บทที่ 45 ไม่ถอยอีกแล้ว![รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 45 ไม่ถอยอีกแล้ว![รีไรท์] EnjoyBook

บทที่ 45 ไม่ถอยอีกแล้ว![รีไรท์]

ถางโร้วหมดหนทาง เธอเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ชิงดีชิงเด่นกับใคร เธอแค่อยากร้องเพลงอย่างที่ชอบ แต่เรื่องราวไม่เป็นไปดังใจหวัง เมื่อเธอเปิดคอมพิวเตอร์เธอก็เห็นคำพูดใส่ร้ายป้ายสีและคำด่าของผู้คนเต็มว่อนอินเทอร์เน็ต

บนอินเทอร์เน็ตทำให้เธอหน้ามืดตาลาย ใบหน้าที่งดงามก็ขาวซีดราวกับกระดาษ

“ถางโร้ว เธอไม่ต้องเป็นห่วง บริษัทของเรามีอำนาจมาก พวกเขาจัดการเรื่องนี้ได้แน่ ๆ เธอไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ฉันเชื่อว่าบริษัทจะไม่ทำให้เธอถูกปรักปรำอย่างไม่ยุติธรรม”

ผู้จัดการหลิวซินกำลังพูดปลอบถางโร้วอยู่ข้าง ๆ และแอบถอนหายใจ ถางโร้วใสซื่อเกินไปแล้ว นิสัยของเธอไม่เหมาะสมกับวงการบันเทิงจากประสบการณ์หลายปีของหลิวซิน เธอรู้ว่า เรื่องนี้มีคนกำลังวางแผนใส่ร้ายถางโร้วอยู่อย่างแน่นอน

“ฉันอยากไปหาพี่ฉู่ชวิ๋น” ถางโร้วไม่ต่างอะไรจากดอกไม้ที่กำลังถูกพายุโหมกระหน่ำที่จะล้มมิล้มแหล่เธอคิดเพียงแค่ว่า อยากหลบหนีไปอยู่กับฉู่ชวิ๋นที่คอยปกป้องและปลอบโยนเธอ

หลิวซินดวงตาเป็นประกาย ใช่แล้ว ทำไมเธอถึงลืมว่าถางโร้วยังมีพี่ฉู่ชวิ๋น คนนั้นอยู่ ชายหนุ่มคนนั้นมีตัวตนลึกลับอาจจะช่วยอะไรถางโร้วได้

“เธอมีเบอร์โทรศัพท์ของเขาไหม?” หลิวซินถาม

ถางโร้วพึ่งจะคิดได้ แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยถามเบอร์โทรศัพท์ของฉู่ชวิ๋นเลย เธอได้แต่ส่ายหน้า หลิวซินยิ้มเจื่อน ๆ อย่างจนปัญญา ตอนนี้ถางโร้วแค่คิดจะเดินออกจากบริษัท ก็ต้องถูกนักข่าวที่อยู่ข้างนอกรุมล้อมสัมภาษณ์แน่นอน

“ปัง!” ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักเข้ามาอย่างรุนแรง เสี่ยวเหว่ยเลขาของหัวหน้าใส่รองเท้าส้นสูงเดินเข้ามา

เธอมองถางโร้วอย่างรังเกียจแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “หัวหน้าหลินหงเรียกคุณถางให้ไปในเข้าห้องประชุม”

“คุณไม่เข้าใจเรื่องมารยาทเหรอ? จู่ ๆ ก็เดินเข้ามาควรเคาะประตูก่อนไม่ใช่หรือไง?” หลิวซินถามอย่างไม่พอใจ

เลขาเสี่ยวเหว่ยส่งเสียง ‘เฮอะ’ ออกมาราวกับเหยียดหยามคำพูดหลิวซินและเดินออกห้องไป

“ตาสุนัขมองคนต่ำ” หลิวซินโกรธจนพ่นคำด่าออกมา

……

ในห้องประชุมมีหัวหน้าหลินหง หลินไค่และประธานหวงเฉินกวงที่มาพร้อมเฉินเชี่ยนเชี่ยน นอกจากนี่ยังมีผู้บริหารในบริษัทอีกหลายคนอยู่ด้วย เมื่อถางโร้วและหลิวซินเปิดประตูเข้ามา สายตาของทุกคนก็จ้องมองไปยังพวกเธอ ทำให้ทั้งสองคนยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ทำตัวไม่ถูก

