ตอนที่ 644 ฉันไม่ใช่เครื่องจักร

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

บทที่ 644 ฉันไม่ใช่เครื่องจักร โดย Ink Stone_Fantasy

ทั้งสามารถหลบการโจมตีจากพลังจิต แล้วยังสามารถหลบเลี่ยงหนวดสัมผัสรูปสสารได้อีกด้วย นี่มันรวมผู้มีความสามารถพิเศษด้านศักยภาพร่างกายและด้านพลังจิตเอาไว้ในร่างเดียวชัดๆ!

ตอนแรกหลิงม่อนึกว่าหลังจากที่อ้ายเฟิงกลายเป็นภาชนะ ก็จะสูญเสียตัวตนไป แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ไปได้…

“คิกคิก…” เสียงหัวเราะของอ้ายเฟิงดังอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความคิดหลิงม่อสับสนวุ่นวาย

เขาเพิ่งจะตั้งสติได้ แต่ทันใดนั้นสายตาของเขากลับพร่าเลือน มองเห็นเพียงอ้ายเฟิงวิ่งพุ่งเข้ามาทางตัวเอง

อ้ายเฟิงโฉบเฉี่ยวไปมาด้วยความเร็วอย่างต่อเนื่อง เขาฝ่าวงล้อมหนวดสัมผัสเข้ามาจนถึงตรงหน้า จากนั้นก็เหวี่ยงหมัดเข้ามาทางหลิงม่อตรงๆ

“โคตรเร็ว!”

หลิงม่อแววตานิ่งงัน เขากางตาข่ายหนวดสัมผัสขึ้นตรงหน้าตัวเอง และถอยกรูดไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ

แต่เมื่อหมัดลูกนั้นสัมผัสถูกตาข่ายหนวดสัมผัส ดวงตาของอ้ายเฟิง พลันฉายแววเหี้ยมเกรียมและเย็นชาออกมาทันที

เขาบิดตัวหันข้าง ยกแข้งขึ้นฟาดมาทางเอวหลิงม่อ ขณะเดียวกันพลังงานทางจิตกลุ่มหนึ่งก็จู่โจมเข้ามาทางหลิงม่อพร้อมๆ กัน

หลิงม่อพุ่งเป้าความสนใจทั้งหมดไปที่การจู่โจมทางกายของอีกฝ่าย ถึงแม้จะทันสังเกตเห็นพลังจิตจู่โจมกลุ่มนี้ แต่ก็ยังตอบสนองช้าไปหนึ่งก้าวอยู่ดี

ขณะเดียวกับที่เขาเพิ่งจะหลบลูกเตะพ้น ตาข่ายหนวดสัมผัสตรงหน้าเขากลับรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล

“อึก…” หลิงม่อยืนโงนเงน และถอยหลังติดๆ กันหลายก้าว เขาส่งเสียงครางออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะยืนอย่างมั่นคง นึกไม่ถึงว่าอ้ายเฟิงจะก้าวตามมาติดๆ อย่างไม่ยอมปล่อย เขากระโดดตัวลอยและฟาดแข้งมาทางหลิงม่ออีกครั้ง

สวบ!

เสียงแหวกลมแรงดังมา หากโดนลูกเตะนี้ฟาดเข้า ก็คงไม่ต่างอะไรกับถูกวัวขวิด

ความจริง พลังของผู้มีความสามารถพิเศษด้านศักยภาพร่างกายนั้นไม่อาจประมาทได้ แล้วยิ่งอ้ายเฟิงซึ่งเป็นสมาชิกระดับนี้ของนิพพานด้วยแล้ว

เมื่อกี้ตอนที่ถูกแผนตกปลาของหลิงม่อปั่นหัวจนหัวหมุน อ้ายเฟิงก็เหมือนกับคนที่มีพลังอยู่เต็มตัว แต่กลับไม่มีคู้ต่อสู้ให้ใช้พลังด้วย

แต่ตอนนี้ ภายใต้ความช่วยเหลือของหมายเลข 0 เขาไม่เพียงได้โอกาสในการปะทะกับหลิงม่อซึ่งๆ หน้า แต่ยังสามารถปลดปล่อยพลังของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ด้วย

หลิงม่อถอยกรูดอย่างทุลักทุเล แต่เขากลับเร็วสู้อ้ายเฟิงไม่ได้ จึงทำได้เพียงกางตาข่ายหนวดสัมผัสอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้การโต้ตอบของอ้ายเฟิงรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า เขาไม่จัดท่าเตรียมโจมตี แต่กลับเตะเข้าที่ตาข่ายหนวดสัมผัสทันที

ปึงง!

