นี่ทำให้เธอไม่สบอารมณ์ยิ่ง…

ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงเริ่มสอนนางว่าต้องสอดประสานอย่างไร ผลคือสาวน้อยผู้นี้จำไม่ได้ หลงๆ ลืมๆ ยามปกติควรใช้กระบวนท่านี้นางกลับไปใช้ท่าอื่น สาดน้ำลงไปเต็มหัวเชียนหลิงอวี่ที่เป็นคู่ซ้อมนาง…

เชียนหลิงอวี่ถูกราดน้ำใส่สามสิบครั้งในวันเดียวในที่สุดก็เตลิดหนีไป! ระเบิดโทสะตามประสาคุณชายน้อยใส่หลานไว่หูครู่หนึ่ง แล้วหันหลังจากไป

หลานไว่หูแสดงสีหน้าสำนึกผิด มองดูกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว ข…ข้าโง่มากใช่ไหม? จ…เจ้าก็ไม่ต้องการข้าแล้วเหมือนกันใช่ไหม?”

กู้ซีจิ่วนวดคลึงหว่างคิ้ว มองท่าทางตาละห้อยของนางแล้วใจไม่แข็งพอ ส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “เจ้าฝึกต่อไป ขอเพียงเจ้าอยากเข้าร่วม ข้าก็จะไม่ทิ้งเจ้า” ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทอดทิ้งเพื่อนร่วมกลุ่มคนนี้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้หลานไว่หูจึงโห่ร้องอย่างยินดี มานะฝึกฝนต่ออีกครั้ง

กู้ซีจิ่วนั่งอยู่ตรงนั้นมองดูนางพลางขบคิดไปด้วย จิ้งจอกน้อยตัวนี้ประสานงานกับคนอื่นไม่ได้ แล้วถ้าให้คนที่ร่วมกลุ่มกับนางเป็นฝ่ายประสานกับนางเองล่ะ?

นี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก! ขณะที่เธอกำลังจะไปลองปฏิบัติตามความคิดนี้ ด้านหลังก็มีเสียงคนกระแอมไอเบาๆ

เธอหันหลังไป มองเห็นเยี่ยนเฉินยืนอยู่ตรงนั้น กำลังมองหลานไว่หูที่ฝึกฝนจนเหงื่อโซมหน้าอยู่ในสนาม แววตาซับซ้อนอยู่บ้าง

หลายวันมานี้กู้ซีจิ่วไม่ชอบขี้หน้าเขามาก เนื่องจากเจ้าหนุ่มคนนี้มักจะมองว่าเธอขวางหูขวางตาทุกครั้ง ระแวงเธอปานระแวงหมาป่า สายตาที่มองเธอประหนึ่งมองพังพอนเหลือง เกรงว่าเธอจะวางอุบายลูกไก่น้อยหลานไว่หู นี่ทำให้เธอไม่สบอารมณ์ยิ่ง…

เวลาที่กู้ซีจิ่วอารมณ์ไม่ดี เธอมักจะทำให้คนอื่นอารมณ์ไม่ดีไปด้วย

ดังนั้นบางครั้งกู้ซีจิ่วก็จงใจไปหาเรื่องเยี่ยนเฉิน

ยกตัวอย่างเช่นบังเอิญพบเยี่ยนเฉินล่าสัตว์ร้ายเพียงลำพังอยู่ในหุบเขา เธอจะซัดวิชาแยกวายุเข้าไปเสมอ ทำให้สัตว์ที่เยี่ยนเฉินซุ่มโจมตีอยู่หลายชั่วยามถึงจะดักไว้ได้ตกใจจนหนีไป…

บางครั้งก็ให้ลู่อู๋น้อยแอบติดตามเยี่ยนเฉิน ถึงแม้ลู่อู๋น้อยจะเป็นแค่ลูกสัตว์ แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นสัตว์ขั้นแปด ไม่ว่ามันจะไปที่ใดเหล่าสัตว์ได้กลิ่นลอยลมมาแต่ไกลก็หนีไปซ่อนตัว ดังนั้นทุกครั้งที่ลู่อู๋น้อยลงสนาม เยี่ยนเฉินเดินเตร่อยู่ในหุบเขาตั้งนานสองนานก็ไม่พบแม้แต่กระต่ายสักตัว มักจะคว้าน้ำเหลว

อาหารการกินในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ส่วนมากล้วนอาศัยสัตว์ที่เหล่าศิษย์ออกไปล่าหรือพืชผักที่ศิษย์เก็บเกี่ยวมาทั้งสิ้น

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นศิษย์ของชั้นเรียนเมฆาม่วงหรือชั้นเรียนเมฆาคล้อยทุกเดือนล้วนต้องทีตัวบ่งชี้ภารกิจด้านนี้

เดิมทีเยี่ยนเฉินล้วนปฏิบัติภารกิจได้สมบูรณ์เกินเกณฑ์  บางครั้งถึงขั้นสมบูรณ์เกินเกณฑ์ไปสามถึงสี่เท่าเลย กลายเป็นแบบที่ควรเอาเยี่ยงอย่างของชั้นเรียน ถูกอาจารย์ของทุกชั้นยื้อแย่งเขามาเป็นแบบอย่างในการสอนศิษย์ในชั้นเรียนตน

แต่หลังจากเขาขัดแย้งกับกู้ซีจิ่ว ผลงานล่าสัตว์ของเขาก็เริ่มดิ่งลง แม้แต่จะผ่านเกณฑ์ก็ยังยาก

พ่อครัวใหญ่ของห้องครัวก็มองเยี่ยนเฉินด้วยสายที่ค่อนข้างลึกซึ้ง ถามอย่างเป็นห่วงหลายครั้งว่าร่างกายเยี่ยนเฉินเจ็บปวดหรือไม่ แม้แต่อาจารย์ของเขาก็เริ่มกังวลกับสภาพของเขาแล้ว…

เยี่ยนเฉินมีนิสัยหยิ่งทะนง เขามีความกลัดกลุ้มที่พูดออกไปไม่ได้ และไม่อยากบอกว่าถูกกู้ซีจิ่วก่อกวน…

ในเมื่อล่าสัตว์ไม่ได้ เขาเลยเปลี่ยนไปเก็บสมุนไพรวิญญาณแทนเพื่อช่วยให้ภารกิจสำเร็จทางอ้อม

แต่ลู่อู๋ตัวนั้นประหนึ่งแผ่นยาหนังสุนัข ไม่ว่าเขาพบสิ่งใดยังไม่ทันได้เก็บเกี่ยว เจ้านี่ก็ไม่รู้ว่าโผล่มาจากซอกหลืบรูใด ตวัดกรงเล็บใส่สมุนไพรนั้นจนแหลกละเอียด จากนั้นก็วิ่งฉิวหายไปอย่างไร้ร่องรอย

มันวิ่งเร็วปานลมกรด เยี่ยนเฉินไล่ตามมันอยู่หลายครั้ง ก็พบว่าเร็วสู้สี่ขาของเจ้านี่ไม่ได้ ได้แต่ถลึงตามองหางทั้งเก้าแกว่งไกวจนหายลับไป

เขารู้สึกอยู่เสมอว่าหางของมันแกว่งเป็นแบบแผนอะไรสักอย่าง ยามนั้นจึงจับตามองอย่างใกล้ชิด พบว่าหางอันหนึ่งของมันงอเป็นรูป S หางอีกสองอันรวมกันเป็นรูป B[1]…

————————————————————————————-

[1] SB เป็นคำแสลงบนอินเทอร์เน็ตของชาวจีน ความหมายคือ ไอ้โง่หรือไอ้กระจอก