยสีหน้าสงสัยแล้วถามออกไป “หัวหน้าซ่ง เยียนหรานก็บอกแล้วว่าเธอไม่ชอบ ทำไมถึงต้องบังคับให้เธอกินด้วย เธอไม่ใช่ถังขยะเสียหน่อย…”

 

 

พอซ่งจื่อหางได้ยิน ใบหน้าบึ้งตึงทันที หันไปจ้องเยี่ยหวั่นหวันด้วยสีหน้าดุร้าย “ถังขยะอะไร ยัยอัปลักษณ์ เธออย่ามายุให้คนเขาไม่ลงรอยกัน ฉันก็แค่ไม่อยากให้เสียของเท่านั้น!”

 

 

ซ่งจื่อหางไม่สนใจเยี่ยหวั่นหวันอีก กลั้นความโกรธเอาไว้แล้วเอาใจต่อ “เยียนหราน เรื่องก่อนหน้านี้ ผมรู้ว่าผมทำเกินไปหน่อย แต่ถ้าคุณไม่ได้ทำร้ายเฉินเมิ่งฉีก่อน ผมก็จะไม่ทำแบบนั้น ตอนนั้นถ้าผมไม่ออกหน้าอธิบายให้เฉินเมิ่งฉี เธอจะโดนคนมากมายเท่าไรเข้าใจผิดและโจมตี? คุณสนิทกับเฉินเมิ่งฉีขนาดนั้น หรือว่าคุณทนได้?”

 

 

เจียงเยียนหรานคิดว่าตัวเองจะปวดใจ แต่พอได้ยินคำพุดพวกนี้อีก กลับเหลือแค่ความรู้สึกชา ยิ้มอ่อนๆ แล้วพูด “ดังนั้นคุณก็เลยทนให้ฉันโดนเข้าใจผิดและโจมตีได้ ใช่ไหม?”

 

 

ซ่งจื่อหางไม่เคยเห็นเจียงเยียนหรานอยู่ในสายตามาก่อน ตอนแรกคิดว่าแค่เขาดีกับเธอนิดเดียว เธอต้องรู้สึกปลาบปลื้ม รีบแจ้นกลับมาแน่นอน ใครจะรู้ว่าเจียงเยียนหรานกลับไม่ไว้หน้าเขาอย่างนี้เลย

 

 

ดังนั้นซ่งจื่อหางค่อยๆ หมดความอดทน สีหน้าเย็นชาถือถุงพลาสติกในมือ น้ำเสียงมีแววรำคาญดูเหยียดหยาม “เยียนหราน คอมเม้นจากในอินเตอร์เน็ตนั้นผมก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกัน อีกอย่างพวกเขาพูดคัดค้านคุณแค่ไม่กี่คำ ไม่ได้ทำอะไรให้ตัวคุณเสียหายเลย หรือว่าเพราะเรื่องเล็กน้อยนี้ทำให้คุณตัดขาดจากผมไปเลย? ถึงแม้ผมจะไม่ตั้งใจจำของที่คุณชอบผิด แต่ผมขอโทษคุณจากใจจริง!”

 

 

ปากบอกว่าใจจริง แต่น้ำเสียงคำพูดนี้ไม่มีสักคำที่แสดงออกถึงความจริงใจเลย

 

 

ซ่งจื่อหางยังคงพูดจาเสแสร้งอยู่ ทันใดนั้น มีเงาคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาด้านหน้าพวกเขาเหมือนลมที่พัดมา

 

 

เห็นแค่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใบหน้าหล่อเหงื่อชุ่มวิ่งมาด้านหน้าพวกเขา ก้มตัวลงหอบ “เยียน… เยียนหราน…”

 

 

“ฉู่เฟิง…” เจียงเยียนหรานรู้สึกตกใจมองไปทางฉู่เฟิงที่เหงื่อซึมออกมาบนเสื้อผ้า “คุณมาทำอะไร?”

 

 

“ผมไม่เป็นอะไรไม่เป็นอะไร! ผมซื้ออาหารเช้ามาให้คุณ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าคุณชอบกินอะไร ดังนั้นเลยซื้อมาหมดเลย!”

 

 

เห็นฉู่เฟิงไม่มีแม้แต่มือว่างจะปาดเหงื่อ ในมือถือถุงเล็กถุงใหญ่ กระทั่งแขนยังมีถุงแขวนเต็มไปหมด ไม่ได้พูดเกินไป แต่คนที่ไม่รู้จะคิดว่าเขาคือเด็กส่งอาหาร!

 

 

มองดูห่อแล้ว ฉู่เฟิงก็ซื้อมาจากร้านเซียงหม่านโหลวเช่นเดียวกัน แต่แทบจะซื้อมาหมดทุกเมนูของเซียงหม่านโหลวเลย

 

 

เปรียบเทียบวิธีการและความจริงใจในการจีบหญิงสาวแล้ว น้ำเต้าหู้แก้วหนึ่งและเกี๊ยวนึ่งกล่องหนึ่งของซ่งจื่อหางนั้นด้อยจนดูไม่ได้ไปเลย!

 

 

เป็นอย่างที่คิด ซ่งจื่อหางเห็นฉู่เฟิงสีหน้าก็เปลี่ยน พอมองของในมือเขาอีกครั้ง หน้ายิ่งดำเหมือนก้นหม้อเลย

 

 

เจียงเยียนหรานอึ้งไป “แต่…เยอะมากขนาดนี้… ฉันจะกินหมดมากขนาดนี้ได้ยังไง…”

 

 

ฉู่เฟิงตอบทันที “คุณเลือกของที่คุณชอบไปก็พอแล้ว!”

 

 

“แบบนั้นก็สิ้นเปลืองสิ?”

 

 

“ไม่หรอก ไม่หรอก ที่เหลือผมจะเอาไปให้พวกเด็กในชั้นเรียนกิน พวกนั้นต้องดีใจตาย! คุณรีบเลือกเถอะ!”

 

 

เจียงเยียนหรานมองเหงื่อบนใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม และนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น คำพูดปฏิเสธวนอยู่ในปากหลายรอบ ในที่สุดก็ไม่ได้พูดออกไป “งั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะ”