ตอนที่ 33 แย่งน้ำหนึ่งชาม

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

ฟางเจิ้งย่อมรู้ว่าน้ำบริสุทธิ์ของตนอร่อยแค่ไหน แต่เขาไม่คิดจะให้คนพวกนี้ดื่ม ถ้าดื่มหมดแล้วเขาจะต้องลงไปตักน้ำ! นี่ต้องใช้แรงงาน!

“อมิตพุทธ โยมอย่าทำแบบนี้ หนึ่งคนหนึ่งชามเท่านั้น นี่คือกฏของวัด น้ำหนึ่งชามก็พอแก้กระหายแล้ว” ฟางเจิ้งกล่าว

พั่งจื่อยังอยากพูดบางอย่าง แต่โหวจื่อชิงก่อน “พั่งจื่อ นายถูกผีสิงรึไง? แค่ดื่มน้ำเอง ต้องทำขนาดนี้เลยเรอะ? ไม่ได้ดื่มก็ไม่ต้องดื่ม ฉันหิวน้ำจะแย่แล้ว ไต้ซือเอามาให้อีกชามเถอะครับ?” ในสายตาโหวจื่อ ฟางเจิ้งไม่ใช่คนลวงโลกแล้ว แต่มีความเคารพเพิ่มมาหลายส่วน

ฟางเจิ้งพยักหน้า หมุนตัวกลับไปตักน้ำ

พั่งจื่อบ่นงึมงำอยู่ข้างหลัง “จริงๆ เลย ไม่เคยเห็นหลวงจีนขี้งกขนาดนี้มาก่อน ให้แค่น้ำชามเดียว ชามเดียวก็ชามเดียวจริงๆ แถมยังเป็นชามเล็กอีก”

“เอาเถอะพั่งจื่อ หยุดพูดได้แล้ว ชามนั่นไม่เล็กนะ เป็นชามยักษ์เลย ชามใหญ่ขนาดนั้นฉันดื่มไม่หมดหรอก จะแบ่งให้ครึ่งนึงแล้วกัน” หร่วนอิ่งพูดเสียงเบา

พั่งจื่อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ กอดหร่วนอิ่งพลางยิ้มซื่อๆ “หร่วนหร่วนของฉันดีจริงๆ ฮ่าๆ…”

“พวกเธอสองคนระวังหน่อยได้ไหม? ตรงนี้ยังมีคนโสดอยู่นะ? ถ้ายังทำแบบนี้อีก ลงเขาไปฉันจะปล่อยลมยางรถพวกนาย” เจียงถิงรับไม่ได้จึงพูดขู่

หร่วนอิ่งหน้าแดง ส่วนพั่งจื่อพูดขึ้นด้วยสีหน้าลำพองใจ “เจียงถิง เธอก็ควรหาแฟนสักคนนะ…”

“นายไม่ต้องมายุ่งหรอก” เจียงถิงสะบัดหน้า เห็นฟางเจิ้งเดินถือชามออกมา ในชามเต็มไปด้วยน้ำ ฟางเจิ้งเดินมาไม่ช้า พื้นผิวไม่เรียบ แต่น้ำกลับไม่กระเซ็นออกมาเลย เห็นดังนั้นเจียงถิงก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดว่าหรือน้ำนี่จะมีปัญหา? ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมน้ำถึงไม่หกออกมาเลย?

ขณะสงสัยอยู่นี้โหวจื่อเข้าไปรับชามมาแล้ว แต่น้ำเต็มเกินไปจึงหกออกมา เจียงถิงถึงรู้ว่าน้ำไม่ได้มีปัญญา แต่เป็นคนต่างหาก! รู้สึกประหลาดใจว่าหลวงจีนรูปนี้ต้องมีสมดุลขนาดไหนถึงทำแบบนี้ได้?

