ตอนที่ 49 ความอัปยศครั้งยิ่งใหญ่

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

“นี่…” เจ้าสำนักสวีดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ ขมวดคิ้วพูดว่า “นี่คือเหตุผลที่ข้าเรียกพวกท่านให้มาที่นี่” 

 

 

เขายกกระดาษคำตอบที่เหลือในมือขึ้นมาสะบัด กล่าวว่า “หลังจากได้รับกระดาษคำตอบนี้ ข้าก็ส่งศิษย์คนหนึ่งไปตรวจสอบข้อมูลของคนผู้นี้ทันที ถึงได้รู้ว่าผู้ที่เขียนคำตอบนั้นเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งที่อายุเพียงยี่สิบสี่ และ…นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาขึ้นทะเบียน” 

 

 

“อะไรนะ!” ทุกคนตกตะลึง และแม้แต่เจียวเหิงอีก็นิ่งไป ความดีใจของเขาลดหายลงไป “เป็นไปได้อย่างไร ข่ายพลังบนกระดาษนี้ เป็นผลมาจากการคำนวณทีละขั้นตอน ต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับข่ายพลังมากมายถึงจะคำนวณออกมาได้ หญิงสาววัยยี่สิบกว่าจะ…” 

 

 

วิชาข่ายพลังนั้นเรียนรู้ได้ยาก เพราะมีหลายสิ่งที่ต้องให้ความสนใจและคำนวณ ดังนั้นผู้ที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้โดยทั่วไปคือผู้อาวุโสอย่างน้อยห้าสิบหรือหกสิบไปแล้ว 

 

 

“ท่านเจ้าสำนัก อาจเป็นศิษย์ด้านล่างทำผิดพลาดไปหรือไม่” คนอื่นก็ไม่เชื่อว่าข่ายพลังนี้จะมาจากมือหญิงสาวอายุน้อย 

 

 

สวีชิงเฟิงส่ายหัว “ข้าตรวจสอบมาหลายครั้งแล้ว อีกทั้งยังได้ตรวจสอบหินจำภาพด้วยตัวเอง กระดาษข้อสอบนี้เป็นของหญิงสาวผู้นั้นจริงๆ” 

 

 

ทุกคนเงียบอีกครั้ง สักพักเจียวเหิงอีถึงได้พูดขึ้นเป็นเชิงถาม “หรือว่านางมาจากสำนักลับอะไร ถึงได้รู้จักข่ายพลังที่สูญหายไปแล้วนี้” 

 

 

สวีชิงเฟิงขมวดคิ้วลึกขึ้น พูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าลืมบอกทุกคนไป ตอนที่หญิงสาวคนนี้ลงทะเบียน นางอ้างว่ามาจากสำนักชิงหยาง!” 

 

 

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที ผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นและตื่นเต้นอยู่เมื่อครู่ก็เลิกคิ้วขึ้นและมีสีหน้าไม่พอใจ 

 

 

“เหลวไหล!” เฉินเต้าหย่วนอดไม่ได้ที่จะตำหนิว่า “ตอนนี้ยังมีสำนักชิงหยางที่ไหนกัน?” ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ากระดาษในมือของเขาไม่น่าทึ่งเหมือนในตอนแรก 

 

 

ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง 

 

 

“ท่านเจ้าสำนักขอให้เรามาที่นี่ มีแผนอะไรหรือไม่” เจียวเหิงอีถามออกมา 

 

 

สวีชิงเฟิงขมวดคิ้ว พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าต้องการให้ท่านอาวุโสเฉินปล่อยให้นางเข้าสู่การทดสอบในสนามสอง จากนั้นให้ท่านอาวุโสเจียวเป็นผู้ทดสอบด้วยการสร้างข่ายพลัง หากนางสามารถทำลายข่ายพลังออกมาได้ ก็ถือเป็นความโชคดีที่เสวียนเหมินของพวกเรากำเนิดอัจฉริยะด้านข่ายพลังอีกคน แต่หากทำไม่ได้…” ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมมากขึ้น กวาดตามองทุกคนด้วยท่าทางจริงจัง “ข้าเกรงว่าพวกเราต้องตรวจสอบปัญหาภายในของสำนักเทียนซือแล้ว” 