“นั่งลงสิ!” หลินหงใช้สายตาชำเลืองมองพวกเธอและพูดขึ้นมา ทั้งสองคนเดินไปนั่งเก้าอี้สองตัวที่อยู่ด้านหลังสุด

หลินไค่มองไปยังถางโร้วสักพักก็ก้มหน้าลงปิดบังสายตาที่พึงพอใจของตัวเอง กลับกันเฉินเชี่ยนเชี่ยนจ้องมองถางโร้ว อย่างไม่ละสายตาเลยแม้แต่น้อยด้วยสายตาที่ชั่วร้าย

 หลินหงลุกขึ้นและมองไปรอบ ๆ แล้วพูดอย่างโกรธเคือง “เรื่องนี้ทุกคนน่าจะรู้กันหมดแล้ว หัวหน้าจี้ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดกับฉันหมดแล้วถึงเรื่องนี้ ลองพูดสิว่าเรื่องนี้ควรจะแก้ไขปัญหายังไง?”

ผู้จัดการจี้หรือชื่อจริง ๆ ชื่อว่าจี้หมิ่น เธออายุสามสิบกว่าและมีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม เธอคือหัวหน้าผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ เรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่างในบริษัทเธอเป็นคนจัดการดูแล

“ตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นยากจะแก้ไข อย่างแรกคือแหล่งที่มาของรูป เป็นไปได้ 2 ทาง หนึ่งคือรูปพวกนี้สื่อมวลชนถ่ายเอง สองมีคนตั้งใจเปิดเผยความลับออกมา ฉันได้ติดต่อกับหลายเว็บไซต์และหลายสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้องก่อนบอกให้พวกเขาหยุดเอารูปพวกนั้นมาวิจารณ์แล้ว เพื่อไม่ให้เรื่องมันเลวร้ายลงไปมากกว่านี้”

“แต่ว่านี้แค่การหยุดข่าวชั่วคราว ฉันมอบหมายให้คนไปตรวจสอบรูปภาพพวกนั้นมาแล้ว ไม่ใช่ข่าวปลอมแน่ ๆ ถ้างั้นมันชัดเจนแล้วว่า รูปพวกนี้เป็นรูปภาพจริง ๆ ดังนั้น พวกเราก็ไม่มีทางเลือกต้องใช้กฎหมายมาแก้ไขปัญหาเรื่องนี้”

ผู้จัดการจี้พูดเสร็จก็นั่งลง คนดูแลฝ่ายโครงการวางแผนเว่ยชิงฉวยก็ลุกขึ้นมาพูดต่อ

“เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดีมากมาย วันนี้พวกเราได้รับสายของบริษัทที่ร่วมมือกับเราตั้งหลายบริษัท ฝ่ายตรงข้ามต้องการให้พวกเรายุติสัญญาของถางโร้วและต้องการให้พวกเราจ่ายเงินค่าผิดสัญญาจำนวนมาก พวกเราคำนวณแล้ว เงินค่าผิดสัญญาสูงถึง 100 ล้านหยวนและยังไม่รวมถึงความเสียหายของชื่อเสียงบริษัทเราเองอีก”

คำพูดทุกประโยคของคนพวกนี้ทำให้ใบหน้าของถางโร้วขาวซีด เฉินเชี่ยนเชี่ยนที่อยู่ใกล้หวงเฉินกวงหยิกไปที่ต้นขาของเขาก่อนแอบใช้สายตาบอกเป็นนัย ๆ ว่าลงมือได้แล้ว

“ปัง!” หวงเฉินกวงพอรู้ตัวก็รีบลุกขึ้นมาแล้วใช้ฝ่ามือทุบบนโต๊ะ

“ทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน นักร้องที่มีพฤติกรรมเลวร้ายแบบนี้ ทำไมถึงมาอยู่ในบริษัทพวกเราได้? ฉันที่เป็นประธานบริษัทจะไม่ยอมให้แกะดำมาเป็นอันตรายกับผลประโยชน์บริษัท ดังนั้นฉันขอเสนอให้บริษัทยกเลิกสัญญากับถางโร้วและ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากถางโร้วเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงบริษัทคืนมา”

“ฉันเห็นด้วย”

