ภาคที่ 1 บทที่ 39 ขอยืมหมวก VR หน่อยนะ (ตอนต้น)

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 39 ขอยืมหมวก VR หน่อยนะ (ตอนต้น)

หลี่เคอหมิงและหลี่ชินเอ้อมองหน้าซูเย่ด้วยความประหลาดใจ

ชายหนุ่มผู้บาดเจ็บหยุดชะงักแล้วหันกลับมามองหน้าซูเย่

“ผมรักษาได้ครับ”

ซูเย่พูดในระหว่างที่มองขาของคนเจ็บ

“หืม?”

หลี่เคอหมิงกับหลี่ชินเอ้อเบิกตาโตจ้องมองชายหนุ่มด้วยความไม่อยากเชื่อ

ล้อกันเล่นหรือไง

กระดูกหักไม่ใช่อาการที่จะสามารถรักษาได้ในเวลาอันรวดเร็วสักหน่อย

“ทำได้จริงหรือ?”

หลี่เคอหมิงรีบถาม

“ทำได้ครับ”

ซูเย่พยักหน้ายืนยันหนักแน่น

เขาทำได้และเขาจำเป็นต้องทำ

สิ่งสำคัญคือซูเย่ขาดคะแนนศีลธรรมอยู่แค่แต้มเดียวเท่านั้น

ถ้าสามารถช่วยหนุ่มขาหักคนนี้ได้ เขาก็ต้องได้รับแต้มศีลธรรมเพิ่มขึ้นแน่นอน และนั่นก็จะช่วยให้ซูเย่เปิดจุดลมปราณได้สำเร็จสักที

“เธอจะทำยังไง? เราไม่มีเครื่องมืออะไรเลยนะ”

หลี่เคอหมิงถามย้ำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ไม่มีปัญหาหรอกครับ”

ซูเย่พยักหน้า ก่อนจะหันกลับไปมองที่คนเจ็บอีกครั้ง

ชายหนุ่มผู้ขาหักส่งเสียงครางในลำคอและพยักหน้าเป็นเชิงยินยอมให้คุณหมอหนุ่มทำการรักษา

ซูเย่ลากเก้าอี้มาสองตัว เขาสั่งให้ชายหนุ่มผู้บาดเจ็บนั่งลงไปบนเก้าอี้ตัวหนึ่งและนำขาข้างที่หักพาดไว้บนเก้าอี้อีกตัว

หลังจากนั้น ซูเย่ก็ใช้สองมือลูบคลำไปตามขาข้างที่กระดูกหัก เมื่อพบจุดที่เป็นปัญหาแล้ว ชายหนุ่มก็ออกแรงบีบมือเล็กน้อย

“กึก!”

ได้ยินเสียงกระดูกกระทบกันชัดเจน

แล้วกระดูกขาที่แตกหักก็กลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้ง

หลี่เคอหมิงกับหลี่ชินเอ้อได้แต่จ้องมองซูเย่ด้วยความมหัศจรรย์ใจ เขาสามารถต่อกระดูกได้จริง ๆ ด้วย!

ดูจากลักษณะการรักษาแล้ว ซูเย่น่าจะมีความชำนาญอยู่มากทีเดียว

ซูเย่เดินออกไปหากิ่งไม้มาจากด้านนอก และนำมันมารัดพันดามขาของคนเจ็บไว้เป็นการชั่วคราว เมื่อตรวจสอบว่าเฝือกไม้ชั่วคราวนั้นแน่นหนาดีแล้ว จึงได้กล่าวว่า “คงพอประทังไปได้ชั่วคราวนะครับ ยังไงคุณก็รีบไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูอีกทีดีกว่า”

“ขอบคุณมากครับ”

ชายหนุ่มขอบคุณด้วยน้ำเสียงจริงใจ

“ยินดีครับ”

ซูเย่กำลังรอคอยให้เสียงสัญญาณแจ้งเตือนการเพิ่มคะแนนศีลธรรมดังขึ้น

แต่รอจนกระทั่งคนเจ็บยัดเงิน 500 หยวนใส่มือของเขาแล้ว เสียงสัญญาณก็ยังไม่แจ้งเตือนสักที

ขณะนี้ ซูเย่จึงจ้องมองชายหนุ่มผู้บาดเจ็บด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป

ชายหนุ่มคนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถเปิดจุดลมปราณในร่างกายได้แล้ว 121 จุด น่าจะทำให้ซูเย่ได้คะแนนศีลธรรมจากการรักษาสบาย ๆ

เว้นแต่ว่าแต้มศีลธรรมของเขาจะไม่ขึ้น ถ้าชายหนุ่มคนนี้เป็นคนเลว

ดูเหมือนว่าหมอนี่จะไม่ใช่คนดีสินะ!