 

 

กระดาษคำตอบนี้สมบูรณ์แบบเกินไป อย่าเพิ่งพูดถึงรูปข่ายพลังด้านหลัง เพียงแค่คำตอบหลายสิบข้อที่อยู่ข้างหน้า ก็ถือเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในบรรดาทุกคน คงจะดีหากนางตอบด้วยตัวเอง หากไม่…ก็เป็นไปได้ว่าใครบางคนในสำนักเทียนซือทำข้อสอบรั่วไหลออกไป ดังนั้นอีกฝ่ายจึงเตรียมคำตอบไว้มากมายล่วงหน้าเช่นนี้ 

 

 

ทุกคนเข้าใจความหมายของเจ้าสำนักสวี ทันใดนั้นสีหน้าทุกคนล้วนแสดงออกถึงความหนักใจ เจียวเหิงอีซึ่งอยู่ด้านข้างก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ได้! เรื่องนี้ข้าจัดการเองท่านเจ้าสำนัก 

 

 

… 

 

 

วันที่สอง ทางเข้าสำนักเทียนซือ 

 

 

ทั้งสามคนที่ยังไม่รู้เรื่องกำลังค้นหาชื่อของพวกเขาอย่างจริงจังบนกำแพงหินหน้าลานกว้าง เนื่องจากต้องใช้เวลาในการตรวจสอบกระดาษคำตอบ การทดสอบครั้งที่สองจึงถูกกำหนดไว้เป็นวันถัดไป และบนกำแพงหินหน้าลานกว้างจะมีประกาศผู้ที่ผ่านการทดสอบ 

 

 

นั่นเป็นกำแพงหินที่มีความสูงราวห้าถึงหกเมตร ผู้ที่มาทดสอบมีมากเกินไป ด้านบนเขียนเต็มไปด้วยรายชื่อ 

 

 

อาจเป็นเพราะการทดสอบครั้งแรกไม่ยาก โดยทั่วไปแล้วจะผ่าน และป้ายสอบที่ออกให้ในตอนต้นนั้นจะแสดงผลการสอบว่าผ่านหรือไม่ จึงไม่ค่อยมีคนมาดูผลมากนัก 

 

 

 

 

 

ทั้งสามคนมาสาย เมื่อมาถึงก็พบว่ามีคนจำนวนมากเข้าแถวเพื่อเข้าการทดสอบรอบที่สองแล้ว พวกเขารอจนค่อนข้างเบื่อหน่าย ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาดูอันดับ ทั้งสามคนเงยหน้ามองหาชื่อของตัวเองเป็นเวลานาน 

 

 

จู่ๆ ก็มีอีกคนมายืนอยู่ข้างๆ เมื่อดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นคนนั้นคือคนที่มาขอซื้อห้องพักของพวกเขาต่อเมื่อไม่กี่วันก่อน เขาก็สังเกตเห็นทั้งสามคน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที จากนั้นเขาก็มองขึ้นไปที่ด้านบนสุดของรายชื่อ คิ้วของเขาก็เลิกขึ้น ดูเหมือนว่าจะพอใจกับอันดับของตนเองเป็นอย่างมาก จากนั้นส่งเสียงเย็นในลำคอให้ทั้งสามคนก่อนจะหันหลังไปเข้าแถวข้างหน้า 

 

 

ทั้งสามคน “…” 

 

 

พวกเขาไม่สนใจเหมือนกัน สุดท้ายพวกเขาก็เป็นคนที่ได้เงิน ทั้งสามยังคงมองหาชื่อของตัวเองต่อไป 

 

 

“เจอแล้วๆ !” สักพักชายแก่ก็ชี้ไปยังข้างบนอย่างตื่นเต้น “ดูสิ เจ้าหนู คนที่เจ็ดสิบแปด ข้าอยู่ตรงนั้น” 

 

 

“ข้าก็เจอแล้วเหมือนกัน หนึ่งร้อยสาม” ตาโจวเดินเข้ามาอย่างมีความสุข และตบไหล่ไป๋อวี้เบาๆ ก่อนจะพูดว่า “ไม่เลว ตาไป๋ เข้าร้อยอันดับแรกด้วย ข้าได้ยินมาว่าหากรายชื่ออยู่ในร้อยอันดับแรก จะต้องเข้าสู่การทดสอบรอบสามเกือบทุกคน หากโชคดียังสามารถเลื่อนขั้นถึงเทียนซือห้าเหรียญ!” 