เฉินเชี่ยนเชี่ยนยิ้มและพูดว่า “คนแบบนี้ภายนอกดูบริสุทธิ์ แต่ความจริงเป็นโสเภณีสำส่อนที่ทำเรื่องหน้าไม่อายมากมายขนาดนี้ แถมยังทำให้คนอื่นเสียหาย ถ้าหากว่าฉันทำแบบนี้ฉันคงไม่มีหน้ามาอยู่ตรงนี้”

ถางโร้วที่แสนอ่อนแอ ร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง ท่าทางของถางโร้วทำให้หลายคนสงสาร นิสัยที่นิ่งเงียบของเธอพอมาเจอเรื่องแบบนี้ เดิมทีก็ไม่ชอบโต้แย้งคนอื่นอยู่แล้ว เธอได้แต่ตื่นตระหนกและไร้หนทาง

“ที่นี่เป็นบริษัทใหญ่ มันใช่หน้าที่ของเธอที่ต้องพูดไหม ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง” หลิวซินโกรธจนลุกขึ้นมาพูดแทนถางโร้ว

สีหน้าเฉินเชี่ยนเชี่ยนหนักแน่นมาก “ทำผิดแล้วยังให้คนอื่นพูดอีก แน่จริงก็ไปทำให้พวกสื่อหุบปากซะสิ แล้วผู้จัดการต่ำต้อยอย่างเธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉัน”

“เป็นผู้จัดการแล้วจะทำไม? ผู้จัดการอย่างฉันก็ดีกว่าคนหน้าไม่อายอย่างเธอ ถางโร้วเป็นคนที่ฉันปั้นมาเองกับมือ ฉันเข้าใจการวางตัวของถางโร้วดี ไม่มีทางจะเป็นแบบที่สื่อมวลชนใส่ร้ายป้ายสีแน่นอน กลับกันเป็นเธอที่คอยอิจฉาริษยาถางโร้วที่ได้ดีกว่าเธอ กลั่นแกล้งถางโร้วสารพัด ทำไม? คิดว่าขึ้นเตียงกับผู้ชายแก่ ๆ ไม่กี่คนแล้วจะทำให้มีชื่อเสียงได้งั้นเหรอ? ไม่กลัวติดโรคหรือไง น่ารังเกียจจริง ๆ”

หลิวซินพูดออกมาจนหมดเปลือก อย่างแรกเลยเธอสงสารถางโร้ว อย่างที่สองคือเธอกำลังเดิมพันอยู่ เดิมพันว่าฉู่ชวิ๋นสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้ถางโร้วได้ เธอเลยกล้าพูดแบบนี้ออกมา

คำพูดของหลิวซิน ไม่เพียงแค่หวงเฉินกวงและหลินหง สีหน้าของผู้ชายครึ่งหนึ่งที่อยู่ในห้องประชุมก็ดูอึดอัดขึ้นมา บางเรื่องทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจแต่การพูดออกมาแบบนี้ตรง ๆ ก็เหมือนการตบหน้าคนคนนั้นอย่างโจ่งแจ้ง หลิวซินไม่รู้ว่าคำพูดของเธอนี้จะทำให้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ไม่พอใจมาก

“แกพูดอะไร? ลองพูดอีกทีสิ เชื่อไหมว่าฉันสามารถฉีกปากเน่า ๆ ของแกได้?” สีหน้าเฉินเชี่ยนเชี่ยนเริ่มดุร้ายขึ้นมา ร้องโวยวายก่อนจะโผเข้าไปหา หลิวซิน เพราะประโยคพวกนี้ทำให้เธอโกรธจนทนไม่ไหว

“ทำไม? แทงใจดำเหรอ? เธอก็เหมือนกับขยะเน่า ๆ ฉันจะพูดเธอจะทำไมเข้ามาเลยดูสิว่าใครจะฉีกปากของใครกันแน่?” ในที่สุดหลิวซินก็ลุกขึ้นมาและใช้ฝ่ามือดึงแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นก่อนเข้าไปตบกับเฉินเชี่ยนเชี่ยน

เธอคือผู้จัดการที่เจอกับอุปสรรคบ่อย ๆ ไก่อ่อนอย่างเฉินเชี่ยนเชี่ยนจะมาสู้อะไรเธอได้

เฉินเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนแทบบ้า เธอพุ่งไปตบหลิวซิน เล็บของเฉินเชี่ยนเชี่ยนตั้งใจทำเป็นพิเศษ ทั้งยาวทั้งแหลม ถ้าหากมันข่วนโดนหลิวซินละก็ รับรองว่าใบหน้าของหลิวซินจะต้องเสียโฉมแน่นอน

แต่เธอดูถูกปฏิกิริยาการโต้ตอบของหลิวซินมากเกินไป ทันใดนั้นหลิวซิน ก็ใช้ฝ่ามือตบไปบนใบหน้าเฉินเชี่ยนเชี่ยน ก่อนจะใช้เท้าถีบเข้าไปที่ท้องของเฉินเชี่ยนเชี่ยนทันที

เฉินเชี่ยนเชี่ยนโดนฝ่ามือตบและยังถูกเท้าถีบทำให้ล้มลงไปกับพื้นและอดไม่ได้ที่จะตกใจ สักพักสติของเธอก็กลับมา เธอร้องออกมาอย่างคนเสียสติ “คนชั้นต่ำ กล้าตบฉันเหรอ ฉันกับแก ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”

เฉินเชี่ยนเชี่ยนผมยุ่งกระเซิงอย่างคนบ้ารีบลุกขึ้นมาและพุ่งไปตบหลิวซินอีกครั้ง ถึงอย่างไรหลิวซินก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อเห็นสภาพของเฉินเชี่ยนเชี่ยนที่เป็นบ้าไปก็ตกใจ

พอเธอดึงสติกลับมาได้ ก็ถูกเฉินเชี่ยนเชี่ยนจิกผมไว้แล้ว แต่หลิวซินก็ไม่ได้อ่อนแอ เธอยกมือขึ้นแล้วจิกหัวของเฉินเชี่ยนเชี่ยนกลับเหมือนกัน ทำให้ตอนนี้ทั้งสองคนต่างจิกหัวของกันและกันเอาไว้ คนในห้องประชุมต่างตะลึงกันหมด จนลืมเข้าไปห้ามทั้งสองคน

“ยาม…..ยาม….”

หลินไค่เป็นคนแรกที่ดึงสติกลับมาได้แล้วรีบตะโกนเสียงดังขึ้นมา ยามสองคนพลักประตูวิ่งเข้ามาและตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า

“ยังงงอะไรกันอยู่? ยังไม่รีบเข้าไปแยกพวกเธออีกเหรอ?” หลินหงตบโต๊ะและตะโกนเสียงดัง ยามทั้งสองก็ได้สติกลับมาก่อนจะรีบเข้าไปดึงพวกเธอทั้งสองคนให้แยกกัน

”ยัยโสเภณี ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้…….” เฉินเชี่ยนเชี่ยนที่ดิ้นไปมาถูกยามกอดเอวดึงออกมาตะโกนด่าไม่หยุด

“แกมันผู้หญิงโสโครก แน่จริงก็เข้ามา……” หลิวซินก็ถูกยามดึงไว้และดิ้นไม่หยุดพยายามจะพุ่งเข้าไปตบอีกฝ่าย

“ปล่อยฉัน ฉันจะฆ่านางผู้หญิงสารเลวนี้…….” เฉินเชี่ยนเชี่ยนต่อสู้ดิ้นรนอย่างไม่ยอมลดละ ถางโร้วที่เงียบมาตลอด ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นไปตบหน้าเฉินเชี่ยนเชี่ยน

เสียงดัง “เพี๊ยะ”

“เงียบซะที เรื่องของฉัน ฉันจะตัดสินใจเอง เธอมีสิทธิ์มาตัดสินใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แล้วก็ถ้ายังพ่นคำด่าออกมาอีก เชื่อไหมว่าฉันจะตบเธออีกรอบ?”

เฉินเชี่ยนเชี่ยนที่ถูกฝ่ามือตบก็ตกใจจนลืมคำพูดไปชั่วขณะ เธอลืมแม้กระทั่งการดิ้นรนเมื่อครู่ คนอื่น ๆ ที่อยู่ในที่นี้ต่างก็ช็อกไปตาม ๆ กัน ถางโร้วที่มีนิสัยอ่อนโยนมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าจะตบคนเป็น การกระทำนี้ทำให้พวกเขาตกตะลึงจนตอบสนองอะไรไม่ทัน

