ตอนที่ 497 ที่นี่มีเทพฉือซิ่ว

ตำนานเทพกู้จักรวาล Tales of Herding Gods

เทพหัวนกเอียงคอและกระพือปีก เขากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าจะไม่รู้เรื่องที่ตัวเองทำได้อย่างไร คิดอีกที! ประเดี๋ยวท้าวยมราชก็จะตัดหัวเจ้า แล้วค่อยให้เจ้าเข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงตาย”

ฉินมู่งงงวย เขาจำอะไรไม่ได้สักอย่าง ว่าจะทำให้เขาไปสะกิดต่อมเคืองของท้าวยมราชเข้า

หรือเพราะว่าข้าขับเรือจันทราจากไป แต่เรือจันทราไม่ได้เป็นของยมโลก เป็นของเผ่านักต้อนตะวันต่างหาก ท้าวยมราชดูแคลนพฤติกรรมของผู้พิทักษ์จันทรา ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมรับการสวามิภักดิ์ การขับเรือจันทราไป ไม่น่าจะใช่อาชญากรรม ใช่ไหมนะ

เขาเข้ามาในยมโลกเพื่อค้นหาผู้ใหญ่บ้าน และตรวจสอบดูว่าปรมาจารย์เยาว์ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่ แม้ว่าเทพหัวนกจะบอกว่าเขาทำอะไรไม่ดีไปบางอย่าง แต่ฉินมู่ก็ไม่กังวลเลยแม้แต่นิด ในทางกลับกันเขากลับรู้สึกคาดหวังเล็กๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เขาอยากหนี เขาก็หนีไปไหนไม่ได้

ทันใดนั้น เสียงคำรามของซิงอ้านก็ดังมา “หมอเทวดาฉิน เจ้าทำอะไรข้า”

ฉินมู่หันกลับไปมอง ตัวตนอันแข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้า บัดนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไป เขานั้นมีชิ้นส่วนร่างกายทุกชนิดโผล่ห้อยออกมาทั่วตัวเขา บางหัวก็เป็นของชาย บางหัวก็เป็นของหญิง มีทั้งหนุ่มและแก่ แต่ไม่มีอันไหนสักอันที่เป็นของเขาแต่เดิม

เมื่อมาถึงแดนเป็นของคนตาย สำนึกรู้เดิมของชิ้นส่วนร่างกายต่างๆ ก็ฟื้นคืนกลับมา และแขนขาที่เคยขาดหายก็ฟื้นฟูมาใหม่ แย่งชิงชิ้นส่วนร่างที่เคยเป็นของพวกเขา เมื่อเทียบกันแล้ว สำนึกรู้ของซิงอ้านนั้นมิได้แข็งแกร่งไปกว่าพวกที่กำลังยึดครองร่างเขาอยู่ในขณะนี้

เขาไม่อาจควบคุมร่างกายอันพิลึกกึกกืออันเต็มไปด้วยอวัยวะแบบนี้อีกต่อไป!

“ซิงอ้าน เจ้าทำอะไรพวกข้า” หัวยี่สิบสามสิบหัวนั้นถามระเบ็งเซ็งแซ่ และเริ่มต่อสู้กันและกัน มันเหมือนกับลูกบอลกลมๆ ที่กลิ้งไปมารอบๆ

“ซิงอ้าน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าทำเจ้า แต่เป็นสิ่งที่เจ้าทำกับพวกเขา เจ้าขโมยชิ้นส่วนร่างกายต่างๆ อันสร้างเป็นตัวเจ้าในปัจจุบัน ในแดนเป็นของคนตายแห่งนี้ คนเป็นก็จะตาย และคนตายก็จะมีชีวิต ดูที่ข้าและกิเลนมังกรสิ และเจ้าก็จะเข้าใจคำพูดของข้า” ฉินมู่กล่าวอย่างเศร้าใจ

ซิงอ้านขยับไม่ได้เลยแม้แต่น้อย มีก็แต่แขนขาของคนอื่นๆ ที่กระทำได้ เขาได้ขโมยชิ้นส่วนร่างกายจากผู้อื่นมามากเกินไป และผลที่เกิดขึ้น สิ่งเดียวที่เป็นของเขาจริงๆ ก็มีเพียงสามดวงวิญญาณในร่างของเขา

แม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิม เขาก็แย่งชิงมาจากคนอื่น!

