หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.353 – อีฟ (ต้น)
สหพันธรัฐ รัฐบาลกลาง
ณ ภูเขาในเขตชานเมืองหลวง
ภายในวิลล่าบนภูเขา
กู่ฉิงซานทำสมาธิอยู่คนเดียวภายในห้องนั่งเล่นที่มืดมิด
โดยมีดาบเช่าหยินบินวนอยู่เบื้องหน้าเขาอย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานหลับตาลง ปล่อยจิตสัมผัสเทวะเข้าใส่ดาบเช่าหยิน และค่อยๆถ่ายเทมันลงไปอย่างช้าๆ
เขาพยายามที่จะสื่อสารกับดาบเช่าหยินและทำความคุ้นเคยซึ่งกันและกันอีกครั้ง
ดาบเช่าหยินถูกซ่อมแซมจนมีสภาพเหมือนใหม่ ดังนั้นจึงเทียบเท่ากับว่ามันได้กลายเป็นดาบเล่มใหม่ของผู้ฝึกดาบ
เพียงแค่ทำให้ดาบเช่าหยินเข้าไปในทะเลแห่งห้วงสติของตนเองได้ ภารกิจที่สองของการปลุกนักดาบนิรันดร์ก็จะบรรลุได้ในที่สุด
เวลาผ่านไปนาน
“อีกนิดเดียวก็น่าจะสำเร็จแล้ว” กู่ฉิงซานลืมตาขึ้น ปากเอ่ยกล่าวอย่างแผ่วเบา
เขาค่อนข้างพอใจกับความเร็วในการคืบหน้านี้
คาดว่าในอีกไม่กี่ชั่วโมง เขาก็น่าจะสามารถนำดาบลงไปในทะเลแห่งห้วงสติได้ในที่่สุด
ในตอนนั้นเอง บังเกิดเสียงคำรามของรถเหินเวหาดังขึ้นจากภายนอก
เสียงคำรามได้หายไป และประตูก็ถูกเปิดออก
ตามด้วยซางหยิงฮ่าวที่เดินเข้ามา
เมื่อเห็นคนตรงหน้า เขาก็ชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่มันดึกมากแล้วนา ยังไม่นอนอีกหรอ?”
เขาเปิดไฟห้องนั่งเล่น
เห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานที่อยู่ในท่วงท่าขาขวาทับซ้าย มือซ้ายทับขวาอยู่ในอากาศ และมีดาบเล่มหนึ่งเวียนวนอยู่รอบกายเขา
กู่ฉิงซานเก็บดาบและทิ้งตัวลงบนพื้น
“ฝึกยุทธน่ะ ขี้เกียจหนึ่งวัน มันก็เท่ากับแกร่งช้าลงหนึ่งวันนะ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ฉันก็หลงนึกว่านายจะกำลังมัวแต่คิดถึงเรื่องโครงกระดูกชุดคลุมดำซะอีก”
“ก็กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ด้วยเหมือนกัน”
“งั้นทำไมเราไม่พักสมองโดยการหาเหล้าดีๆมาจิบกันซักหน่อยล่ะ”
“นั่นก็ฟังดูไม่เลวนะ”
ซางหยิงฮ่าวเดินไปเปิดตู้แช่และหยิบเหล้าขวดหนึ่งออกมา
ทั้งสองยกแก้วขึ้นชน
พวกเขากำลังดื่มและสนทนาเกี่ยวกับถ้อยคำที่โครงกระดูกชุดคลุมดำเอ่ยออกมา
พอเวลาเที่ยงคืน เหลียวฮังก็เดินออกมาเพื่อเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อเขาเห็นว่าห้องนั่งเล่นยังคงเปิดไฟอยู่จึงรีบวิ่งเข้ามาดู
คนที่สมองดีน่ะ จำเป็นต้องได้รับเครื่องดื่มดีๆเข้ามาเติมเต็มในร่างกาย ไม่นานนัก วงเหล้าจากมีเพียงสองก็กลายเป็นสาม
หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาทีต่อมา เย่เฟย์หยูก็เดินออกมาจากห้อง
แต่เดิมเย่เฟย์หยูวางแผนที่จะแอบเข้าไปหาของกินในห้องครัว แต่เมื่อเขาเห็นทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ที่นั่น
แหมะ … เขาก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา วงเหล้าจากสามก็เปลี่ยนเป็นสี่