มีเพียงแค่ถางโร้วที่รู้ว่าตัวเองเองตื่นเต้นมากแค่ไหน เธอหวาดกลัวมากแค่ไหน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตบหน้าคน แถมยังต่อหน้าทุกคนด้วย

ถ้าหากไม่ใช่เพื่อหลิวซินที่ปกป้องตัวเธอ เธอก็คงไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้ออกมา แต่ฝ่ามือนี้กลับทำให้เธอมีความกล้าขึ้นมา ทำให้เธอไม่ถอยอีกแล้ว

“แก….แกกล้าตบฉัน?” เฉินเชี่ยนเชี่ยนพึ่งจะได้สติเตรียมจะเข้าไปตบถางโร้ว

ถางโร้วไม่เอ่ยปากพูดอะไรทั้งนั้น เธอยกมือขึ้นมาทำให้เฉินเชี่ยนเชี่ยนถอยกลับไปอย่างลืมตัว เหตุการณ์ตรงนี้ทำให้ทุกคนแอบประหลาดใจ หลิวซินและเฉินเชี่ยนเชี่ยนตบตีกันจนกลายเป็นแบบนั้น เฉินเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่ยอมถอย แต่เพียงถางโร้ว ยกมือขึ้นก็ทำให้เฉินเชี่ยนเชี่ยนถอยได้แล้ว

“ประธานหลิน ฉันเห็นด้วยกับการตัดสินใจของทางบริษัททุกอย่าง แต่ว่าถ้าหากฉันตรวจสอบเจอข้อเท็จจริง ฉันจะเก็บสิทธิ์ไว้ฟ้องร้องเรื่องทุกอย่างที่พวกคุณกล่าวหาฉัน” ถางโร้วพูดและมองไปยังหลินหง

พูดจบก็มองไปที่หลินไค่ เธอเคยเห็นรูปในเน็ตพวกนั้น ที่นั่นคือรีสอร์ตบนภูเขาที่เป็นสวนดอกเหมยริมแม่น้ำและในตอนนั้นคนที่อยู่ในเหตุการณ์มีเพียงแค่หลินไค่ที่มีโอกาสถ่ายภาพพวกนั้น

“เธอหมายความว่าไง?” หลินหงถาม

“ความหมายก็ง่ายมาก ฉันสงสัยว่าในบริษัทมีคนตั้งใจเผยแพร่ข่าวเท็จให้กับสื่อมวลชน และฉันรู้ตัวคนที่น่าสงสัยแล้ว ฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง หลังจากนั้นจะยื่นเรื่องฟ้องพวกคุณทุกคน”

“แล้วเธอจะตรวจสอบยังไง ตอนนี้เธอไม่ใช่คนของบริษัทพวกเราแล้ว เธอไปจ้างทนายความมาเองแล้วกัน” หวงเฉินกวงพูดอย่างเหยียดหยาม

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ลาก่อนนะคะทุกคน หลิวซินพวกเราไปกันเถอะ” ถางโร้วและหลิวซินเดินมาถึงประตูและเตรียมเปิดประตู คาดไม่ถึงว่าประตูจากด้านนอกจะถูกคนเปิดเข้ามา

ผู้ชายที่มีรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่งก็เดินเข้ามา “คุณถาง หยุดก่อน”

เมื่อเห็นคนคนนี้ คนที่อยู่ในห้องประชุมก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมากันทั้งหมด เขาไม่ใช่คนอื่นไกล แต่กลับเป็นคนที่คุมหางเสือของบริษัทฮ๋วนยวี่อินเตอร์เทรนเมนท์ ‘ฉินหวนยวี่’

“คุณถาง เรื่องของคุณผมรู้หมดแล้ว ลองอยู่ที่นี่อีกสักพักเถอะ พวกเรามาปรึกษาหารือคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาด้วยกันก่อน” น้ำเสียงที่ฉินหวนยวี่เปล่งออกมาอย่างนอบน้อมจากจริงใจ

ถางโร้วอดไม่ได้ที่จะสงสัย เธอรู้จักฉินหวนยวี่ ปกติเขาไม่ค่อยเข้าบริษัท เธอเข้าบริษัทมาปีกว่าแล้วเคยเจอหน้าอีกฝ่ายแค่ 2 ครั้ง ได้ยินมาว่าเบื้องหลังของฉินหวนยวี่ลึกลับมาก ทำไมถึงมาสนใจคนต่ำต้อยแบบเธอล่ะ?