เทพหัวนกเอียงคอมองไปที่เขา “ซิงอ้าน ท้าวยมราชก็อยากเจอเจ้าเช่นกัน เจ้าได้จิตวิญญาณดั้งเดิมอันทำให้เขาสนใจมา ทุกคน ตามข้ามา”

ลูกชิ้นก้อนมหึมา อันก่อขึ้นมาจากซิงอ้านร้องคำราม และพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะออกไปจากโลกนี้ แต่กระนั้นชิ้นส่วนร่างกายต่างๆ ก็ไม่ฟังเขา ในทางกลับกัน พวกมันคลานไต่ไปทางยมโลก

“ปล่อยข้าไป!”

เสียงของซิงอ้านมีวี่แววของความกลัว เป็นครั้งที่สองที่เขารู้สึกถึงความกลัว

ครั้งแรกนั้นคือเมื่อเขาได้เปิดสมบัติเทวะเป็นตาย เขาสังเกตพบว่าชีวิตของเขามีจุดจบ เมื่ออายุขัยของเขาสิ้นสุดลง แดนใต้พิภพข้างใต้เขตขั้นเป็นตายก็จะกลืนกินจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขา ส่งเขาเข้าไปในความมืดมิดชั่วนิรันดร์!

มันเป็นความน่าสยดสยองครั้งยิ่งใหญ่ ที่เขายอมรับไม่ได้โดยเด็ดขาด!

หลังจากเปิดสมบัติเทวะสะพานเทวะ เขาก็ตระหนักว่ามันขาดอยู่ และด้วยสติปัญญาของเขา เขาก็ไม่อาจซ่อมแซมมันได้ ดังนั้นซิงอ้านจึงเลือกหนทางอื่นไปสู่ความอมตะ

เขาแย่งชิงชิ้นส่วนร่างกายของผู้อื่น

ในเมื่อเขาไม่อาจเป็นเทพเจ้าได้ด้วยตนเอง และกายเนื้อของเขาก็จะชราไป เขาจึงเพียงแต่ต้องแย่งชิงร่างกายของผู้อื่น เพื่อแทนเข้าไปในกายเนื้อของเขาที่กำลังเสื่อมอายุขัย

เขานั้นหยิ่งผยอง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะเป็นเทพเจ้าอีกแบบหนึ่ง และพวกที่สะดุดสายตาของเขาก็ล้วนแต่เป็นตัวตนขั้นสุดยอดในโลกหล้า ตัวตนที่ได้บรรลุเขตขั้นเทวะในทางใดทางหนึ่ง

แม้ว่าเขาจะไม่ได้สังหารแพะแกะพวกนี้ แต่คนเหล่านั้นก็ยังตายเพราะเขา

บัดนี้พวกเขาฟื้นคืนชีพ และกลายเป็นเขาที่ตายแทน ผู้คนเหล่านั้นกำลังฉีกกระชากร่างกายเทพเที่ยงแท้ที่เขาได้ขัดเกลามาด้วยความอุตสาหะ หมายจะฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นๆ!

เขารู้สึกถึงความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจอีกครั้ง ความกลัวสูญเสียชีวิตของตน!

เทพหัวนกขยับเท้าของเขาเล็กน้อยเพื่อหาองศาที่สบายตัวกว่าเดิม เขาพลันหดคอกลับและนั่งจับเจ่าอยู่บนยอดเขา “ซิงอ้าน กรรมชั่วที่เจ้าก่อก็ถูกเปิดโปงขึ้นมาแล้ว แต่ผู้ที่ท้าวยมราชต้องการตัวมิใช่เจ้า–มันคือซากทัพแห่งสภาสวรรค์ที่อยู่กับเจ้า”

“ฮี่ๆๆๆ…” เสียงหัวเราะเย็นเยียบชั่วร้ายดังมาจากข้างในร่างของซิงอ้าน “ท้าวยมราชเหลวไหลอะไร เขานั้นก็แค่ซากทัพจากยุคเก่าก่อน! พวกเจ้ากำลังตามหาข้าสินะ”

“เทพหมอผีขุย!”

