บทที่ 53 ทำให้สะดุ้งกลัว
บ้านตระกูลสวี่พลันชุลมุนขึ้นมา
“ช่วยด้วย จางซิ่วเอ๋อจะฆ่าคนแล้ว!”
“ท่านแม่! ข้ากลัว!”
“อวิ๋นซาน! นี่เจ้าจะมองนังบ้านี่ฟันแม่เจ้ากับหลีฮวาตายเหรอ?”
ตอนนี้สวี่อวิ๋นซานกำลังอึ้งกับภาพตรงหน้า ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำอะไร แต่เขาตกใจกับภาพความวุ่นวายตรงหน้าจริง ๆ และยังไม่ได้สติกลับมาในเร็ว ๆ นี้
แม่หลินกับหลีฮวากระโจนไปทั่วบ้าน โดยมีจางซิ่วเอ๋อกวัดแกว่งปังตอไล่ตามอยู่ด้านหลัง มีหลายครั้งทีเดียวที่จางซิ่วเอ๋อเกือบฟันโดนพวกนาง
ผู้คนดูแล้วถึงกับเหงื่อตก
และก็เชื่อเรื่องที่แม่หลินกับหลีฮวาผลักชุนเถาลงจากภูเขาจริง ๆ ถ้าไม่ใช่ความจริงแล้วใครจะอยู่ว่าง ๆ มาสู้ตายที่นี่
ทุกคนคิดในใจว่าจางซิ่วเอ๋อช่างดีกับน้องสาวจริง ๆ ขณะอีกด้านหนึ่งก็นึกหวั่นเกรงในตัวนาง
ถูกต้องแล้ว วันนี้จางซิ่วเอ๋อจะเชือดไก่ให้ลิงดู!
แน่นอนว่านางไม่คิดจะฆ่าใครจริง ๆ หรอก ถ้าฆ่าคนต่อหน้าทุกคนแบบนี้นางคงโง่มากจริง ๆ !
ถึงแม้ราชวงศ์ต้าสุ้นจะไม่ได้มีกฎหมายเข้มแข็งเหมือนยุคปัจจุบัน แต่ก็ยังมีกฎหมายของตนอยู่
การฆ่าคนต่อหน้าสาธารณะชน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ต้องเข้าคุก
จางซิ่วเอ๋อไม่อยากทำลายชีวิตตัวเองเพราะเศษเดนอย่างคนตระกูลสวี่ เพราะฉะนั้นต่อให้นางจะลงมืออย่างดุร้าย แต่จริง ๆ แล้วก็ยั้งมือไว้อยู่
ทว่าแม่หลินและหลีฮวากลับกลัวจนเสียสติ ตอนนี้เอาแต่กรีดร้องและคอยวิ่งหลบ
ขณะที่จางซิ่วเอ๋อกำลังไล่ตามแม่หลินและหลีฮวาในบ้าน ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมา “ยังไม่หยุดมืออีก! พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน!”
จางซิ่วเอ๋อเงยหน้า ก็เห็นผู้ใหญ่บ้านซ่งเดินฝ่าออกมาจากฝูงชนมาทางนี้
จางซิ่วเอ๋อถือปังตอในมือ ยืนหายใจหอบอยู่ตรงที่เดิม สุดท้ายก็ไม่ได้ไล่ตามต่อ อย่างไรเสียนางก็ต้องไว้หน้าผู้ใหญ่บ้านซ่งบ้าง
ผู้ใหญ่บ้านคือคนที่เป็นเสมือนฮ่องเต้ย่อม ๆ ของหมู่บ้านนี้ ไม่แน่ในอนาคตนางอาจจะมีเรื่องให้ผู้ใหญ่บ้านซ่งช่วย คนโง่เท่านั้นแหละที่จะมีเรื่องกับผู้ใหญ่บ้านซ่ง
แม่หลินเห็นผู้ใหญ่บ้านซ่งแล้วถึงได้สติกลับมา
นางทั้งกลิ้งทั้งคลานไปอยู่ตรงหน้าผู้ใหญ่บ้านซ่ง “ท่านผู้ใหญ่บ้าน! ท่านต้องมอบความยุติธรรมให้ข้านะเจ้าคะ!”
พูดเสร็จแม่หลินก็ร้องไห้โวยวาย “เมื่อครู่นี้พวกเราดับไฟกำลังจะนอน จางซิ่วเอ๋อกลับไม่ดูดำดูแดงพุ่งเข้ามาจะฟันข้า!”
“ข้ามีเรื่องกับจางซิ่วเอ๋อก็จริง ตรงที่ข้าไม่อยากให้นางแต่งงานเข้าตระกูลสวี่ของเรา แต่นางจะดุร้ายขนาดนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ พอคุยกันไม่ลงตัวก็จะเอาชีวิตข้ากับหลีฮวา!”
แค่สองประโยค แม่หลินก็ผลักเรื่องราวทุกอย่างพ้นตัว นางไม่พูดถึงเรื่องชุนเถาเลยด้วยซ้ำ กลายเป็นว่าจางซิ่วเอ๋อนึกแค้นจึงมาแก้แค้น!
จางซิ่วเอ๋อมองแม่หลินด้วยสายตาเย็นเยียบ แม่หลินเห็นผู้ใหญ่บ้านโง่เหรอ?
แค่นางพูดอะไรนิดหน่อยก็เชื่อหมด?
อีกอย่างที่นี่มีคนมามุงดูไม่น้อย! นี่แม่หลินคิดว่าตัวเองสร้างเรื่องขึ้นมาก็จะโยนความผิดทุกอย่างให้นางได้เหรอ?
ไม่รู้ว่าแม่หลินนี่โง่หรืองั่ง!
แม่หลินพูดต่อ “ท่านผู้ใหญ่บ้าน! ท่านต้องจับจางซิ่วเอ๋อไปให้ทางการนะเจ้าคะ! นางทำแบบนี้จะเพิกเฉยต่อกฎหมายเกินไปแล้ว! นี่เป็นคดีหนักขนาดฆาตกรรมเลยนะ! ท่านห้ามเพิกเฉยเด็ดขาด!”
ทันใดนั้นจางซิ่วเอ๋อก็หัวเราะ น้ำเสียงเย้ยหยัน “ป้าหลิน คดีฆาตกรรมเหรอ? ความผิดนี้ข้ารับไว้ไม่ไหวหรอกนะ! พวกเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ดี ๆ อยู่ไม่ใช่เหรอ? มีแผลสักนิดบนตัวหรือไม่ ข้าไปฆ่าคนตอนไหน?”
แม่หลินโดนจางซิ่วเอ๋อสกัดก็พูดอะไรไม่ออก เพราะเรื่องราวเป็นแบบนี้จริง ๆ นางไม่มีแผลอะไรบนตัวจริง ๆ …..
“งั้นเจ้าก็ผิดฐานเจตนาฆ่า!” เสียงกล้า ๆ กลัว ๆ ของหลีฮวาดังมาจากด้านหลัง ได้ทีขี่แพะไล่
จากวิธีพูดของหลีฮวา หลีฮวานี่ฉลาดกว่าแม่หลินเยอะ
ถ้าบอกว่าจางซิ่วเอ๋อฆ่าคน เรื่องนี้น่ะยืนยันไม่ได้หรอก อย่างไรเสียทุกคนก็ยังอยู่ดี
แต่ถ้าบอกว่าเจตนาฆ่า เป็นแบบนี้ยังพอฟังขึ้นอยู่
จางซิ่วเอ๋อมองหลีฮวาและยิ้มเย็น แววดุร้ายในสายตาทำให้หลีฮวาหลบสายตาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นนางก็ถามกลับ “เจ้าบอกว่าข้าเจตนาฆ่า? หูข้างไหนเหรอที่ได้ยินว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้า? ข้าก็แค่อยากเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับชุนเถาเท่านั้น!”
พูดถึงตรงนี้ จางซิ่วเอ๋อก็เดินเข้ามา วางปังตอลงพร้อมกับทำความเคารพผู้ใหญ่บ้านซ่ง และเอ่ยอย่างนอบน้อม “ท่านผู้ใหญ่บ้าน รอบนี้ขอให้ท่านโปรดมอบความยุติธรรมให้ชุนเถาด้วย!”
“ชุนเถาเหรอ? นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ผู้ใหญ่บ้านซ่งถามด้วยสีหน้าอึมครึม
จางซิ่วเอ๋อจึงเล่าทุกอย่างใหัฟัง
แม่หลินมองจางซิ่วเอ๋ออย่างเคียดแค้นและเถียงขึ้น “ท่านผู้ใหญ่บ้านเจ้าคะ ท่านอย่าไปฟังที่จางซิ่วเอ๋อพูดเหลวไหล!”
ขณะนั้นได้มีเด็กอายุ 8-9 ขวบก้าวออกมาจากฝูงชน “ข้าเองก็เห็นป้าหลินและหลีฮวาร่วมมือกันผลักชุนเถาลงไป…..”
เสียงนั้นกล้า ๆ กลัว ๆ แต่น้ำเสียงถือว่าหนักแน่นอยู่
จางซิ่วเอ๋อได้ยินก็ดีใจ รีบหันไปมอง
แล้วก็เห็นเด็กผอมแห้งคนหนึ่งที่ดูราวกับท่อนไม้ ให้ความรู้สึกเพียงลมพัดก็ล้มได้
สามพี่น้องตระกูลจางที่ว่าผอมแล้ว เด็กคนนี้กลับให้ความรู้สึกผอมแห้งยิ่งกว่า
จางซิ่วเอ๋อนึกอยู่นาน กว่าจะนึกออกว่าเด็กคนนี้เป็นใคร
นี่คือจ้าวเอ้อร์หลางจากฝั่งตะวันออกของหมู่บ้าน เขาอยู่ติดภูเขาเหมือนกัน แต่บ้านพวกเขาอยู่นอกป่า ส่วนที่ที่จางซิ่วเอ๋ออยู่ตอนนี้เป็นข้างในป่า
จ้าวเอ้อร์หลางก็เป็นเด็กรันทด เสียมารดาไปตั้งแต่อายุยังน้อย ส่วนบิดานั้น….เป็นบัณฑิต แต่น่าเสียดายที่บัณฑิตคนนี้ป่วยติดเตียงมาหลายปี ที่บ้านอดมื้อกินมื้อ อัตคัตขัดสนอย่างยิ่ง
ที่เขาชื่อว่าเอ้อร์หลาง(ชายรอง)เพราะมีพี่ชายที่เกิดก่อนเขาคนหนึ่ง แต่พี่ชายคนนี้ตายไปเมื่อปีก่อน
จางซิ่วเอ๋อคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจ้าวเอ้อร์หลางจะออกตัวในเวลานี้
จริง ๆ ตอนมานางก็คิดแล้วว่าตัวเองไม่มีหลักฐานอะไร ทำอะไรคนตระกูลสวี่ไม่ได้ แต่นางไม่มาไม่ได้
วันนี้นางตั้งใจจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองไม่ใช่คนที่จะมารังแกกันได้ง่าย ๆ
เมื่อครู่นี้พอเห็นผู้ใหญ่บ้านมา นางก็ตั้งใจจะพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจนแล้วเลิกราไป
ต่อให้การทำแบบนี้จะทำให้ตระกูลสวี่ไม่ได้รับบทลงโทษอะไร แต่คงทำให้พวกเขานึกกลัวนางอยู่ในใจขึ้นมาได้ อนาคตถ้าจะหาเรื่องอีกคงต้องคิดก่อน
ตอนนี้มีจ้าวเอ้อร์หลางออกตัวแล้ว! ก็เท่ากับมีพยาน พลิกสถานการณ์ไปในทิศทางที่มีประโยชน์กับจางซิ่วเอ๋อทันที
ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จางซิ่วเอ๋อจะยอมปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
นางกัดฟันมองแม่หลิน “พวกท่านมีอะไรที่อยากพูดอีกไหม?”
สีหน้าแม่หลินบิดเบี้ยวน่าเกลียด นางมองจ้าวเอ้อร์หลางอย่างเคียดแค้น “เป็นเด็กเป็นเล็ก อย่าพูดจาเหลวไหล!”
“พ่อข้าห้ามไม่ให้ข้าพูดโกหก! ข้าเห็นก็คือเห็น ไม่ได้พูดเหลวไหล” เด็กชายตอบด้วยหน้าตาแน่วแน่
ผู้ใหญ่บ้านจึงมองจ้าวเอ้อร์หลางและเอ่ยถาม “จ้าวเอ้อร์หลาง ค่อย ๆ เล่ามา ว่าตอนนั้นเจ้าเห็นอะไร”
……………………………………………