พลังงานที่แตกต่างกันสองกลุ่มปะทะกันอย่างแรง จนถึงขั้นทำให้เฟอร์นิเจอร์ที่อยู่รอบๆ ตัวสั่นสะเทือน

ตาข่ายหนวดสัมผัสค่อยๆ เลือนหายไปในระหว่างที่ต้านทานแรงกระแทก แต่ทันใดนั้นพลังโจมตีทางจิตที่รุนแรงยิ่งกว่าก็พุ่งเข้ามาซึ่งๆ หน้า

“ยังคิดว่า…ฉันเป็นเครื่องจักรอยู่ไหม?” เสียงหัวเราะน่าเกลียดของอ้ายเฟิงราวกับเสียดแทงเข้าไปในสมองของหลิงม่อ กระทั่งถึงขั้นเกิดเสียงสะท้อนก้องอยู่ในหัว

หลิงม่อเสียสมาธิอย่างไม่รู้ตัว ทันใดนั้นเสียง “วูบ” ก็ดังขึ้นในสมอง ราวกับว่าร่างกายของเขาตกลงไปในน้ำ เสียงสะท้อนแปลกๆ มากมายดังก้องอยู่ในหูเขา

การจู่โจมทางจิตครั้งนี้เกิดขึ้นและหายไปในชั่วพริบตา แต่ในความรู้สึกของหลิงม่อ เวลารอบตัวกลับหยุดลงทันใด

ราวกับว่าตรงหน้าเขาเหลือเพียงราวแขวนเสื้อผ้าเนื้อไม้เอียงๆ และใบหน้าของอ้ายเฟิง รวมถึงเสียงแปลกๆ ของเขาที่ดังแว่วมาจากก้นบ่อน้ำลึก

“ฉันรู้สึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเธอแล้วล่ะ คนอย่างเธอนี่แหละ ที่จะเป็นภาชนะที่สมบูรณ์แบบที่สุดของฉัน ไม่…ไม่ใช่แค่ภาชนะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของฉันเลย! ฉันเบื่อกับการถูกใช้อย่างเครื่องมือเต็มทนแล้ว และเกลียดที่ถูกเรียกอย่างนี้…ฉันไม่ใช่เครื่องจักร!”

“ไม่ใช่เครื่องจักร!!!”

“เฮือกก!”

หลิงม่อสะดุ้งตื่นทันใด เขารวบรวมพลังจิต และต้านทานพลังโจมตีทางจิตของอ้ายเฟิง ขณะเดียวกันก็ถอยหลังไปหลายก้าว

“เคร้งคร้างๆ!”

ราวแขวนเสื้อผ้าเนื้อไม้ราวนั้นล้มลงกับพื้น หลิงม่อถอยห่างออกไปหลายเมตร เขาหอบหายใจแรงๆ พลางจ้องหน้าอ้ายเฟิงอย่างตกตะลึง

ท่ามกลางแสงสลัว ดวงตาของอ้ายเฟิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลเต็มไปด้วยกลิ่นอายประหลาด…

อยากได้เขา…เป็นภาชนะ?

คำพูดเมื่อกี้ คือสิ่งที่หมายเลข 0 ยัดเยียดเข้ามาในสมองของหลิงม่อผ่านการโจมตีทางจิตอย่างนั้นหรือ?

หลิงม่อยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองตามสัญชาตญาณ ทันใดนั้นสีหน้าเขาค้างเติ่ง เขาค่อยๆ เลื่อนนิ้วมือตัวเองไปแตะที่จมูก

บนนิ้วมือของหลิงม่อ มีของเหลวอุ่นๆ ติดอยู่เล็กน้อย

อาศัยแสงสว่างจากด้านนอกที่สาดส่องเข้ามา หลิงม่อถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ

มันคือเลือดกำเดา…

นึกไม่ถึงว่าการโจมตีทางจิตเมื่อเสี้ยววินาทีที่ผ่านมา จะสร้างแรงกดดันให้เขาได้มากมายขนาดนี้…

หลิงม่อตระหนักได้ทันที ว่าตัวเองประเมินนิพพานต่ำไปแล้ว

สาขาย่อยแห่งนี้อาจเป็นส่วนที่อ่อนแอมากในกลุ่มนิพพาน แต่คนที่กุมอำนาจในสาขาย่อยแห่งนี้ ต้องไม่ใช่คนที่สามารถกำจัดได้อย่างง่ายดายแน่นอน

ตรงกันข้าม กลับเป็นตัวเขาเองที่ถูกกำราบอย่างสิ้นท่า

ตลอดเวลาที่ผ่านมา นอกจากฝึกฝนพลังจิตของตัวเองอย่างต่อเนื่องแล้ว หลิงม่อก็ไม่เคยหย่อนยานกับตัวเองเรื่องการพัฒนาศักยภาพร่างกายเลยแม้แต่น้อย เขาถึงขั้นยอมใช้ยาจากเชื้อไวรัสปรับโครงสร้างทางร่างกาย เพื่ออุดช่องโหว่ของผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิต และจุดนี้ ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบของเขาเมื่อเผชิญหน้ากับผู้มีความสามารถหลายๆ คน

แต่ตอนนี้ ตอนที่เขายืนอยู่ต่อหน้าร่างรวมของอ้ายเฟิงและหมายเลข 0 ข้อได้เปรียบนั้นของหลิงม่อกลับมลายหายไปในพริบตา

ความแข็งแกร่งด้านพลังจิตของอีกฝ่ายและเขาอยู่ในระดับที่ไล่เลี่ยกัน แต่เขามีร่างกายของผู้มีความสามรถพิเศษด้านศักยภาพร่างกายที่แข็งแกร่งมากอยู่ด้วย…

“ถ้าอย่างนั้น ตอนนั้นนายก็จงใจปล่อยให้ฉันทำร้ายนายน่ะสิ…” หลิงม่อเงยหน้าถาม

อ้ายเฟิงบิดคอไปมา แล้วแสยะยิ้ม “ไม่…นายโจมตีฉัน…โดยไม่ทันตั้งตัว…ด้วยตัวนายเอง…”

“หึหึ” หลิงม่อหัวเราะเย็นชา

ยังไม่ต้องสนใจว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้ขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา หลิงม่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

มู่เฉินกำลังต่อสู้กับสองคนนั้น ถึงแม้จะได้โอกาสจากการลอบโจมตีก่อน แต่ถึงอย่างไรเขาก็บาดเจ็บอยู่ ดังนั้นจึงยังไม่สามารถหวังพึ่งเขาได้ในตอนนี้

กลับเป็นเมล็ดพันธ์พลังจิตของหมายเลข 0 ในสมองของเขา ที่ต้องระวังมากกว่าปกติ

ด้านเย่เลี่ยนและหลี่ย่าหลิน พวกเธอยังคงกำจัดทีมค้นหาพวกนั้นอยู่ในตึก ถึงแม้หลิงม่อสามารถเรียกพวกเธอมาได้เพียงใจนึก แต่…

มือข้างหนึ่งของเขากำหมัดแน่น ส่วนอีกข้างก็ยกขึ้นปาดเลือดกำเดาเหล่านั้นออก

เบื้องหลังของอ้ายเฟิง (หมายเลข 0) คือนิพพานสำนักงานใหญ่ ด้วยพลังจิตของเขา จะต้องดูออกแน่นอนว่าพวกเย่เลี่ยนไม่ใช่คนธรรมดา…

ยิ่งไปกว่านั้น นิพพานสามารถสร้างสัตว์ประหลาดอย่างหมายเลข 0 และหมายเลข 1 ขึ้นมาได้ แล้วซอมบี้ลักษณะพิเศษอย่างพวกเย่เลี่ยน พวกเขาจะไม่สนใจหรือ?