ฉินมู่ตกตะลึง เขาเห็นจิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุยขยายพองขึ้นมาจากร่างกายซิงอ้านอันเต็มไปด้วยอวัยวะ และก่อขึ้นมาเป็นสิ่งใหญ่มหึมาอันน่าแตกตื่นสะท้านขวัญที่สูงตระหง่านกว่าร้อยห้าสิบวา มันทั้งใหญ่โตและอลังการเสียยิ่งกว่าภูเขา ดวงตาทั้งสองเหมือนกับปากปล่องภูเขาไฟสองปล่องที่พ่นเพลิงพวยพุ่ง รอบๆ ตัวมันนั้นคือความมืดอันดิบดำ

เขามองจากที่สูงลงมายังเทพหัวนกบนภูเขา ยิ้มหยันและกล่าว “เจ้าก็เป็นซากทัพจากยุคเก่าก่อนเช่นกัน ข้าเคยพบเจ้ามาก่อน ผู้ตระเวนราตรีแห่งยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง เจ้ามันก็แค่นกแสกที่คอยคุมวิญญาณของพวกอาชญากรในยุคสมัยจักรพรรดิก่อตั้ง เทพเจ้าที่สามารถเดินทางข้ามไปมาระหว่างแดนใต้พิภพและโลกจริงได้ และนามของเจ้าก็คือฉือซิ่ว! ฉือซิ่ว รับการสักการะของข้า!”

เขาโค้งสักการะ แต่เทพหัวนกยืนอยู่อย่างมั่นคงบนภูเขา ไม่กระดุกกระดิกสักนิด

เพทหมอผีขุยตกตะลึงและโค้งคำนับอีกครั้ง เทพหัวนกยกกรงเล็บของมันขึ้นมา เพื่อลับกับจะงอยของตน

เทพหมอผีขุยสะท้านหัวใจไปหมด และเขารีบหันกายเพื่อจากไป วิ่งตะบึงออกจากแดนเป็นของคนตายอย่างไม่คิดชีวิต

เขายังไม่ทันตาย กายเนื้อของเขายังถูกสะกดเอาไว้ในภูเขาหยางในแดนโบราณวินาศ ดังนั้นเขาจึงไม่ฟื้นร่างกายกลับมาในยมโลก และมีก็แต่จิตวิญญาณดั้งเดิม ความเร็วของเขานั้นไร้เทียมทาน เร็วเสียยิ่งกว่าขาเทวะข้างไหนๆ

เขาเคลื่อนที่และข้ามทะเลหมอกในพริบตา แทบจะออกไปจากแดนยมโลก

แต่ในจังหวะนั้น เทพหัวนกฉือซิ่วก็โบกปีก และสายลมก็พุ่งผ่านฉินมู่กับคนอื่นๆ!

เขาเงยศีรษะขึ้นมองและเห็นมนุษย์หัวนกที่มีปีกสยายบังตะวัน ด้วยกรงเล็บของเขา เขาจับเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมอันใหญ่โตมโหฬารของเทพหมอผีขุย!

ในพริบตาถัดมา เทพหัวนกก็โบกปีกและวกกลับ เขากดเทพหมอผีขุยเอาไว้กับพื้นและแต่งไซ้ปีกขนของตนเองพลางจับเจ่าอยู่บนยอดเขา

ฉินมู่ตัวสั่นเทา กระดูกในร่างเขากระทบกันไปมาและส่งเสียงกรอกแกรก

เผชิญกับความเร็วระดับนี้ อย่าว่าแต่เขา แม้แต่เฒ่าเป๋ก็ไม่อาจหลบหนีไปได้ทันเวลา!

รูปร่างของเทพหัวนกฉือซิ่วนั้นแปลกพิสดารอย่างถึงที่สุด เมื่อเขาบินออกไปเมื่อครู่ เขาได้แปรเปลี่ยนจากร่างเนื้อกลายเป็นสภาวะจิตวิญญาณดั้งเดิมโดยบริสุทธิ์ ดังนั้นความเร็วของเขาถึงเหนือล้ำกว่าความเร็วใดๆ เร็วกว่าแม้แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมของเทพหมอผีขุย มันก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงสามารถติดตามไปทันอย่างง่ายดายและจับตัวกลับมาได้

ระหว่างที่เขาบินกลับมา เขาก็แปลงร่างกลับสู่สภาวะกายเนื้อ วิชาฝึกปรือที่ทำให้เขาแปลงสลับไปมาระหว่างสิ่งที่จับต้องไม่ได้และสิ่งที่จับต้องได้นี้ พิสดารอย่างเหลือล้น

