ตอนที่ 52 สวัสดี ปีศาจงูน้ำ

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ในคุกไฟของสำนักเทียนซือผนึกปีศาจงูน้ำพันปีไว้ตัวหนึ่ง นี่เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะในกลุ่มผู้อาวุโสจำนวนน้อย เล่ากันว่าเมื่อสามร้อยปีก่อน มีปีศาจงูน้ำสร้างกำเริบขึ้นทางตอนเหนือ มันกระหายเลือดและบ้าคลั่งอย่างมาก อาศัยการดูดเลือดมนุษย์มาพัฒนาวิชาของตน กระทั่งต่อมามันยังทำลายผู้คนทั้งหมดในชายแดนของเมือง มีศิษย์เทียนซือในเสวียนเหมินมากมายเดินทางไปกำราบปีศาจตัวนี้ แต่ล้วนถูกปีศาจกินเข้าไป แม้กระทั่งตระกูลขุนนางก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของมัน 

 

 

ปีศาจงูยิ่งกำเริบมากขึ้นทำลายสามเมืองทำให้ผู้คนในเมืองกลายเป็นเถ้าถ่านดูท่ามันกำลังจะเคลื่อนไหวเข้ามาจงหยวน สามนิกายสี่สำนักหกตระกูลในขณะนั้นถึงได้ร่วมมือกันเป็นครั้งแรก พยายามอย่างเต็มที่ที่จะกำจัดปีศาจตัวนี้ ถึงแม้จะต้องเสียสละลูกศิษย์จำนวนมากก็ตาม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกสำนักได้ตระหนักถึงว่าในโลกใบนี้ยังมีความอันตรายมากมายที่คนทั่วไปคาดไม่ถึง ดังนั้นจึงได้ละทิ้งความคิดอคติ จัดตั้งสำนักเทียนซือขึ้นมา 

 

 

จุดประสงค์ของสำนักเทียนซือนอกจากเพื่อรวบรวมศิษย์เสวียนเหมินทั่วยุทธภพแล้ว ยังจัดตั้งขึ้นเพื่อผนึกปีศาจตัวนี้อีกด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมากว่าสามร้อยปี ปีศาจงูน้ำที่ถูกผนึกไว้ในคุกไฟนั้นอ่อนแอลงทุกวัน จนแล้วจนเล่าทุกคนต่างลืมการมีอยู่ของมัน อีกทั้งแม้แต่ทางเข้าของคุกไฟก็ได้สูญหายไป มีเพียงเจ้าสำนักของสำนักเทียนซือเท่านั้นจะมียันต์ขนส่งหนึ่งใบ สามารถเข้าไปดูสถานกาณ์ในนั้นได้ในเวลาที่ผนึกอ่อนแอที่สุดตอนต้นปี 

 

 

แต่ว่าสวีชิงเฟิงไม่เคยคิดมาก่อนว่าทางเข้าคุกไฟจะอยู่ในตำหนักแห่งนี้ อีกทั้งยังถูกค้นพบจากศิษย์ที่มาเข้าร่วมการทดสอบครั้งแรกอีก 

 

 

เจ้าสำนักสวีไม่ได้เป็นกังวลว่าปีศาจงูน้ำจะออกมา แต่กลับกังวลว่าศิษย์ชั้นดีของเสวียนเหมินดูท่าจะต้องทิ้งชีวิตไว้ในนี้เสียแล้ว สถานที่ที่กักขังปีศาจงูน้ำเอาไว้นั้นวางเต็มไปด้วยข่ายพลังที่มีความอันตราย ข่ายพลังเหล่านั้นล้วนสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันปีศาจ ขนาดผู้เชี่ยวชาญด้านข่ายพลังอย่างท่านอาวุโสเจียวยังไม่กล้าบุกเข้ามาโดยพลการ นับประสาอะไรกับศิษย์ที่อายุยังน้อยเช่นนี้ 

 

 

ดังนั้นปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือ “เร็วเข้า รีบช่วยศิษย์คนนั้นออกมา” เป็นความผิดพลาดของพวกเขาถึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ 

 

 

ท่านอาวุโสทั้งสองดิ้นรนเช่นนี้ ถึงได้ตระหนักขึ้นมาได้ ท่านอาวุโสเจียวยิ่งเป็นคนแรกที่บุกเข้าไป แต่เมื่อยิ่งเดินลึกเข้าไป พวกเขาก็ยิ่งตกตะลึง 

 

 

“นี่…ข่ายพลังในนี้…ถูกทำลายหมดแล้ว!” 

