บทที่ 46: อลิเซียคือสมบัติ

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 46: อลิเซียคือสมบัติ

คุณเคยเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อคนอื่นรึเปล่า?

เมื่อโรเอลเห็นคำถามนี้เป็นครั้งแรกบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในชาติก่อน เขาไม่รู้จะตอบมันยังไง เพราะโรเอลไม่เคยได้มีประสบการณ์อะไรเช่นนั้น

เบิ่งตามองดูยุคที่พวกเราอาศัยอยู่กันหน่อยสิ! สถานการณ์แบบนั้นมันจะไปเกิดขึ้นได้ยังไง?

โลกในชาติก่อนของโรเอล ปากกานั้นมีพลังมากกว่าดาบ การทะเลาะวิวาททางร่างกายกลายเป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก นับประสาอะไรกับการเสี่ยงชีวิต โดยเฉพาะในประเทศโลกที่หนึ่ง แค่เดินถือมีดอยู่ในมือก็โดนตำรวจในเครื่องแบบเรียกมาคุยแล้ว!

โรเอลเย้ยหยันคำถามดังกล่าว โดยคิดว่าเขาคงไม่มีวันจะต้องไปเสี่ยงชีวิตเพื่อคนอื่นแน่ ๆ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ในวันนี้

ตามเนื้อเรื่องของเกมอาย ออฟ โครนิเคิลแล้ว อลิเซียจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกกลั่นแกล้งโดยบรอน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอลิเซียและโรเอลแตกหักลง กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของเดธแฟล็ก ทว่าเนื่องจากโรเอลในปัจจุบันได้เข้าไปแทรกแซงการกลั่นแกล้งนั้น สถานการณ์จึงน่าจะแตกต่างจากเนื้อเรื่องเดิม

อย่างไรก็ตาม ราคาที่เขาต้องจ่ายสำหรับการแทรกแซงนั้นไม่ได้ถูก ๆ เลย

หลังจากเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้ง 12 คนได้ มือซ้ายของโรเอลอยู่ในสภาพไหม้เกรียม ส่วนมือขวาก็ได้รับบาดแผลจากมีดฝังลึกลงไป กระดูกแขนและเข่าแหลก กระดูกซี่โครงหลายซี่ร้าว แม้ว่าบาดแผลที่ท้องของเขาจะไม่ถึงแก่ชีวิตแต่มันก็ยังค่อนข้างลึก อีกทั้งนอกเหนือจากอาการบาดเจ็บเหล่านี้แล้ว ร่างกายของเขายังเต็มไปด้วยบาดแผลรอยถลอก และยังเสียเลือดไปมากด้วยเช่นกัน

ท้ายที่สุดร่างกายของโรเอลจึงไม่อาจทนได้อีกและหมดสติไป หากไม่ใช่เพราะพลังเหนือธรรมชาติอันยอดเยี่ยมของโลกนี้ล่ะก็ เขาจะต้องนอนติดเตียงไปอีกนาน

“อ่า อา โอ้ย โอ้ย โอ้ย…”

เด็กผู้ชายผมสีดำผู้นอนหมดสติอยู่บนเตียงก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็ได้สติตื่นขึ้นมาพร้อมสบถด้วยความเจ็บปวดที่แล่นมาจากทั่วร่าง โรเอลครวญครางก่อนที่จะได้ลืมตาเสียอีก ร่างกายของเขาขยับโดยสัญชาตญาณตอบสนองต่อความเจ็บปวดที่กระทบกระเทือนบาดแผล ซึ่งเป็นเหตุทำให้เขาได้สติตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ในทันที

หลังจากโรเอลพยายามฝืนทนจากความเจ็บ กลั้นใจลืมตาขึ้น เขาเริ่มสอดส่ายสายตาสำรวจโดยรอบทันที เพดานอันสวยงามเต็มด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปสตรีศักดิ์สิทธิ์ตามรสนิยมของผู้คนเมื่อร้อยปีที่แล้ว ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องประดับตกแต่งและงานศิลปะมากมายที่แขวนอยู่บนผนัง มีพรมกำมะหยี่สีแดงและเฟอร์นิเจอร์สีสดใสทำให้ในห้องดูหรูหรา

นี่คือห้องภายในคฤหาสน์เขาวงกตไม่ผิดแน่

สภาพแวดล้อมอันคุ้นเคยนี้ทำให้โรเอลรู้สึกสบายใจ ตอนนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

สาวน้อยอลิเซียผู้มีผมสีเงินยาวประบ่าและใบหน้าอันสวยงามอ่อนเยาว์ ขนตายาวเป็นแพงดงาม มีคราบน้ำตาเกาะอยู่ประปราย เธอกำลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงของโรเอล ถึงคนอื่นจะมองว่าเธอมีใบหน้าที่เย็นชาแต่เขากลับมองว่าความเย็นชานั้นดูน่ารักแทน มันทำให้หัวใจของโรเอลเต้นรัวเล็กน้อย

ให้ตายสิ เธอสวยมากขึ้นทุกวันเลยจริง ๆ

โรเอลอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเด็กสาวสักพัก ชื่นชมความงามของเธอก่อนจะถอนหายใจยาว ๆ