ปาร์ตี้สังสรรค์จึงได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
กู่ฉิงซานยกเหล้าขึ้นจิบและกล่าวว่า “ฉันคิดว่าโครงกระดูกชุดคลุมดำกลัวสถานที่แห่งนั้น”
“สถานที่แห่งนั้น? หมายถึงนรกเยือกแข็งรึเปล่า?” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถาม
“ไม่ หมายถึงปรภพน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ
เหลียวฮังขบคิดเกี่ยวกับมันและกล่าว “คนตายที่ไม่อาจตายได้อีก แต่แท้จริงแล้วกลับดันมากลัวเทพวิญญาณ พอฉันได้มาคิดถึงเรื่องนี้ดู เลยลองตั้งสมมุติฐานเล่นๆว่า เทพวิญญาณน่ะ เป็นปรปักษ์กับคนตาย และสามารถทำลายคนตายได้ … ใช่หรือเปล่านะ”
“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีน่ะสิ แต่ทางปรภพน่ะไม่เคยเกิดความผิดปกติใดๆขึ้นมาก่อนเลยนะ แล้วทำไมอยู่มันถึงมีปัญหาขึ้นมาได้ล่ะ”ซางหยิงฮ่าวคิดยังไงก็คิดไม่ออกเลยเอ่ยถาม
เหลียวฮังพอถูกคำถามยากๆสวนกลับมาก็นิ่งงันไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ตอบกลับ แต่ยกแก้วขึ้นมาจิบแทน
“หรือว่าจำนวนประชากรในปรภพมันจะเยอะจนล้นแล้ว?” เย่เฟย์หยูลองคิดแตกยอดดูและเอ่ยถาม
“บางทีภัยพิบัติอาจจะเกิดขึ้นเพราะสาเหตุนั้นก็ได้” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
กู่ฉิงซานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยกแก้วตนขึ้นมาดื่ม
ทั้งสี่ยกแก้วขึ้นชน และกระดกมันจนหมด ก่อนจะอ้าปากทำเสียง ฮ่าาาา แล้วกระแทกก้นแก้วลง
เย่เฟย์หยูขมวดคิ้ว ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบแชมเปญขวดหนึ่งมา
“ฉันขอดื่มนี่แล้วกัน เหล้าพวกนายมันฤทธิ์แรงเกินไป” เขาโบกขวดแชมเปญไปมาและกล่าว
เหลียวฮังเทเหล้าฤทธิ์แรงให้กู่ฉิงซานกับซางหยิงฮ่าว ก่อนจะหันมาเติมให้ตัวเองจนเต็ม
จากนั้นเขาลุกขึ้น เดินไปที่ตู้เย็นในครัว หยิบของหวานออกมาและวางมันลงบนโต๊ะ
ขณะกำลังกินขนมไปพร้อมๆกับเหล้าฤทธิ์แรงซึ่งดูจะไม่เข้ากัน เหลียวฮังก็ทำการเปิดเครื่องเล่นแผ่นเสียง
“ถ้าเป็นอย่างที่เย่เฟย์หยูพูด ว่าจำนวนประชากรในปรภพมันล้นขีดจำกัดจริงๆ หลังจากนี้ไปคงได้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นแน่นอน”
“เรื่องอะไรหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“ก็นรกอื่นๆที่จะปรากฏตามมายังไงล่ะ” เหลียวฮังกล่าว
“เรื่องนั้นฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน” กู่ฉิงซานเห็นด้วย
“ถ้าเป็นแบบนี้” ซางหยิงฮ่าวถอนหายใจ “ฉันคงไม่สามารถเปิดรับงานของสมาคมนักล่าได้อีกต่อไปแล้ว”
“มนุษย์ทุกคนจะถูกล้างบางอยู่รอมร่อ นับประสาอะไรกับสมาคมนักล่าของนาย” เย่เฟย์หยูยกแชมเปญขึ้นดื่มและกล่าว
เหลียวฮังบ่นพึมพำเบาๆ “แต่ถ้าเอาจริงๆเลยนะ ทำไมพวกเราไม่ลองส่งแฟนแกไปส่องทางฝั่งปรภพดูซักหน่อยล่ะ แล้วให้กลับมารายงานว่ามันเป็นยังไงกันแน่ แบบนี้ฟังดูน่าสนใจไหม?”