มิน่าล่ะ เทพหมอผีขุยถึงกล่าวว่าเขาสามารถเดินทางเข้าออกแดนใต้พิภพได้อย่างอิสระ ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นเรื่องจริง ฉินมู่ครุ่นคิดอยู่ในใจ

เทพหมอผีขุยถูกโซ่พันธนาการเอาไว้ระหว่างที่เขาดิ้นรนไม่หยุด แต่ทว่าเขาก็ไม่อาจเป็นอิสระจากพวกมันได้

แม้แต่เทพเจ้าดุร้ายที่ทั้งกร้าวแกร่งและชั่วช้าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ก็ยังคงจนปัญญาในชั่ววินาทีนี้ เมื่อเขาเห็นว่าไม่อาจเป็นอิสระ เขาก็เงียบลงและยิ้มหยัน “ฉือซิ่ว ชีวิตของข้าเป็นของสวรรค์ และมิใช่ของท้าวยมราช! ต่อให้เจ้าจับตัวข้าไว้แล้วก็แล้วอย่างไร”

เทพหัวนกกระพือปีก และโซ่อีกเส้นก็บินเข้าไปมัดซิงอ้าน มันถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูกขาวและดูเหมือนจะเป็นกระดูกสันหลัง ยากที่จะบอกว่ามีข้อต่อบนนั้นทั้งหมดกี่ชิ้น

โซ่โครงกระดูกขาวมัดรอบๆ ซิงอ้าน ก่อนที่จะตวัดมามัดมือฉินมู่

ฉินมู่ฉงนใจเล็กๆ “ข้าหนีไปไม่ได้หรอก ทำไมศิษย์พี่ฉือซิ่วต้องลำบากด้วย”

“อย่าพูด ข้าเกลียดชังกลิ่นของมนุษย์ตัวเป็นๆ”

เทพหัวนกขยับ และโซ่กระดูกขาวก็มัดโยงฉินมู่เข้ากับเทพหมอผีขุย ลากพวกเขาไปยังยมโลก ฉินมู่รีบกล่าวทันที “ข้ายังมีหีบและกิเลนมังกร”

“น่ารำคาญจริงๆ”

ฉือซิ่วหัวนกปลดโซ่และกล่าว “ปลุกกิเลนมังกรของเจ้าและรีบเดินเข้า อย่าพยายามจะหนี เจ้าหนีไม่รอดหรอก!”

ฉินมู่เตะกิเลนมังกรให้ตื่น แต่มันก็ยังไม่ฟื้นสติขึ้นมา ฉือซิ่วจึงเด็ดขนนกของเขาออกมาเส้นหนึ่งและโบกมันเหนือหน้าผากของกิเลนมังกรเบาๆ เท่านั้นแหละเจ้าอ้วนนี่ถึงตื่นขึ้นมาได้ และตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดผวา

ฉินมู่ปลอบใจเขา “มังกรอ้วน อย่ากลัวไปเลย ปรมาจารย์อาจจะอยู่ที่นี่ บัดนี้เมื่อพวกเราเข้ามาในยมโลก พวกเราก็อาจจะสามารถพบกับเขาได้”

กิเลนมังกรจิตกระเจิดกระเจิง และเขาตะกุกตะกัก “ทะ-ท่านบอกข้าไม่ใช่หรือว่าปรมาจารย์ได้บรรลุเป็นเทพเจ้า”

ฉินมู่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “ปรมาจารย์ได้กลายเป็นเทพเจ้าในยมโลก”

กิเลนมังกรนิ่งงัน และยกอุ้งเท้าของเขาเพื่อปาดป้ายเบ้าตา ตอนนี้เขาไม่มีร่างเนื้อ ดังนั้นเขาก็ไม่มีน้ำตาเช่นกัน

“ข้าว่าแล้วว่าท่านต้องโกหกข้าในตอนนั้น…” เขาคอตก

ฉินมู่คิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าว “ดูสิ ในโลกนี้ ข้าและเจ้าเป็นคนตาย แต่ปรมาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ดี ในโลกของพวกเรา พวกเรามีชีวิต แต่ปรมาจารย์ตายไป บางทีความเป็นและความตายมิใช่สิ่งที่เจ้าคิดเข้าใจ และหลังจากความตาย มันก็อาจจะเป็นเพียงการดำรงชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้น เจ้าไม่ต้องเศร้าไปหรอก”