จากที่ครุ่นคิดหาเหตุผลในที่สุดเขาก็ได้คำตอบ

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

หลังจากผู้บาดเจ็บก้มหัวขอบคุณทุกคนแล้ว เขาก็เดินไปตามทิศทางที่หลี่เคอหมิงแนะนำว่าเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

“นายต่อกระดูกเป็นจริง ๆ เหรอเนี่ย”

หลี่ชินเอ้อพูดด้วยความประหลาดใจ สำรวจมองซูเย่ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“พอดีเคยเรียนมาบ้างน่ะ”

ซูเย่ตอบ หลังจากนั้นจึงช่วยคู่พ่อลูกทำความสะอาดพื้นที่นั่งรอหน้าแผนกแพทย์แผนจีน เสร็จเรียบร้อยดีแล้ว เขาก็แอบเดินตามไปยังทิศทางที่ชายหนุ่มผู้บาดเจ็บเดินหายไป

หลังจากที่จอมยุทธ์เดินขากะเผลกออกมาได้ระยะหนึ่ง

เขาก็กวาดสายตามองรอบบริเวณ เปลี่ยนเส้นทางเดินเข้าไปในถนนสายที่มีผู้คนแออัด ก่อนจะกระโดดขึ้นรถแท็กซี่และโดยสารมันหายจากไป

เมื่อเห็นแบบนั้นซูเย่ที่เดินตามหลังอยู่ไม่ห่างรีบเรียกแท็กซี่ให้ขับตามคันข้างหน้าไปทันที

ขณะนี้เป็นเวลาค่ำแล้ว การจราจรในเขตชานเมืองค่อนข้างติดขัด เมื่อโดยสารรถแท็กซี่มาได้เพียงไม่นาน ชายหนุ่มผู้บาดเจ็บก็ทนรถติดไม่ไหว เขาก้าวลงมาจากรถแท็กซี่ ตรวจสอบดูเฝือกไม้ที่ซูเย่รัดพันให้แน่ใจว่ามันยังแข็งแรงดีอยู่ จากนั้นแววตาของจอมยุทธ์หนุ่มก็เป็นประกายชั่วร้าย และใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เขาก็สามารถวิ่งหายไปจากมุมถนนได้อย่างรวดเร็ว

บนแผ่นหลังของเขาสะพายเป้เอาไว้หนึ่งใบ

ชายหนุ่มเดินตรงออกไปที่เขตชานเมือง เจตนาแน่ชัดว่าต้องการหลบหนีออกไปจากเมืองนี้

ซูเย่ซึ่งลงจากรถแท็กซี่ของตนเองมานานแล้วเช่นกัน ขณะนี้กำลังนั่งอยู่บนต้นไม้สูง เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มผู้บาดเจ็บจากระยะไกล

และเมื่อเขาแน่ใจว่าชายหนุ่มผู้บาดเจ็บมีเจตนาหลบหนีออกไปนอกเมืองจริง ๆ

ทันใดนั้นเอง

ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด ร่างของใครบางคนก็ทิ้งตัวลงมายืนขวางหน้าจอมยุทธ์หนุ่มขาหักอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

“ยังไม่เลิกล้มความคิดที่จะหลบหนีอีกหรือไง?”

ผู้มาใหม่เป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำ อายุราว ๆ 30 ปี สวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำ เขาจ้องมองชายหนุ่ม

ผู้บาดเจ็บและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “นายก็รู้ดีใช่ไหมว่าผลลัพธ์ของการทำแบบนี้คืออะไร? สิ่งที่นายขโมยมา ไม่ได้เป็นแค่เทคโนโลยีที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมาใหม่เท่านั้น แต่มันยังเป็นความเชื่อใจของทีมวิจัยทุกคนอีกด้วย เพราะฉะนั้น ยอมมอบตัวและกลับไปกับฉันดี ๆ เถอะนะ!”