เย่เฟย์หยูสวนกลับทันทีว่า “ไม่มีทางซะล่ะ! แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธออ่ะ? แล้วถ้าเธอไม่กลับมาจะทำยังไง?”
“ก็ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ฉันคิดว่าบางทีคงจะเป็นอะไรอย่าง -เธออาจจะได้เกิดใหม่ และได้รูปลักษณ์ใหม่ก็ได้นะ” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยเสียงดังกว่าปกติ
เขาดื่มมากเกินไปและเริ่มพูดจาเลอะเทอะแล้ว
เหลียวฮังตริตรองอย่างจริงจังและกล่าว “ถ้าเกิดใหม่เป็นผู้หญิงมันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นผู้ชายแล้วล่ะก็ … ”
เขาแอบเหลือบมองอย่างระแวดระวังไปที่เย่เฟย์หยูวูบหนึ่ง
เย่เฟย์หยูกระแทกก้นแก้วของเขาลงบนโต๊ะอย่างแรง ปากร้องคำราม “เกิดใหม่งั้นหรอ จะบ้ารึไง? ดูคนตายในนรกเยือกแข็งพวกนั้นสิ! ไม่มีใครได้เกิดใหม่หรอก! ทุกคนมีแต่จะต้องทนทุกข์ทรมานตลอดไปในนรกนั่นต่างหาก!”
เขาผุดลุกขึ้น เปล่งเสียงดังยื่นคำขาด “ไม่ยอม! ฉันจะไม่มีวันยอมให้เธอไป!”
กู่ฉิงซานเอื้อมมือไปตบอีกฝ่ายเบาๆและกล่าวอย่างหนักแน่น “ฉันจะไม่ปล่อยให้แฟนนายไปทำอะไรแบบนั้นหรอกน่า มั่นใจได้”
เหลียวฮังตกใจกับท่าทีของอีกฝ่าย เขารีบเอ่ยว่า “พวกเราแค่พูดเล่น แกไม่ต้องจริงจังถึงขนาดนี้ก็ได้”
พอได้ฟัง เย่เฟย์หยูก็พยายามห้ามปรามอารมณ์ของตัวเองลง
“แต่วิธีที่ว่านั่นมันก็น่าสนใจจริงๆนะ นายจะไม่ลองตั้งใจหาผีตัวอื่นๆไปสำรวจดูซักหน่อยหรอ” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถาม
กู่ฉิงซาน “แฟนของเย่เฟย์หยูน่ะฉันช่วยไว้ได้ทัน แต่ผีนอกเหนือไปจากเธอ คงโดนกลืนหายไปในนรกเยือกแข็งจนหมดแล้ว”
“จบสิ้นกัน” ซางหยิงฮ่าว บ่นอุบอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำล่ะก็ … จะบอกอะไรให้นะ ในความเป็นจริงแล้วการต่อสู้กับศัตรูที่ไม่รู้จักนั่นแหละเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเลยรู้ไหม เพราะนายไม่มีทางรู้รายละเอียดของมัน แถมยังไม่รู้ว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงหรืออาจเล่นตุกติกอะไรบ้าง”
ณ เวลานั้นเอง อุปกรณ์สื่อสารของกู่ฉิงซานก็ดังขึ้น
เขาเปิดมันและทำการเชื่อมต่อทันที
“เป็นยังไงบ้าง การสืบทอดมรดกของเธอเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” เขาเอ่ยถาม
“อ๋า–ตำแหน่งของฉัน? ตอนนี้ก็ … ” กู่ฉิงซานหันไปมองซางหยิงฮ่าว
และซางหยิงฮ่าวก็บอกตำแหน่งที่อยู่ออกไปอย่างรวดเร็ว
กู่ฉิงซานกล่าวมันออกไป
และการสื่อสารก็สิ้นสุดลง
เหลียวฮังจ้องมองเขา “สาวคนไหนอีกล่ะทีนี้”
ซางหยิงฮ่าว “ดูเหมือนจะไม่ใช่แอนนานะ”
