ร่างกายที่ว่องไวของกู้ชูหน่วนขยับวูบ ทว่ามือใหญ่ของเขาติดเป็นเงาตามตัว ไม่ว่านางจะหลบอย่างไรก็ไม่มีทางหลบพ้น

ด้วยความจนใจ กู้ชูหน่วนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลิ้งไปบนพื้นเหมือนปลาไหลที่จนตรอกสุดขีด นั่นเองจึงหลบการโจมตีได้

เมื่อครู่นี้นางรู้สึกได้ถึงความตายที่ย่างกรายลงมาบนหัว

ถ้าชายผู้นี้มีเจตนาจะฆ่าจริงๆ แค่มือเพียงข้างเดียวก็พอจะคร่าชีวิตนางได้แล้ว

นางยิ้มราวกับพวกสุนัขรับใช้ “ท่านอ๋องช่างสูงส่งยิ่งนัก แค่พลิกฝ่ามือก็ควบคุมเมฆควบคุมฝนได้ แน่นอนว่าท่านคงไม่ทำอะไรผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อ่อนแออย่างข้าใช่หรือไม่”

“ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อ่อนแอ?”

เฮอะ

นางน่ะหรืออ่อนแอ

แม้แต่กับผู้ชายยังกล้าแข็งข้อ ยังจะเรียกว่าผู้หญิงอ่อนแออีกหรือ

“ใช่สิเจ้าคะ ท่านลองดูแขนขาเล็กๆ ของข้าซี ข้าจะทำร้ายท่านได้อย่างไร เรื่องก่อนหน้านี้ข้ารู้ว่าข้าผิด ท่านเป็นผู้สูงศักดิ์ ให้อภัยคนต่ำต้อยอย่างข้าสักครั้ง แล้วข้าสัญญาว่าต่อไปจะไม่เอาเปรียบท่านอีก…”

พรึบ…

อุณหภูมิในรถม้าลดลงถึงขีดสุด

สีหน้าของเยี่ยจิ่งหานกลายเป็นสีดำทะมึน พร้อมกันนั้นจิตสังหารอันบางเบาก็แผ่ออกมา

กู้ชูหน่วนแอบส่งเสียงไม่พอใจและรีบพูดต่อหน้านักฆ่าอย่างเยี่ยจิ่งหานว่า

“ท่านอ๋อง ถึงอย่างไรข้าก็เคยช่วยชีวิตท่านไว้ บุญคุณและความแค้นของเราถือว่าหายกัน”

“เจ้าคิดอย่างนั้นรึ”

กู้ชูหน่วนไม่ใคร่สบายใจ

นางรู้สึกว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

“เช่นนั้น เรามาพูดถึงข้อตกลงกันดีกว่า”

“เฮอะ… เจ้ามีสิทธิ์งั้นหรือ” เยี่ยจิ่งหานชายตามองนางราวกับมองมดปลวกที่เป็นเหมือนผงธุลี

“ใช่ สิทธิ์ของข้า ข้า…”

ปึ่ง!

รถม้าหยุดลงอย่างกะทันหัน ส่งผลให้กู้ชูหน่วนหน้าคะมำทันทีเพราะขาของนางไม่มั่นคง

นางมองเห็นว่าตรงหน้าคือเยี่ยจิ่งหานที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หากนางล้มลงไปอีกครั้งนางจะต้องโผเข้าไปหาเขาอีกแน่

เมื่อสองครั้งก่อนพิษในตัวของเขากำเริบทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ ทว่าคราวนี้…

กู้ชูหน่วนไม่สงสัยเลยว่าหากมีครั้งต่อไป เยี่ยจิ่งหานจะต้องฆ่านางอย่างไม่ลังเล

ฟึ่บๆๆๆ

ลูกธนูนับร้อยลูกพุ่งผ่านท้องฟ้ามาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ ยิงตรงเข้าใส่เยี่ยจิ่งหานที่อยู่ในรถม้า

ดวงตาของกู้ชูหน่วนเป็นประกายวาบ นางใช้มือขวายันโต๊ะและพลิกตัวกลางอากาศประหนึ่งนกพิราบ คว้าลูกธนูที่ลอยมาตรงหน้าเยี่ยจิ่งหานไว้หลายต่อหลายดอก

ในเวลาเดียวกันนั้น นางยกปลายเท้าขึ้นเพื่อขวางกั้นลูกธนูนับไม่ถ้วนและปกป้องเยี่ยจิ่งหานเอาไว้ เมื่อเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย ที่น่าตกใจคือนางไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว

การเคลื่อนไหวของนางแทบจะออกมาจากจิตใต้สำนึก นัยน์ตาสีนิลประหนึ่งหมึกของเยี่ยจิ่งหานมีประกายแปลกๆ และมองกู้ชูหน่วนด้วยแววตาที่ซับซ้อน

“มีนักฆ่า ปกป้องท่านอ๋อง”

ภายนอกรถม้ายังมีเสียงของการเข่นฆ่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ภายในรถม้า กู้ชูหน่วนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันสถานการณ์อันตรายที่ยังเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน

ทว่า…

ผู้ที่ถูกลอบสังหารอย่างเยี่ยจิ่งหานกลับเคลื่อนไหวอย่างสง่า เขายังคงชงชาและจิบชาอย่างสบายใจราวกับการลอบสังหารไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา

ลมหายใจของกู้ชูหน่วนชะงักไปนิดหนึ่ง

นี่นางกลายเป็นผู้คุ้มกันของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

ปั่ก

หลังจากเตะลูกธนูชุดสุดท้ายออกไป กู้ชูหน่วนจึงถือโอกาสนั่งลงตรงหน้าเยี่ยจิ่งหานอย่างเกียจคร้าน ชิงถ้วยชาในมือของเขาและยกขึ้นดื่มเสียงดังเอื้อก ไม่นึกกลัวความเย็บเย็นของเขาเลยแม้แต่น้อย

“ชารสชาติไม่เลวเลยนี่ ยังมีอีกหรือไม่ ข้าขอสักโลสองโลสิ”

“…..”

กู้ชูหน่วนยิ้มแหย นางเปิดม่านและมองออกไป จากนั้นรูม่านตาก็ค่อยๆ หดตัวลงเล็กน้อย

นั่นมันฉากนองเลือดชัดๆ คนของเยี่ยจิ่งหานครึ่งหนึ่งอยู่คอยปกป้องรถม้า อีกครึ่งหนึ่งกำลังสังหารฟาดฟันมือสังหารชุดดำออกเป็นชิ้นๆ อย่างไร้ความปรานี

แม้ว่าจะดูยุ่งเหยิงวุ่นวาย แต่พวกเขาก็รวดเร็วและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย แค่มองก็รู้ว่าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี

แม้แต่นักฆ่าชุดดำที่มีวรยุทธสูงส่งก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาและถูกสังหารไปทีละคน