ตอนที่ 53 ซื้อเครื่องซักผ้าและตู้เย็น

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 53 ซื้อเครื่องซักผ้าและตู้เย็น

โดยพื้นฐานแล้วแต่ละครอบครัวน่าจะติดตั้งระบบไฟฟ้าในทุกครัวเรือน แล้วทำไมถึงจะไม่ติดตั้งไฟฟ้าไว้ใช้ล่ะ?

ยิ่งตอนนี้การติดตั้งไฟฟ้าก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ อีกด้วย

แต่ซูตานหงก็เข้าใจความคิดของนาง นางก็เป็นเหมือนคุณแม่จี้ ซึ่งคุณแม่จี้เองก็ไม่อยากฟุ่มเฟือย พูดว่าจะติดตั้งไฟฟ้าไปทำไมให้เปลืองค่าไฟ? แต่ซูตานหงโบกมือและบอกกับนางว่าในภายหน้าเธอจะเป็นคนออกค่าไฟฟ้าให้เอง ดังนั้นติดตั้งไปเถอะ!

คุณแม่จี้จึงจำนนด้วยคำพูด

คุณป้าหยางได้ยินก็อึ้งไปกับสิ่งที่เธอพูดจนต้องเอ่ยถาม “มันจำเป็นขนาดนั้นจริง ๆ เหรอจ๊ะ?”

“ค่ะ ต่อให้มันจะจำเป็นหรือไม่ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรานอนหลับในหมู่บ้านนี้อย่างสบายใจขึ้น ซึ่งนั่นเสียเงินไม่มากเลยค่ะ” ซูตานหงบอก

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะแจ้งให้เขาติดตั้งไฟฟ้าที่บ้านของฉันด้วย” คุณป้าหยางคิดแล้วพยักหน้ารับ

การติดตั้งไฟฟ้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ภายใน 3 วันกลุ่มช่างติดตั้งไฟฟ้าก็มาถึงในหมู่บ้าน

คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ต่างติดตั้งไฟฟ้าเข้าบ้านตัวเอง มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่บอกว่าไม่อยากเปลืองค่าไฟฟ้าและไม่ได้ติดตั้งมัน

การจะติดตั้งไฟฟ้าในบ้านหรือไม่นั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล ไม่มีการคัดค้านหรือสนับสนุน แค่ทำตามแนวโน้มส่วนใหญ่ของคนในหมู่บ้านเท่านั้น

ส่วนสวี่อ้ายตั๋งกับจี้หงจวินก็ไปสอบถามความเห็นเรื่องติดตั้งไฟฟ้ากับจี้เจี้ยนอวิ๋นเช่นกัน เขาทั้งสองบอกว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นคือเจ้านายของพวกเขา เพราะฉะนั้นจึงถามความเห็นจากเขาก่อน

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงแนะนำให้พวกเขาติดตั้งไฟฟ้าเข้าบ้านตัวเอง เพราะนี่คือสิ่งจำเป็น และชีวิตความเป็นอยู่ในอนาคตจะดีขึ้น จะเกิดอะไรขึ้นหากซื้อทีวีสีมาแล้วแต่กลับใช้งานไม่ได้เพราะไม่มีไฟฟ้าล่ะ?

“ภรรยา ถ้าเรามีไฟฟ้าแล้วเราซื้อทีวีสีก่อนดีไหมครับ?” ดวงตาของจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นประกายเล็กน้อย

“อย่าเพิ่งซื้อทีวีสีเลยค่ะ” ซูตานหงปฏิเสธทันทีโดยไม่ลังเล

จี้เจี้ยนอวิ๋นที่คิดว่าภรรยาของเขาจะชอบพลันชะงักไป “ทำไมล่ะ?”

“ถ้าเราซื้อทีวีสีมา มันจะเป็นเครื่องเดียวภายในหมู่บ้าน แล้วทุกคนก็จะแห่แหนกันมาที่บ้านของเรา ถ้าหากพวกเขาถูกต้าเฮยกัดจะทำยังไงล่ะคะ” ซูตานหงกล่าว

จี้เจี้ยนอวิ๋นถึงกับผงะ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้จริง ๆ

แต่นี่คือความจริง หากทั้งหมู่บ้านมีทีวีสีเพียงเครื่องเดียว ในเวลากลางคืนก็จะมีผู้คนจำนวนมากมาเบียดเสียดอยู่ในบ้านของพวกเขา ทีนี้พวกเขาจะกล้าเปิดดูไหมล่ะ?

ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเปลืองค่าไฟฟ้าหรือมีคนมามากเกินไป แต่เมื่อเปิดทีวีให้คนเหล่านั้นดูแล้วก็ต้องเปิดให้ดูตลอดไปหรือไม่ก็ถูกตำหนิ และถ้าเกิดความวุ่นวายเกินกว่าจะควบคุมได้ ภรรยาของเขาจะได้อยู่อย่างสงบหรือ? และในทันทีที่ลูกของเขาเกิดมาแล้ว ทารกน้อยจะอยู่อย่างสงบได้อย่างไร?

“จริงด้วย ๆ ผมก็ลืมนึกไป งั้นเราค่อยซื้อทีวีสีกันทีหลังนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าวอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากจะนึกถึงวันเวลาแบบนั้นเลย

ซูตานหงยิ้มและชำเลืองมองไปที่สามีของเธอ “งานปักผืนนี้ของฉันจะเสร็จภายในไม่กี่วัน จากนั้นคงต้องขอให้คุณช่วยนำไปส่งที่ร้านพี่หงแล้วล่ะค่ะ ผ้าปักลายโบตั๋นคู่แบบภาพพู่กันจีนผืนนี้อย่างต่ำก็ได้ราคาประมาณ 1,500 หยวน พี่หงรู้ราคาของมันดีค่ะ อีกอย่างคุณถามเรื่องซื้อบ้านกับหล่อนได้นะคะ แล้วก็บอกไปว่าเราซื้อได้สองห้องด้วยจำนวนเงินที่เรามีในตอนนี้”

ในช่วง 3 เดือนมานี้เธอทำงานค่อนข้างหนัก หากไม่มีน้ำพุวิเศษช่วยฟื้นฟูร่างกายล่ะก็ เธอคงไม่สามารถทนปักผ้าได้จนถึงตอนนี้

ภาพโบตั๋นคู่นี้เป็นงานที่ 6 แล้ว งานปัก 5 ชิ้นก่อนหน้านี้ถูกขายไปที่ราคาประมาณ 800 ถึง 900 หยวน ซึ่งถือเป็นราคาระดับกลาง ๆ แต่ตอนนี้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูงขึ้น ราคาของผ้าปักก็สูงขึ้นเช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงขายในราคาที่แพงขึ้น

เจินเหมียวหงเองก็สารภาพว่าพวกหล่อนทั้งคู่เกือบจะต้องเลิกกิจการและแยกย้ายกันแล้ว

แต่ภาพปักลายดอกโบตั๋นคู่แบบลายภาพพู่กันจีนที่ซูตานหงใช้เวลาปักเกือบ 20 วันนี้กลับกลายเป็นจุดสนใจของคนจำนวนมาก มันจึงถูกตั้งราคาขายไว้ที่ 1,500 หยวน ซึ่งเป็นราคาต่ำที่สุดของราคาที่ขายได้

“ได้ครับ!” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า

ไม่กี่วันต่อมาจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ไปหาหงเจี่ยพร้อมกับผ้าปัก

หงเจี่ยรับผ้าปักดอกโบตั๋นลายพู่กันจีนไว้ด้วยดวงตาเป็นประกาย แล้วหล่อนก็จ่ายเงินให้เป็นจำนวน 1,600 หยวน ซึ่งสูงกว่าราคาที่ซูตานหงคาดคะเนไว้ในใจอีก 100 หยวน

จากนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็สอบถามถึงห้องชุดที่อยู่ในเขตมหาวิทยาลัย

“ห้องชุดที่นั่นยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือนถึงจะเปิดขาย แต่พี่บอกกับคนรู้จักไว้แล้วล่ะว่าให้เขาเก็บเอาไว้ให้ มีโอกาสเมื่อไหร่ก็มาซื้อได้เลยจ้ะ” หงเจี่ยกล่าว

“ขอบคุณครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้ารับคำ

“คราวนี้ตานหงอยากได้กี่ห้องนะ เห็นบอกว่าจะซื้อเพิ่มสองห้องหรือเปล่าจ๊ะ?” หงเจี่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“ครับ เราอยากได้สองห้องเพราะในอนาคตจะได้เอาไว้ให้ลูก ๆ อยู่น่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มรับ

หงเจี่ยได้ยินแล้วก็พยักหน้า “น้องตานหงเป็นคนมองการณ์ไกล ถ้าซื้อห้องชุดตรงนั้นได้ก็ไม่ต้องกังวลอะไรเลย ที่นั่นมีมหาวิทยาลัยอยู่ใกล้ ๆ แล้วในอนาคตมันก็จะมีราคาสูงขึ้นอีก ภายภาคหน้าจะมอบให้เป็นห้องหอของลูก ๆ ตอนที่พวกเขาแต่งงานแล้วหรือจะขายต่อเพื่อไปซื้อที่ใหม่ก็ทำได้ทั้งนั้น”

ไม่ต้องพูดถึงซูตานหงเลย แม้แต่ตัวหล่อนเองก็วางแผนว่าจะซื้อเอาไว้สองห้องเช่นกัน แต่ก็มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านของหล่อนเสียก่อนจนไม่สามารถซื้อมันได้ แต่เมื่อมีผ้าปักของซูตานหงแล้ว มันก็เป็นไปได้ที่จะซื้อห้องชุดขนาดเล็กสองห้องได้อยู่

หลังจากจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาถึงที่บ้าน เขาก็เล่าถึงเงินที่ได้รับและความคิดของเจินเหมียวหงให้ฟัง

ซูตานหงยิ้มแล้วกล่าวว่า “พี่หงเป็นคนที่ชอบซื้อบ้านเก็บไว้ หล่อนมักจะบอกว่าพวกมันจะมีราคาเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอนน่ะค่ะ”

“แล้วหล่อนก็ยังชมคุณว่าคุณมองการณ์ไกลด้วยนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกด้วยรอยยิ้ม

“ผู้หญิงชนบทอย่างฉันจะมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลอะไรกันคะ หากพี่หงไม่บอกว่าหล่อนกำลังเตรียมซื้อห้องหอให้ลูก ๆ ล่ะก็ ฉันก็คงไม่อยากซื้อบ้านหรอกค่ะ” ซูตานหงกล่าว

เดิมทีเธอก็คิดจะซื้อห้องชุดในตัวเมืองเจียงสุ่ยอยู่ ติดตรงห้องชุดที่ซื้อไปมีโรงเรียนมัธยมต้นอันดับหนึ่งของเมืองอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งในอนาคตลูก ๆ ของเธอจะต้องไปเรียนที่นั่นยามต้องขึ้นชั้นมัธยมปลาย แล้วเธอก็ไม่ต้องการให้ลูก ๆ ของเธอเจอหน้าอวิ๋นลี่ลี่ในภายภาคหน้าด้วย

แม้ว่าห้องชุด 108 ตารางเมตรจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็เพียงพอสำหรับให้พวกเขาอาศัยอยู่แล้ว

นอกจากนี้ยังมีห้องชุดที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยอีก ซึ่งพวกเขาจะได้ใช้อาศัยอยู่ในตอนเข้ามหาวิทยาลัย

เมื่อพูดถึงการซื้อห้องชุดทั้งสองแห่งที่เหมือนกันแล้ว ก็บอกได้ว่าพวกมันต่างเป็นบ้านที่มีทำเลดี

แต่เธอคงยังไม่ซื้อมาอีกภายในเร็ว ๆ นี้หรอก

เพราะหากซื้อห้องชุดเพิ่มอีกสองชุดตอนนี้ จะเหลือเงินในครอบครัวของพวกเขาไม่มากแล้ว ตอนนี้มีเพียงเงินเกษียณของจี้เจี้ยนอวิ๋นจำนวน 2,000 หยวนรวมกับเงินอีก 1,000 หยวนเท่านั้น

ยังมีค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องซักผ้าและตู้เย็นอีกในราคาประมาณ 600-700 หยวน และยังเหลืออีกไม่ถึง 1,000 หยวนที่สงวนเอาไว้เพื่อเป็นค่าคลอดบุตร

“วันนี้ผมลองไปเดินดูมาแล้ว ถ้าคุณต้องการซื้อเครื่องซักผ้าและตู้เย็น คุณจำเป็นต้องไปเมืองเจียงสุ่ยเพื่อซื้อพวกมันที่นั่น” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก

“ถ้าอย่างนั้นคงต้องจ้างรถไปแล้วล่ะค่ะ” ซูตานหงกล่าวหลังจากได้ยิน

“ผมถามพี่หงแล้ว หล่อนบอกว่าคราวหน้าถ้าเข้าเมืองจะเป็นคนซื้อให้เรา ส่วนเราก็แค่ให้เงินกับหล่อนโดยที่ผมไม่ต้องเดินทางไปเมืองเจียงสุ่ยเองน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม

“นั่นไม่รบกวนไปเหรอคะ?” ซูตานหงพูด

“ผมก็บอกปัดไปเหมือนกัน แต่หล่อนก็บอกว่าหล่อนกำลังแนะนำธุรกิจของตัวเองให้กับพี่สาว แล้วก็ต้องซื้อของขวัญให้กับคนที่อยู่ทางนั้นด้วย เราซื้อตู้เย็นเสวี่ยฮวา(1)กับเครื่องซักผ้าโหยวอี้(2)กันเถอะ แล้วก็ให้พวกเขาส่งมาที่นี่ได้ ทุกอย่างน่าจะราบรื่นดีไม่มีปัญหา” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม

“คนอื่นเขาพูดว่าอย่างนั้นเหรอคะ?” ซูตานหงยิ้มยิงฟันให้กับจี้เจี้ยนอวิ๋น แล้วเธอก็เหลือบมองห่อนมผงมอลต์สกัดหลายห่อที่หงเจี่ยให้มาและพูดว่า “พี่หงให้นมมอลต์สกัดกับฉันเยอะเลย ฉันกินของเก่าที่หล่อนเคยให้ไว้ตั้งแต่เริ่มท้องเลยล่ะค่ะ”

“ถ้าสวนผลไม้ของเราออกผลแล้ว ถึงตอนนั้นก็เชิญหล่อนมากินแบบไม่ต้องเสียเงินกันนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม

ซูตานหงยิ้มให้เช่นกัน

ประสิทธิภาพการทำงานของเจินเหมียวหงนั้นเรียกว่าว่องไวอย่างมาก หนึ่งสัปดาห์ต่อมาหล่อนก็มากับรถบรรทุกสี่ล้อ

นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนมาที่นี่ ที่หล่อนมาในครั้งนี้ก็เพราะต้องมาส่งตู้เย็นและเครื่องซักผ้าให้กับซูตานหง

แม้หมู่บ้านแห่งนี้จะไม่เล็ก แต่เหตุการณ์ที่มียานพาหนะขนาดใหญ่เคลื่อนผ่านก็สร้างความฮือฮาได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อทุกคนรู้ว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อเครื่องซักผ้ากับตู้เย็นให้ภรรยา ซึ่งเหตุการณ์นี้เหมือนกับขีปนาวุธระเบิดกลางหมู่บ้านเลยทีเดียว

พวกเขาเคยเห็นภรรยาผู้ถูกตามใจมาแล้ว แต่ไม่เคยเห็นภรรยาของบ้านไหนที่ถูกตามใจขนาดนี้มาก่อนเลย!

…………………………………