เย่เฟย์หยู “ฟังจากที่คุยกัน ดูเหมือนน้ำเสียงเธอจะห่วงนายไม่น้อยเลยนี่”
กู่ฉิงซาน “ … ”
พวกเขาตั้งวงเหล้านั่งใกล้กัน ดังนั้นเสียงจากอุปกรณ์สื่อสาร ย่อมสามารถดังเข้ามาถึงหูของทั้งสองได้อย่างชัดเจน
ไม่ต้องกล่าวถึงเย่เฟย์หยูกับซางหยิงฮ่าว แม้กระทั่งตัวเหลียวฮังเอง หลังจากฝึกฝนยุทธแล้ว ต่อให้เขาหูหนวก ก็ยังสามารถจับเสียงในลำโพงได้อยู่ดี
“ซูเซี่ยเอ๋อน่ะ” กู่ฉิงซานเฉลย
“ซูเซี่ยเอ๋อ จ้าวมณฑลคนใหม่แห่งเก้าตระกูลใหญ่สินะ” ซางหยิงฮ่าวกล่าว
“โห–” อีกสองคนลากเสียงยาวขึ้นพร้อมกัน
ก่อนจะหันมาขยิบตาให้อีกฝ่าย
ต้องขอบคุณปากที่เปรียบดั่งมีรูรั่วอยู่เต็มไปหมดของซางหยิงฮ่าวจริงๆ ที่ทำให้ทั้งสองคนล่วงรู้ว่าชุดเกราะรบขับเคลื่อนชิ้นแรกที่กู่ฉิงซานทำขึ้น ได้มอบมันให้เป็นของขวัญสาว
นี่กล่าวได้ว่าเป็นตัวละครในตำนาน ที่พวกเขาเพียงเคยได้ฟัง แต่ไม่เคยเห็นคนๆนี้มาก่อนเลย
“เธอกำลังจะมาหาฉันที่นี่ บอกว่ามีเรื่องด่วนจะพูดด้วยน่ะ”
กู่ฉิงซานกล่าว แต่แท้จริงแล้วเขากลับแสดงท่าทีกังวลออกมา
—นรกกำลังจะมาถึงในไม่ช้าแล้ว แล้วเวลานี้มันยังจะมามีสถานการณ์อะไรอีกกันนะ? ซูเซี่ยเอ๋อถึงจำเป็นต้องรีบมาหาเขา
เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?
อีกสามคนมองไปทางกู่ฉิงซานและเห็นถึงความกังวลของอีกฝ่าย
-น้อยครั้งนักที่จะเห็นกู่ฉิงซานแสดงออกทางสีหน้าเช่นนี้
บางที เรื่องมันอาจจะไม่ธรรมดาอย่างที่พวกเขาคิดกันก็ได้
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทั้งสามก็รีบเปลี่ยนทัศนคติล้อเล่นเมื่อครู่ทันที
เหลียวฮังกล่าว “แกต้องการให้ฉันเปิดเครือข่ายจั๊มป์ทั่วโลกเพื่อให้เธอมาหาได้เร็วขึ้นอีกซักหน่อยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก เธอมาจากขั้วโลกเหนือน่ะ ไม่มีจุดเครื่องจั๊มป์ตั้งไว้ใกล้ๆหรอก และตอนนี้เธอก็กำลังขับเพลิงนางฟ้ามา ตามความเร็วของมันแล้วคงจะมาถึงในเร็วๆนี้ล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว
เย่เฟย์หยูเลียริมฝีปากและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ถ้าจำเป็นต้องสู้ ช่วยรวมฉันเข้าไปด้วยนะ”
ซางหยิงฮ่าวกล่าวเสียงหม่น “อันดับแรกก็มาดูกันก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วจากนั้นก็มาวางแผนตามสถานการณ์”
กู่ฉิงซานพยักหน้า บังเกิดความรู้สึกอบอุ่นขึ้นในจิตใจเล็กน้อย
แล้วในเวลานั้นเอง สมองควอนตัมส่วนบุคคลของเขาก็ส่องสว่างขึ้นอย่างกระทันหัน
กู่ฉิงซานเหลือบมองมันและกล่าวอย่างไม่ลังเล “เชื่อมต่อ”
จอม่านแสงปรากฏขึ้น
ผมยาวสีแดงเพลิง ผิวขาว สองตาเปล่งประกายงดงาม
แอนนาถือขวดไวน์ในมือ ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ดวงตาที่เมามายจ้องมองมาที่จอม่านแสง
ในเวลานี้ เธอเชื่อมต่อกับสมองควอนตัมของกู่ฉิงซานในรูปแบบวิดีโอคอล
“โทรมาหาฉันในเวลานี้ มีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นหรอ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
แอนนาเห็นได้ชัดว่าตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากอีกฝั่งหนึ่ง
“นั่นพวกนายสี่คนกำลังนั่งดื่มกันอยู่หรอ? กลางดึกเนี่ยนะ” เธอกวาดสายตามองคนทั้งหลายแล้วกล่าว
เหลียวฮังส่งเสียงฮึฮะแล้วกล่าว “ว่าแต่คนอื่น แต่ไม่ดูตัวเองเลยนะ”
แอนนาไม่สนใจเขา และหันไปกล่าวกับกู่ฉิงซานโดยตรง “ตอนนี้มีทางเลือกที่สำคัญมากสำหรับฉัน และฉันต้องการจะถามความคิดเห็นจากนาย”
“ลองว่ามาสิ ฉันฟังอยู่” กู่ฉิงซานกลายเป็นจริงจัง
“สิ่งที่ตระกูลของฉันได้รับสืบทอดมามันแปลกมาก มันคือกล่องสีดำ และว่ากันว่าตราสัญลักษณ์แห่งความตายก็ถูกหยิบออกมาจากกล่องที่ว่านี้นี่แหละ”
กู่ฉิงซานพยักหน้า
แอนนากล่าวอย่างลังเล “แต่กล่องใบนี้ หากนับตั้งแต่ต้นตระกูล จะมีเพียงหัวหน้าตระกูลรุ่นแรกของเราเท่านั้นที่เปิดมันได้ ฉันเลยลังเลใจว่าจะลองทำมันดูดีไหม”
กู่ฉิงซาน “ถ้าเธอลังเลแบบนี้ แสดงว่ามันต้องมีสิ่งที่จะใช้จ่ายออกไปเพื่อแลกกับการทำลองมันอยู่สินะ?
นี่เป็นมรดกที่หายสาบสูญไปของตระกูลเมดิซี ในชีวิตก่อนหน้าแอนนาได้ตกตายลง ร่องรอยของมันจึงหายไปโดยสมบูรณ์
ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร
“ใช่ มันมีราคาที่ต้องจ่ายออกไป”
แอนนากำลังจะตอบ แต่ทันใดนั้นจู่ๆเธอก็หุบปากลง
เพราะทางฝั่งกู่ฉิงซาน มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ยังจะมีใครมาอีก?” แอนนาถามด้วยความสงสัย
สีหน้าของเหลียวฮัง เย่เฟย์หยู และซางหยิงฮ่าวเริ่มซีดลงทันที
เหลียวฮังบ่นงึมงำ “ถ้าเทียบกับนรกเยือกแข็งแล้ว ฉันว่าสถานการณ์ที่เรียกว่า ‘นรก’ เหมือนกันในตอนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าซะอีก”
แล้วประตูก็ถูกกระแทกเปิดออกโดยที่ไม่มีใครทันจะไปเปิดมัน
ท่ามกลางสายลมแรง เด็กสาวงดงามผู้มีดวงตากระจ่างใสและฟันสีเงินเรื่อปรากฏตัวขึ้น
“ขอโทษนะ ฉันมาสายเกินไปหน่อย ตอนนี้เวลาของฉันมันใกล้จะหมดลงแล้ว” เด็กสาวอุทาน
เธอคือซูเซี่ยเอ๋อ
ขั้วโลกเหนือมันอยู่ไกลเกินไปสำหรับวิลล่าบนภูเขา แถมยังเสียเวลาคุยกับท่านผู้พิทักษ์แห่งเก้าตระกูลใหญ่อีก ดังนั้นตอนนี้เธอจึงเหลือเวลาอีกไม่ถึงนาทีแล้ว
เธอจะต้องทำมัน!