แม้จะมีความเป็นไปได้แค่ 1% ก็ไม่อาจดึงพวกเธอให้มาตกอยู่ในอันตรายได้…

สิ่งสำคัญคือ ตอนนี้หลิงม่อไม่มีความมั่นใจ ว่าจะสามารถฆ่าหมายเลข 0 ก่อนที่เขาจะส่งสัญญาณออกไปได้

เป็นครั้งแรกที่ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเหมือนตัวเอง หลิงม่อรู้สึกได้ถึงความกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ไม่ได้การ อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว…”

หลิงม่อถอยหลังช้าๆ หางตาเหลือบมองหน้าต่างขอบติดพื้นที่อยู่ด้านหลังตัวเอง

อีกไม่นานจะมีกำลังเสริมมาสมทบอีก มีคู่ต่อสู้ตัวฉกาจอยู่ตรงนี้ เขาต้องถูกดึงให้เข้าไปอยู่ในวงล้อมแน่ๆ ต้องคิดหาทางอื่นโดยด่วนแล้ว…

หลังจากที่โจมตีอย่างดุดันไปเมื่อครู่ อ้ายเฟิงกลับไม่ได้รีบร้อนพุ่งเข้ามาอีกครั้ง

ตรงกันข้าม เหมือนเขากำลังสนใจปฏิกิริยาของหลิงม่ออย่างมาก

“นายรู้ไหม? มีเสียงมากมายดังอยู่ในหัวของฉัน และในแต่ละวันฉันก็จะได้ยินเสียงที่แตกต่างกันไปมากมาย…” เขาสะบัดหัวไปมา แล้วพูดช้าๆ “แต่ฉันรู้สึก สนใจ…เสียงของแกกว่าใครๆ…คิกคิก”

“งั้นหรอ?” หลิงม่อแอบถอยหลังเงียบๆ แม่เอ็งเขาไม่ได้แค่สนใจเฉยๆ แน่นอน เขาต้องการจะเอาดวงแสงแห่งจิตของหลิงม่อไปหลอมรวมกับไอ้ของประหลาดนั่นชัดๆ!

ทว่าถึงแม้ตอนนี้หมายเลข 0 จะแข็งแกร่งมาก แต่สุดท้ายแล้วเขาคืออะไรกันแน่?

หลังจากที่กลายเป็นอย่างนี้ไป เขาก็ไม่ถือว่าเป็นมนุษย์เสียด้วยซ้ำ

และแม้ว่าพลังกลืนกินของหลิงม่อจะไม่สามารถดูดกลืนพลังของเป้าหมายได้อย่างหมดจด แต่เขากลับสามารถรวมพลังงานทางจิตเหล่านั้นเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเองได้ โดยที่ไม่เกิดผลกระทบใดๆ ต่อสภาพจิตใจของตัวเอง

เมื่อเป็นอย่างนี้ เป้าหมายที่ถูกบังคับให้บรรลุผลโดยอาศัยการรบกวนจากภายนอก ถึงแม้จะสามารถสร้างผู้แข็งแกร่งอย่างนี้ขึ้นมาได้ แต่ระหว่างนั้นกลับไม่รู้ว่าต้องทำลายคนไปมากเท่าไหร่…

ไม่นึกเลยว่าสัตว์ประหลาดอย่างนี้ กลับคิดอยากจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขา

แต่ว่า ตัวเขาเองก็อยากกลืนกินพลังจิตของอีกฝ่ายไม่ใช่หรือ?

“มาเป็นหนึ่งเดียวกันเถอะ ฮิฮิฮิ…” ทันใดนั้นเสียงของอ้ายเฟิงก็เปลี่ยนเป็นเสียงของผู้หญิง ซ้ำน้ำเสียงยังแฝงแววเย้ายวนอยู่ในที

“เชี่ย! ไอ้โรคจิต!” หลิงม่อขนลุก แต่ในตอนนี้เอง เขากลับกระโดดถอยหลังไปทันที “กล้าก็ตามมา!”