 

 

“ฮ่าๆ..ว่าไปๆ” ชายแก่หัวเราะอย่างมีความสุข ก่อนจะพูดว่า “เป็นเพราะเจ้าหนูสอนดี” 

 

 

“หือ?” ตาโจวผงะไปครู่หนึ่ง ใครสอน? 

 

 

ชายแก่รู้ตัวว่าพลั้งปากไป ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องไปทันที มองไปที่อวิ๋นเจี่ยวด้านข้าง “เอ่อ…เจ้าหนู เจ้าเจอชื่อของตัวเองหรือยัง” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวขมวดคิ้วเบาๆ หยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ข้าเจอแล้ว” 

 

 

“ไหนล่ะ” เขาเงยหน้าขึ้นมองไปด้านบน ตามความสามารถอันวิเศษ…และชาญฉลาดของเจ้าหนู นางต้องอยู่ในอันดับต้นๆ แน่ 

 

 

“อยู่นั่น!” อวิ๋นเจี่ยวยื่นมือออกไป ชี้ตรงไปที่มุมล่างขวาของกำแพงหินบรรทัดสุดท้าย 

 

 

ชายแก่และตาโจวตกตะลึงและมองไปในทิศทางที่นางกำลังชี้ พวกเขาเห็นตัวอักษรสีดำขนาดเล็กที่ด้านล่าง ซึ่งเขียนไว้ว่า หนึ่งพันเจ็ดร้อยหกสิบแปด อวิ๋นเจี่ยว! 

 

 

ไป๋อวี้ “…” 

 

 

ตาโจว “…” 

 

 

(⊙_⊙) 

 

 

ทั้งสองยืนนิ่งอยู่ครึ่งนาทีก่อนจะตอบ ใบหน้าของพวกเขาดูเหลือเชื่อ 

 

 

“นี่… เป็นไปได้ยังไง! สำนักเทียนซือทำผิดแน่” 

 

 

“ใช่ เจ้าหนู เจ้าจะอยู่บนพื้นได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน” 

 

 

“สหายอวิ๋น ท่านลืมใส่ป้ายประจำตัวหรือเปล่า ถึงทำให้พวกเขาจำผิด?” 

 

 

“ไม่ได้ ข้าต้องไปถามพวกเขา!” 

 

 

ชายแก่คิดจะพุ่งเข้าไปด้วยความโกรธ 

 

 

“กลับมา!” อวิ๋นเจี่ยวดึงเขากลับมาด้วยความรวดเร็ว นางมองไปที่ทางเข้าของการทดสอบครั้งที่สองด้านหน้า “สอบให้เสร็จก่อน!” 

 

 

ทั้งสองมองดูผู้คนที่ต่อแถวอยู่ข้างหน้า ตอนนี้มีคนไม่มากแล้ว หากพวกเขาไปหาคำตอบตอนนี้เท่ากับพวกเขาคงละทิ้งการทดสอบครั้งที่สอง จึงทำได้เพียงระงับความโกรธ และเข้าไปในสนามสอบ 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวเหลือบมองรายชื่อของตนเองที่อยู่บนพื้นอีกครั้ง ตอนนี้นางเองยังไม่รู้จะทำยังไง ในใจรู้สึกอึดอัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นครั้งแรกตั้งแต่นางเกิด ที่ชื่อของนางอยู่ที่อันดับสุดท้าย นี่เป็นความอัปยศครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว! 

 

 

นางสูดหายใจเข้าลึกๆ ละทิ้งความคิดว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไป ก่อนจะหันหลังกลับและเดินเข้าไปทางทางเข้าสนามสอบที่สอง 

 

 

บางที…นางควรจะจริงจังมากกว่านี้แล้ว