“เซี่ยเอ๋อ เกิดอะไรขึ้น?” กู่ฉิงซานถามด้วยกระแสเสียงทุ้มลึก
เขายกมือขึ้น
ดาบพิภพและเช่าหยิน หนึ่งซ้ายหนึ่งขวา ลอยโฉบจากกลางอากาศมาอยู่ข้างกายเขาอย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานไม่เคยเห็นซูเซี่ยเอ๋อดูดูเร่งร้อนขนาดนี้มาก่อนเลย
ที่บอกว่า ‘เวลาใกล้จะหมดลงแล้ว’
นั่นมันหมายความว่ายังไง!?
ซูเซี่ยเอ๋อดูจะแตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย
ผมสีดำของเธอ ตอนนี้ทั้งหมดดันเปลี่ยนเป็นสีเงินขาว!
แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่?
กู่ฉิงซานเริ่มเป็นกังวล
เมื่อคนอื่นๆเห็นสายตาของกู่ฉิงซาน รวมถึงอาวุธของเขาที่ถูกเรียกออกมาอย่างกระทันหัน ในหัวใจของพวกเขาก็ราวกับถูกระเบิดลงอย่างกระทันหัน
เหลียวฮังเปิดสมองควอนตัมส่วนบุคคล ปากเอ่ยกล่าวอย่างรวดเร็ว “เตรียมจั๊มป์ระเบิด”
ส่วนเย่เฟย์หยู รอบกายเขาปรากฏเลือดสังหารพรั่งพรูออกมา พร้อมด้วยคู่เดือยแหลมบนแผ่นหลังที่งอกขึ้น
ทั้งหมดจ้องมองไปที่ประตูอย่างระแวดระวัง
ขณะที่ซางหยิงฮ่าวนั่งนิ่ง มิได้ขยับกายเคลื่อนไหวใดๆ
แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เหมือนกัน ที่มือทั้งสองของเขากำลังกุมด้ามกริชสั้นที่คมของมันสาดประกายเย็นเยียบ
ซูเซี่ยเอ๋อเป็นคนฉลาด เพียงเห็นท่าทีตอบสนองของหลายๆคนเธอก็เข้าใจได้ในทันที
เธอตะโกนออกมาว่า “ใจเย็นๆกันก่อนะ มันไม่มีอะไรหรอก ” ขณะเดียวกันก็รีบวิ่งไปทางกู่ฉิงซาน
“มีสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องการมอบมันให้กับนาย” ซูเซี่ยเอ๋ออ้าปากหอบหายใจ
เธอชำเลืองมองไปที่ดาบทั้งสองข้างกายกู่ฉิงซาน และคว้าเอาม้วนคัมภีร์สีเลือดออกจากอ้อมแขน
—มันคือม้วนคัมภีร์อันทรงพลานุภาพที่ได้มาจากจอมมารชุดคลุมเลือด
“ช่วงเวลาว่างเปล่าของทวยเทพ”
เธอยัดม้วนคัมภีร์ลงในมือของกู่ฉิงซาน เงยหน้าขึ้นมองสบตากับอีกฝ่าย
“มันคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของฉันตอนนี้ และฉันหวังมามันจะเป็นตัวแทนของฉันที่คอยอยู่เคียงข้างไปกับนาย เมื่อพบเจอกับอันตราย มันจะต้องช่วยนายได้อย่างแน่นอน”
หลังจากกล่าวประโยคนี้จบ ซูเซี่ยเอ๋อก็ถอนหายใจยาว
เธอยินยอมผูกมัดกับระบบ เดินทางข้ามผ่านระหว่างสองโลก และใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงบินจากขั้วโลกเหนืออย่างสุดกำลังกลับมายังรัฐบาลกลาง เพื่อส่งต่อม้วนคัมภีร์เลือดนี้