ในอนาคตต่อจากนี้อลิเซียจะงดงามมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสายเลือดของตระกูลซิลเวอร์แอซที่มีความสมบูรณ์แบบในระดับสูงสุด ชิ ต่อจากนี้คงจะมีพวกแมลงมากมายมาเกาะแกะเธอแน่ …

เขาลูบคางของตนอย่างครุ่นคิด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบรอนทำให้โรเอลรู้ว่าอลิเซียที่เป็นหนึ่งในสาว ๆ เป้าหมายหลักในการจีบของเกมจะต้องเผชิญกับปัญหาอีกมากมายในอนาคต แม้มันจะน่ารำคาญ แต่ก็ไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัวเนื่องจากวิธีแก้ปัญหานั้นง่ายมาก

โรเอลก็แค่ต้องลากผู้ร้ายทั้งหมดออกมาต่อหน้าสาธารณชน แล้วจัดการอัดพวกเขาในนามของความยุติธรรม

แน่นอนว่าโรเอลจะไม่รับผิดชอบอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น หากพวกเขาคนไหนถูกพ่อของตัวเองหักคอเพราะไปสร้างความอับอายให้กับวงศ์ตระกูล นั่นถือเป็นเรื่องในตระกูลของพวกเขาเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรเอล และเขาก็จะไม่รับผิดชอบเรื่องนั้นแน่ ๆ

ทันใดนั้นโรเอลก็นึกถึงชายผมสีทองที่เขาพบเมื่อวันก่อน ทำให้หัวใจของเขาก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา

ไบรอัน เอลริก

เขาเป็นผู้ชายที่น่าสะพรึงกลัวโดยแท้จริง

เป็นชายที่ทำให้นึกถึงคำกล่าวที่ว่า ‘แม้แต่เสือร้ายก็ยังไม่กินลูกของมัน’

เนื่องจากวีรกรรมอันชั่วร้ายของบรอนถูกเปิดเผย ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจในหมู่สาธารณชน บรอนจึงไม่น่าจะได้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลเอลริกอีก

แต่ความจริงที่ว่าเขาเป็นคนของตระกูลเอลริกก็ยังคงไม่เปลี่ยน ด้วยสิทธิพิเศษของห้าตระกูลขุนนางชั้นสูง แม้แต่ตระกูลเซไซต์เองก็คงไม่สามารถตัดสินความผิดของบรอนได้โดยตรง พวกเขาต้องผ่านกระบวนการทางกฏหมายของจักรวรรดิเซนต์เมซิทสำหรับเรื่องนี้

มีหลายวิธีที่ตระกูลเอลริกจะสามารถควบคุมผลการพิจารณาคดีได้ แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเหมือนเมื่อ 200 ปีก่อน แต่พวกเขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา มันจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะรักษาชีวิตของเด็กชายที่ยังไม่ได้ลงมือฆ่าใครตาย

ทว่าเพื่อที่จะบรรเทาความโกรธแค้นของฝูงชนลงอย่างรวดเร็ว และหลีกเลี่ยงไม่ให้มีผลกระทบต่อตระกูลเอลริก เคานต์ไบรอันได้ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะจบชีวิตลูกชายของเขาอย่างรวดเร็วก่อนที่ใครจะสามารถหยุดเขาได้ทัน การที่เขาขาดความรู้สึกเมตตายั้งมือต่อลูกหลานของตัวเองนั้น เป็นอะไรที่น่ากลัวอย่างแท้จริง โดยเฉพาะทัศนคติของเขาในตอนนั้น …

บรอนนั้นไม่ต่างอะไรไปจากอันธพาลตัวน้อยที่ไร้ระเบียบ บุคลิกชอบกดขี่ข่มเหงของเขานั้นอาจเป็นผลพวงมาจากอิทธิพลของตระกูลเอลริกที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามบุคลิกของเขานั้นแตกต่างจากบิดามากเกินไป

โรเอลรู้สึกว่าจริง ๆ แล้วบรอนคงจะไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลเอลริก เพราะดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีความรู้เรื่องมารยาทและวินัยสักนิดเลย

ไม่ว่าในกรณีใด สิ่งที่โรเอลรู้สึกได้จากไบรอันนั้นมีเพียงความรู้สึกที่ไม่ดี เขาไม่อยากจะเป็นศัตรูกับชายผู้โหดเหี้ยมคนนี้เลยหากมีทางเลือกอื่น ทว่าจากสายตาที่ไบรอันมองมาที่เขาในตอนนั้น มันค่อนข้างชัดเจนเลยว่าโรเอลน่าจะกลายเป็นศัตรูของเขาเรียบร้อยแล้ว

แต่แล้วยังไงล่ะ? อลิเซียคือสมบัติจากพระเจ้า ใครก็ตามที่พยายามทำร้ายเธอมันสมควรตาย! โดยไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ทั้งนั้น!