กิเลนมังกรเงยศีรษะขึ้นมาและกล่าวอย่างจริงจัง “แต่หลังจากวันนี้ ท่านต้องไม่โกหกข้าอีกนะ”

ฉินมู่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ข้ากลัวว่าเจ้าจะรับไม่ได้ ก็เลย…”

“ข้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว ข้ารับได้” น้ำเสียงของกิเลนมังกรนิ่งสงบและกล่าวต่อ “ข้าพอใจมากแล้วล่ะที่เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งนี้ได้…จ้าวลัทธิ กระดูกก้นกบของท่านทำให้ข้าเจ็บ”

ฉินมู่ลุกขึ้นยืนและเหยียบไปบนหัวของเขา กิเลนมังกรติดตามเทพหัวนกผ่านประตูนรกตรงไปยังเมืองยมโลก

ข้างหลังพวกเขา หีบติดตามมาพลางส่ายโงนแงน มันเซซ้ายเซขวา ราวกับว่ากำลังมึนเมา ฉินมู่หันกลับไปและฉงนฉงาย แต่ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ แย่แล้ว ในหีบนั้นมีแขนและขาเต็มไปหมด!

ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ หีบใหญ่ของซิงอ้านก็ไม่อาจกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป มันอ้าเปิดออก อาเจียนเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในนั้น

ผู้คนมากมายอันทั้งประหลาดและพิลึก และยังมีฝูงโครงกระดูกที่ลิงโลดจนโดนเต้นไปมา ถูกพ่นขึ้นไปบนอากาศ

“พวกเราอยู่ในยมโลกแล้ว!”

โครงกระดูกเหล่านั้นงอกเลือดเนื้อขึ้นมาในอากาศและร่วงลงกับพื้น กลายเป็นชายและหญิงทั้งหลายที่ร่างกายเปลือยเปล่า พวกเขาดีใจจนเนื้อเต้นและวิ่งตะบึงตรงไปยังยมโลก!

ในขณะเดียวกันนั้น ผู้คนที่ถูกพ่นออกมาจากหีบก็ไม่ครบสมบูรณ์ บางคนก็ขาดแขน และบางคนก็ขาดขา มีกระทั่งผู้คนที่มีรูโหว่ใหญ่กล่างหน้าอก หัวใจของเขาหายไป

บางคนก็ซี่โครงหาย บ้างก็ไม่มีดวงวิญญาณ และบ้างก็ขาดสมบัติเทวะ สิ่งที่พวกเขาขาดหายไปล้วนแต่ประหลาดและพิลึกกึกกือ

คนเหล่านี้ยืนงุนงง พวกเขาคือชิ้นส่วนอวัยวะที่ซิงอ้านได้เก็บสะสม

หีบวิ่งตามผู้คนที่วิ่งหนีไปอย่างไม่ลดละ หมายที่จะจับพวกเขากลับมาเป็นของสะสมของมันใหม่อีกครั้ง

ฉินมู่รีบเรียกมันกลับมาและกล่าว “ผู้คนพวกนั้นได้ฟื้นคืนชีพมาแล้ว ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องเก็บสะสมพวกเขาอีกต่อไป ข้าจะให้สมบัติเจ้าหลายๆ ชิ้น แค่เอาพวกมันเก็บไว้ในท้องเจ้าแทนละกัน…”

ปัง ปัง ปัง

เสียงโครมครามดังมาจากหีบ และมันก็ขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น ผ่านไปพักหนึ่ง มันก็แปลงร่างเป็นสัตว์ยักษ์มหึมาเบื้องหน้าพวกเขา ฉินมู่อ้าปากด้วยความตื่นตระหนก ขากรรไกรของเขาเกือบร่วงลงพื้น เขารีบคว้ากระดูกขากรรไกรของตัวเองเอาไว้

ขากรรไกรล่างของกิเลนมังกรก็ตกแทบจะถึงพื้นเมื่อเขาอ้าปากกว้างด้วยความไม่เชื่อสายตา

หีบสัตว์ประหลาดของพวกเขาได้กลายเป็นเต๋าตี้ตัวมหึมา!

………………………..