 

 

“เป็นไปได้อย่างไร ข่ายพลังพวกนี้ล้วนเป็นข่ายพลังอันตราย นางทำลายได้อย่างไรกัน” 

 

 

ในทางเดินยังคงหลงเหลือพลังของข่ายพลัง อีกทั้งยังไม่เพียงแค่อันสองอัน แต่ว่าข่ายพลังทั้งหมดในทางเดินที่พวกเขาเดินผ่านมาล้วนถูกทำลาย 

 

 

“นางคงไม่…ปล่อยปีศาจงูออกมาแล้ว?” ท่านอาวุโสเอ่ยขึ้นมาอย่างกังวลใจ สีหน้าซีดราวกับคนตาย อีกทั้งเสียงก็ลดต่ำลง 

 

 

“ไม่ น่าจะไม่” เจ้าสำนักสวีก็เป็นกังวล ในใจเต้นตุบราวกับรัวกลอง “หน้าประตูที่ผนึกปีศาจงูน้ำไว้ มีข่ายพลังปิดกั้นที่สูญหายไป นางไม่อาจเปิดได้!” นี่ผ่านมานานแค่ไหนเอง นางเข้าสนามสอบมาเพียงครึ่งชั่วยาม ไม่น่าจะทำลายได้เร็วขนาดนั้น 

 

 

“ที่เจ้าสำนักพูด คือ…ประตูนั้น!” ท่านอาวุโสเจียวชี้ไปยังสุดทางเดินที่มีประตูข้างหนึ่งเปิดออก ในนั้นมีสีแดงสาดส่องออกมาจำนวนมาก 

 

 

เจ้าสำนักสวี “…” เห้ย! 

 

 

Σ(°△°|||)︴ 

 

 

เขาได้ยินเพียงเสียงหัวใจหล่นวูบลงไป ก่อนที่จะมีความหวาดผวาผุดตามขึ้นมา ทำให้เสียงยิ่งดังขึ้นอีกหลายระดับจนแทบจะเป็นการตะโกนออกมา “เร็ว ห้ามนางไว้!” 

 

 

เขารีบวิ่งเข้าไป อีกทั้งยันต์ชั่วขณะก็ใช้มันออกมา พุ่งเข้าไปทางประตูราวกับลม ไม่สนใจแสงสีแดงแสบตาและไอร้อนระอุที่พุ่งออกมาแต่อย่างใด หาร่างของคนบางคนทั่วบริเวณอย่างร้อนใจ 

 

 

แต่หันไปเห็นอวิ๋นเจี่ยวที่เพิ่งสร้างข่ายพลังเสร็จ ในมือกำลังถือธงเตรียมตัวจะเสียบลงยังพื้นดิน 

 

 

“อย่า!” เจ้าสำนักสวีตะโกนออกมาสุดชีวิต แต่ก็ไม่ทันการ ธงในมือของอวิ๋นเจี่ยวได้ปักลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

 

 

ตายแน่! 

 

 

ทันใดนั้นคนที่เพิ่งเข้ามาทั้งสามคนแสดงสีหน้าหมดหวัง 

 

 

แต่อวิ๋นเจี่ยวกลับตกใจ มองไปยังคนที่บุกเข้ามาทั้งสามแล้วผงะไป ทั้งสามคนนี้คือ…ผู้คุมสอบ? มาสายไปหรือเปล่า 

 

 

ยังไม่ทันได้คิดไกลไปกว่านี้ นาทีถัดมาข่ายพลังที่อวิ๋นเจี่ยวสร้างก็เกิดผล รอบด้านส่งเสียงดังออกมาหลายเสียง โซ่เหล็กใหญ่เท่าตัวคนที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นแตกออกเป็นทอดๆ กันไป สำนักเทียนซือเกิดความสั่นไหว พร้อมกับก้อนหินมากมายร่วงลงมา 

 

 

ทั้งสามคนถึงได้ตระหนักขึ้นได้ อย่างน้อยก็เป็นเทียนซือที่ฝึกฝนมานานหลายปี รู้ได้ว่าปีศาจงูน้ำจะออกสู่ยุทธภพเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว พวกเขาต้องไปติดต่อสามนิกายสี่สำนักหกตระกูลร่วมมือกันปราบมารอีกครั้ง 

 

 

“เร็ว! ออกจากที่นี่!” เจ้าสำนักสวีตะโกนเสียงดัง “พลังของปีศาจงูน้ำจะดูดกินเลือดคน” 

 

 

ท่านอาวุโสเฉินพยักหน้าเตรียมตัวจะออกไป ท่านอาวุโสเจียวหันไปเห็นอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ตรงข้ามยังยืนงงอยู่ “เจ้าหนูนั้นยังอยู่ตรงนั้น ข้าไปช่วยนาง” 