หลังจากระบายอารมณ์แล้วโรเอลก็รู้สึกสงบลงเล็กน้อย

เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จากมุมมองของตระกูลแอสคาร์ด การพัฒนาดังกล่าวเองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่

ตระกูลแอสคาร์ดและตระกูลเซไซต์ มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน นับตั้งแต่เหตุการณ์การเดินขบวนแห่งความวุ่นวาย แต่อีกสี่ตระกูลที่เหลือในห้าตระกูลขุนนางชั้นสูงนั้นแตกต่างออกไป พวกเขามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงจุดยืนของตนได้ทุกเมื่อ ซึ่งตระกูลเอลริกเองก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชวงศ์เท่าไหร่นัก

เหตุการณ์ในวันนี้จึงถือเป็นการย้ำเตือนตระกูลเซไซต์ว่า การกำกับดูแลอันหละหลวมในหลายชั่วอายุคนที่ผ่านมาอาจจะนำไปสู่การแพร่พันธุ์ของแมลงวันที่น่ารังเกียจในอนาคตได้ พวกมันเหล่านั้นพร้อมที่จะโค่นล้มสิ่งที่จักรวรรดิเซนต์เมซิทยืนหยัดมาทันทีที่สบโอกาส โดยรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ กองขยะที่รู้จักกันในชื่อตระกูลเอลริก

เมื่อฝั่งคู่แข่งสามารถรวบรวมกลุ่มอิทธิพลของตนเองได้สำเร็จ พวกเขาไม่มีทางพอใจกับแค่การอยู่ภายในตำแหน่งผู้ใต้บังคับบัญชาแน่ ในที่สุดมันก็จะนำไปสู่การท้าทายอำนาจการปกครองของตระกูลเซไซต์

มันเป็นเหตุการณ์พลิกผันที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จากความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ซึ่งองค์ชายเคนและคนอื่น ๆ ควรจะตระหนักถึงเรื่องนี้กันได้แล้ว

หากสิ่งต่าง ๆ ยังคงเป็นไปตามเนื้อเรื่องเดิมในเกมอาย ออฟ โครนิเคิล กลุ่มของบรอนก็จะยังคงสะสมอิทธิพล รวบรวมผู้ใต้บังคับบัญชาต่อไปเรื่อย ๆ จนสามารถทวงคืนมรดกของตระกูลเอลริกกลับคืนมาได้ แล้วขึ้นสู่ตำแหน่งของผู้มีอำนาจก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ขึ้นกับจักรวรรดิเซนต์เมซิท

“เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าจำไม่ผิดนอร่าในเกมเคยพูดว่ามีการก่อจลาจลเกิดขึ้นในจักรวรรดิเซนต์เมซิท บางทีการจลาจลที่ว่าอาจจะมีสาเหตุมาจากบรอนและพรรคพวกของเขาก็ได้?”

มันเป็นการปฏิวัติรัฐประหารรึเปล่า? หรือพวกเขาแค่ใช้อุบายกดดันทางการเมืองบังคับให้ตระกูลเซไซต์ยอมสละราชสมบัติกัน?

โรเอลขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด เขาเริ่มตระหนักได้ว่าการกระทำของเขาในวันนี้ส่งผลกระทบต่ออนาคตมากเพียงใด เนื่องจากตระกูลเซไซต์นั้นได้รับการย้ำเตือนแล้ว พวกเขาก็คงจะไม่มีทางปล่อยให้มีหนอนบ่อนไส้เหลือรอดในหมู่แวดวงขุนนางอีกแน่

เพราะนั่นคืองานของราชวงศ์

ตระกูลเซไซต์คงจะหาทางจัดการกับตระกูลเอลริกด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากบรอนเสียชีวิตไปแล้ว มันจึงน่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับตระกูลเซไซต์ที่จะหาเหตุผลมาใช้ในการควบคุมอำนาจของตระกูลเอลริก

ระหว่างที่โรเอลกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด สาวน้อยอลิเซียที่ฟุบหลับอยู่ใกล้ ๆ ก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น

หลังจากหาวเบา ๆ อลิเซียก็ค่อย ๆ ลืมตา และเมื่อเห็นว่าตอนนี้โรเอลฟื้นแล้ว ดวงตาของเธอเบิกกว้างในทันที

“พี่ใหญ่โรเอล!” เด็กสาวน้ำตาคลอ เรียกเขาเสียงสั่น

“หืม? ตื่นแล้วเหรออลิเซีย ฉันเห็นว่าเธอกำลังหลับสบายก็เลยไม่ปลุกเธอ…อ๊ะ? ทำไมจู่ ๆ ถึงร้องไห้ล่ะ?”

เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของอลิเซีย โรเอลก็เริ่มตกใจ น้ำตาของเด็กสาวทำให้หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวด

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ใหญ่โรเเอล น้องพยายามเข้มแข็งแล้วแต่น้องทำไม่ได้ พี่ใหญ่เจ็บมากไหมคะ”

อลิเซียเช็ดน้ำตาขณะที่พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจ จากนั้นเธอก็กระโดดขึ้นไปบนเตียงพร้อมกับโอบแขนไว้รอบคอของโรเอล

“หนูรักพี่ใหญ่โรเอลค่ะ!”

(แต้มความสนใจ +50,000!)