ชายหนุ่มผู้บาดเจ็บยกมือกอดหมวกใบหนึ่งแนบหน้าอกแน่น

“ส่งของกลางมาให้ฉันเดี๋ยวนี้” ระหว่างที่พูด บุรุษผู้สวมใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนังก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นฟ้าและยิงแสงสว่างวาบขึ้นไปบนท้องฟ้าอันมืดมิด

“คนจากหน่วยสืบสวน?”

ซูเย่ที่นั่งดูเหตุการณ์อย่างสบายใจอยู่บนยอดไม้ พลันนึกถึงนายตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบที่เขาเคยพบก่อนหน้านี้

นาฬิกาข้อมือที่ใช้หนุ่มเสื้อหนังสวมใส่อยู่ในขณะนี้ เป็นอุปกรณ์ชนิดเดียวกับที่นายตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบคนนั้นสวมใส่เช่นกัน

เมื่อเห็นแสงสว่างถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า นั่นเป็นสัญญาณแจ้งเรียกกำลังเสริม เมื่อเห็นดังนั้นจอมยุทธ์หนุ่มที่กำลังบาดเจ็บอยู่ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาล้วงยาเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและยัดใส่ปากกลืนลงคอไปโดยไม่ต้องอาศัยน้ำดื่ม หลังจากนั้น จึงได้พูดด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง

“อย่าบังคับให้ผมต้องฆ่าคุณเลยนะ! หลีกทางไปซะ! ต่อให้คุณกับผมเป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนกัน แต่คุณเพิ่งเปิดจุดลมปราณได้แค่ 56 จุด คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก ที่สำคัญก็คือผมกินยาเพิ่มพลังเข้าไปแล้ว อย่ามายุ่งกับผม ถ้าคุณไม่อยากตาย!”

“นายกินยาต้องห้าม เท่ากับว่านายเป็นพวกเดียวกับแก๊งใต้ดิน วันนี้ต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็จะจับตัวนายเอาไว้ให้ได้…” ชายหนุ่มในเสื้อแจ็คเก็ตพูดยังไม่ทันจบประโยค

เขาอาศัยจังหวะที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันตั้งตัวพุ่งกระโจนเข้าไปหา แม้ว่าจะสามารถใช้ขาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแค่ข้างเดียว แต่ชายหนุ่มก็ยังมีความรวดเร็วที่น่ากลัว เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็เข้าประชิดตัวนายตำรวจหนุ่มสำเร็จ

ขณะนี้ แขนของจอมยุทธ์หนุ่มเพิ่มขนาดขึ้นมาด้วยมัดกล้ามและเส้นเลือดที่ปูดโปน

ทำให้กล้ามเนื้อของเขามีพลังมหาศาล

นายตำรวจหนุ่มถูกต่อยกระเด็นไปหลายตลบ เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าตนเองยังรอดชีวิตอยู่! เพราะพลังการโจมตีรุนแรงหลายเท่านัก

“ไม่ได้การแล้ว”

ซูเย่เด็ดใบไม้ออกมาจากกิ่งไม้ใบหนึ่ง เขาก็สะบัดข้อมือ ใบไม้พุ่งแหวกอากาศออกไปพร้อมด้วยพลังแฝงเปี่ยมล้น

“ป๊อก”

ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังขึ้น มันเป็นเสียงของกิ่งไม้ที่ถูกนำมาใช้แทนเฝือกบนขาของชายหนุ่มแตกหักไปภายใต้ผ้าพันแผล

แต่พลังใบไม้พิฆาตยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น

มันพุ่งทะลุทะลวงเฝือกไม้เข้าไปฝังอยู่ในเนื้อขาของจอมยุทธ์หนุ่มราวกับเป็นลูกกระสุน

นายตำรวจหนุ่มในเสื้อแจ็คเก็ตหนังอาศัยจังหวะนี้รีบถอยไปตั้งหลัก หลบซ่อนกายในพุ่มไม้เพื่อเลี่ยงการโจมตีในตอนนี้ ลำพังพลังทั้งหมดที่เขามีก็ยังไม่สามารถต้านทานจอมยุทธ์ตรงหน้าได้

เมื่อจ้องมองไปยังร่างของจอมยุทธ์หนุ่มที่ขณะนี้กล้ามระเบิดเป็นมนุษย์จอมพลัง เขาก็นึกขอบคุณในความโชคดีตนเองที่หลบหนีออกมาได้