 

 

พูดจบก็ใช้ยันต์ชั่วขณะ วาบไปถึงด้านหน้าของอวิ๋นเจี่ยว พลางลากคนพลางพูด “เจ้าหนู ตามข้าออกไป ปีศาจงูน้ำจะออกมาแล้ว ต้องออกจากที่นี่ให้ไว” 

 

 

“ปีศาจงูน้ำ?” อวิ๋นเจี่ยวตะลึง ที่แท้ก็คือสิ่งที่ถูกขังอยู่ที่นี่เหรอ ไม่น่าข่ายพลังถึงได้ซับซ้อนเช่นนี้ นางเข้าใจขึ้นมาทันที เจียวเหิงอีลากนางเดินไปทางข้างนอก “ เดี๋ยว…” 

 

 

อวิ๋นเจี่ยวคิดอยากจะห้าม แต่ก็ไม่ทัน อีกฝ่ายได้ลากตนให้มุ่งไปทางประตูไป ทั้งสี่คนต้องคอยหลบโซ่เหล็กที่หล่นลงมา และพยายามขยับเข้าใกล้ประตู เห็นท่าทางทั้งสี่คนจะกลับเข้าสู่ทางเดินแล้ว 

 

 

ทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้นมา หน้าประตูถูกข่ายพลังอันหนึ่งกั้นเอาไว้ ไม่ให้ทั้งสี่คนข้ามไป ประตูหินปิดลงอัตโนมัติพร้อมส่งเสียงดัง ด้านบนยังปรากฏสัญลักษณ์ยันต์มากมาย 

 

 

“แย่แล้ว!” เจ้าสำนักสวีหน้าดำลง “ข่ายพลังปิดฆ่าเริ่มขึ้น พวกเราออกไปไม่ได้แล้ว” พลังปิดฆ่าเป็นวิธีการสุดท้ายสำหรับขัดขวางปีศาจงูน้ำ จะเริ่มมีผลก็ต่อเมื่อปีศาจงูน้ำได้หลุดจากผนึก จุดประสงค์ก็เพื่อกักขังไม่ให้ปีศาจงูน้ำได้หลุดออกจากคุกไฟ ถึงแม้อาจไม่สามารถต้านมันไว้ได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้คนข้างนอกมีเวลาในการคิดหาวิธี 

 

 

แต่ตอนนี้มันเห็นได้ชัดว่า พวกเขาถูกขังไว้ด้วยกันในนี้ด้วยข่ายพลัง 

 

 

“ระวัง!” ท่านอาวุโสเฉินรีบลากเจ้าสำนักสวีที่ค่อนข้างจะสิ้นหวังหลบจากโซ่เหล็กที่หล่นลงมาจากด้านบน มองไปยังเจียวเหิงอีด้วยสายตาร้อนรน “ท่านอาวุโสเจียว รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า จะทำลายข่ายพลังบนประตูได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นพวกเราคงได้ถูกฝังทั้งเป็นในนี้เป็นแน่” 

 

 

“ไม่ได้!” เจียวเหิงอีส่ายหัว “ข่ายพลังปิดฆ่านี้เป็นข่ายพลังระดับปฐพี อีกทั้งยังสูญหายไปแล้ว ถึงแม้จะทำลายก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทันที” 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นทำยังไง” ท่านอาวุโสเฉินยิ่งร้อนรนขึ้น มองโซ่เหล็กและก้อนหินหล่นลงมาจากด้านบนเรื่อยๆ “หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราจะไม่มีแม้แต่ที่จะหลบแล้ว” ไม่ถูกปีศาจงูน้ำฆ่าตาย ก็ถูกพวกโซ่เหล็กนี้หล่นทับตาย 

 

 

“เอ่อ คือ…” อวิ๋นเจี่ยวที่ถูกเจียวเหิงอีจับเอาไว้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก “ข้าว่าตรงนั้นน่าจะหลบได้!” นางชี้นิ้วไปยังตำแหน่งด้านหลัง 

 

 

ทั้งสามคนผงะ ก่อนจะหันไปมอง ถึงได้พบว่านั่นเป็นสถานที่ที่มีขนาดกว้างราวสิบฉื่อ ไม่มีโซ่เหล็กหรือก้อนหินหล่นใส่ ราวกับตั้งใจหลบอย่างนั้น อีกทั้งนั่นยังเป็นสถานที่ที่อวิ๋นเจี่ยวยืนเมื่อกี้ 

 

 

ท่านอาวุโสเฉิน “…” 

 

 

เจ้าสำนักสวี “…” 

 

 

เจียวเหิงอี “…”