และเวลานี้ มันก็ได้มาถึงมือของกู่ฉิงซานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สิ่งมากมายเหล่านี้ มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่จะสามารถทำเพื่อเขาได้
จากนี้ไป เธอก็จะกำหนดเส้นทางของตัวเอง และเร่งพยายามแข็งแกร่งขึ้น
มีเพียงการที่ตัวเธอต้องพัฒนาขึ้นเป็นตัวตนที่ทรงพลังมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้เท่านั้น จึงจะสามารถหยุดฉากจบอันโหดร้ายแห่งโชคชะตาลงได้ ลบมันไปให้ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นตลอดกาล
ซูเซี่ยเอ๋อมองไปยังหน้าต่างระบบ
เหลือเวลาอีกสิบวินาที
ด้วยเวลาอันจำกัดนี้ จำเป็นต้องโจมตีคู่ต่อสู้ที่สำคัญที่สุด!
เธอเรียกความกล้าทั้งหมดที่มีออกมา และโผเข้ากอดกู่ฉิงซานเบาๆ
ซูเซี่ยเอ๋อหันศีรษะของเธอไปทางแอนนาที่กำลังตะลึงงันอยู่ในจอม่านแสง และทำเสียงหัวเราะคิกคักราวกับระฆังเงินอันเสนาะหู
ปากขยับเป็นเสียงกระซิบ “ไม่ว่ายังไง เดิมที ‘ที่ตรงนี้’ก็ไม่ใช่ของเธออยู่แล้ว”
เธอยิ้มกว้างด้วยความสุขใจยิ่ง
มันสดใส ร่าเริงยิ่งกว่าตอนนี้เธอโค่นยี่ชาลงได้เสียอีก
“ที่พูดนั่นเธอคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน!” แอนนาตวาดเสียงดัง
ณ จุดนี้คนอื่นทั้งหลายถึงขั้นลืมหายใจ จ้องมองฉากที่เกิดขึ้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
เมื่อกี้เย่เฟย์หยูยังกางปีกออก ตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้อยู่เลย แต่ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้กระทั่งขยับหายใจเพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนสองสาว
เหลียวฮังหรี่สองตาของเขาแคบลง เบนสลับไปมาระหว่างเด็กสาวทั้งสอง
ส่วนซางหยิงฮ่าวผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เขาใช้เท้าเตะลงที่ไหนสักแห่งในช่องลับ ที่ดูเหมือนว่าจะสามารถหยิบจับบางสิ่งบางอย่างออกมาได้ตลอดเวลาปิดกลับคืน
แอนนาปิดวิดีโอคอลในสมองควอนตัมด้วยความโกรธ
และเสียงสุดท้ายที่ดังลอดออกมาจากลำโพง มันเป็นเสียงของขวดแก้วที่แตกกระจาย!
กู่ฉิงซานถือม้วนคัมภีร์สีเลือดในมือ ขณะที่ปลายจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมละมุนและความอบอุ่นจากเนื้ออสัมผัสที่ราวกับหยกในอ้อมอกของเขา
ริมฝีปากของเขาขยับขึ้น และเตรียมที่จะเอ่ยถามสถานการณ์ให้มันชัดเจน
แต่ทันใดนั้น ก็พลันบังเกิดม่านแสงสว่างวาบ!
พร้อมกับร่างของซูเซี่ยเอ๋อที่หายไป
คำพูดของกู่ฉิงซานจุกอยู่ในลำคอ ทว่าคนที่อยู่ในอ้อมอกของเขากลับหายไปแล้ว
เขายืนโง่งมอยู่ในสถานที่นั่นโดยสมบูรณ์
และคนอื่นๆก็ไม่ต่างกัน