อ้ายเฟิงสีหน้าค้างเติ่ง เขาพุ่งตัวไปด้านหน้าทันที

แต่ขณะที่เขายื่นมือออกไปตรงหน้าหลิงม่อ หลิงม่อก็ใกล้จะสัมผัสโดนกระจกหน้าต่างด้านหลังแล้ว

ทว่าก่อนที่เขาจะกระแทก เสียง “เพล้ง” ก็ดังสนั่นขึ้นมาทันที เศษกระจกมากมายกระจายออกไปทั่วทิศ

หลังจากใช้หนวดสัมผัสทางจิตรูปสสารตีกระจกจนแตก หลิงม่อก็พุ่งออกไปอย่างไม่รีรอ

มือของอ้ายเฟิงที่คว้าพลาดค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ ถูกเศษกระจกมากมายกรีดข่วนจนเป็นแผลเลือดออก

เขาก้มหน้ามองแขนตัวเอง ดวงตาพลันฉายแววโหดเหี้ยม “ไม่ปล่อยให้หนีไปได้หรอก…ไม่มีทาง! อ๊ากกกก / กรี๊ดดด!” เสียงกรีดร้องสุดท้ายของเขาเปลี่ยนโทนเสียงไปมา มีทั้งเสียงผู้ชายและผู้หญิง ฟังดูน่ากลัว นอกจากนั้น เขาก็กรีดร้องไปด้วย และยื่นหน้าก้มมองมาข้างล่างด้วย จากนั้นก็พุ่งตัวไปทางประตู และวิ่งลงบันไดไป

หลิงม่อที่กระโดดออกจากตึกลอยค้างอยู่กลางอากาศ เสียงสายลมพัดผ่านดังวืดๆ อยู่ข้างหู

ระหว่างที่ร่อนตัวลงด้านล่าง จู่ๆ เขาก็ยื่นมือออกไปคว้าอากาศเบื้องหน้า

หนวดสัมผัสเส้นหนึ่งพุ่งไปเกี่ยวเครื่องหมายการค้าที่นูนขึ้นทันที จากนั้นก็ดีดตัวหลิงม่อไปยังหน้าต่างกระจกอย่างแรง

“เพล้ง!”

ก่อนที่เขาจะเข้าใกล้หน้าต่าง กระจกบานนั้นก็ได้แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ และตาข่ายหนวดสัมผัสก็ได้โอบอุ้มเขา ทำให้เขาทิ้งตัวลงพื้นได้อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน

เขารีบกวาดมองรอบทิศอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองไปทางประตูห้อง หลังยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก ก็รีบวางกระเป๋าเป้ลงบนพื้น แล้วรูดซิปเปิด

วัตถุก้อนหนึ่งซึ่งถูกแรปถนอมอาหารห่อหุ้มไว้อย่างมิดชิดถูกเขาล้วงออกมา และหลังจากที่เขาเปิดมัน กลิ่นประหลาดกลิ่นหนึ่งก็ลอยโชยออกมาทันที

“ประสิทธิภาพไม่สูง แต่ก็ดีกว่าไม่มี”

หลังจากแขวนวัตถุที่ซอมบี้ศพน้ำผลิตโดยการคายออกมาไว้ที่เอวแล้ว หลิงม่อก็หยิบของอีกอย่างออกมา

ของที่ดูคล้ายแมงกะพรุนนั่น…

หลังจากที่ได้ของสิ่งนี้มา หลิงม่อก็ได้แอบศึกษามันอยู่หลายครั้ง

ตอนแรกเขานึกว่ามันเป็น “จุกนม” ของทารกตัวแพร่เชื้อ แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากออกห่างจากซอมบี้ทารกนั่นแล้ว มันกลับกลายเป็นวัตถุที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างอิสระ

อีกอย่างถึงจะไม่รู้อะไรอย่างอื่น แต่หลิงม่อกลับค้นพบวิธีใช้ที่มีประโยชน์มากอย่างหนึ่ง

อยู่ต่อหน้ามู่เฉินเขาไม่มีโอกาสได้ใช้ แต่เมื่อกี้ตอนที่ลอบทำร้ายหลัวอวี้หลง เจ้าวัตถุชิ้นเล็กๆ นี่กลับได้ถูกใช้ประโยชน์ไปแล้วครั้งหนึ่ง

เวลานี้ หลังจากที่หลิงม่อนำมันออกมา ภายนอกดูไม่ต่างจากเวลาปกติ แต่ถ้าหากใช้พลังจิตตรวจสอบดู ก็จะพบว่าภายใน “แมงกะพรุน” ตัวนี้ มีจุดขาวๆ อยู่เต็มไปหมด…

—————————————————————————–