พั่งจื่อข้างโหวจื่อมองโหวจื่อ เห็นจ้องน้ำแต่ก็ไม่ดื่มจึงอดใจไม่ไหวพูดว่า “โหวจื่อ นายจะกินรึเปล่าเนี่ย ฉันช่วยกินเอาไหม”

“นายไปอยู่ข้างๆ เลย” โหวจื่อพูดจบก็สะบัดมือ แต่พั่งจื่อจับมือเขาเอาไว้ เอ่ยด้วยสีหน้าตรงไปตรงมา “โหวจื่อ อย่าเสียเวลา ฉันจะช่วยนายเลียเอง”

“ไปให้พ้น!” โหวจื่อขยะแขยงท่าทางของพั่งจื่อจริงๆ จึงหมุนตัวกลับ เงยหน้าขึ้นดื่มไปอึกใหญ่!

แต่ต่อมาดวงตาโหวจื่อกลมโต พลันหยุดลง กอดชามเอาไว้ในอกอย่างระมัดระวัง

“โหวจื่อ นายจะทำอะไร? ทำไมยังดื่มไม่หมดอีก? ฉันช่วยเอาไหม?” พั่งจื่อเข้ามาใกล้อีกครั้ง

“ไอ้อ้วน ฉันว่าแล้วทำไมนายถึงหน้าด้านอยากดื่มน้ำขนาดนี้ ที่แท้ในนี้ก็มีของดีนี่เอง! จะบอกให้นะ น้ำนี่เป็นของฉัน นายอย่าหวังจะได้แตะแม้แต่หยดเดียว!” โหวจื่อกอดชามเอาไว้แน่น

พั่งจื่อเม้มปาก กลืนน้ำลายลงคอ “ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ? ฉันเป็นคนแบบนั้นรึไง? แล้วถ้าให้เมียนายดื่มล่ะ”

โหวจื่อหมุนตัวกลับ รู้สึกเพียงแค่บ่าถูกกดลง หันกลับไปก็เห็นพั่งจื่อเกาะอยู่ที่บ่าเขา แลบลิ้นเลียน้ำในชามอย่างบ้าคลั่ง!

“ไอ้เวร!” โหวจื่อโกรธแล้ว!

คนอื่นๆ มองตาค้าง!

ฟางเจิ้งก็รู้สึกงงเล็กน้อย เขารู้ว่าน้ำนี่อร่อยมาก ทำให้ความเหนื่อยล้าทางกายและใจคนทุเลาลง แถมยังเติมเต็มน้ำให้กับเซลล์ทั้งหมด ความรู้สึกเย็นสบายไปทั้งตัวแบบนั้นฟินยิ่งกว่าดูดกัญชาเสียอีก! จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเครื่องดื่มเย็นๆ พวกนั้น แต่การกระทำของพั่งจื่อก็ทำให้เขาหมดคำจะพูดจริงๆ เขาจึงกำลังคิดอยู่ว่าจะให้เจ้านี่ดื่มน้ำอีกดีไหม

แต่พอนึกถึงตรงนี้ นึกถึงสีหน้าตอนที่เจ้านี่เข้ามา ฟางเจิ้งก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปทันที

เจียงถิง หลูเสียวอ่า หร่วนอิ่งสามคนมึนงง ไม่เข้าใจว่าสองคนนี้ทำอะไรกันแน่

ยังไม่ทันที่สามคนนี้จะถาม โหวจื่อก็ถีบพั่งจื่อไปทีหนึ่ง ซ้ำยังพูดด้วยความโกรธ “ไอ้อ้วน นายทำเกินไปแล้ว! นี่มันน้ำของฉัน!”

พั่งจื่อแบมือออก “ขอโทษ ทนไม่ไหวน่ะ ถ้านายไม่รังเกียจก็กินเถอะ ไม่อย่างนั้นเย็นวันนี้ฉันจะพานายไปเลี้ยงมื้อใหญ่ที่ภัตตาคารต้าหง! จะกินอะไรก็ได้ฉันเลี้ยงเอง! แต่ให้น้ำนี่ฉันได้รึเปล่า?”

โหวจื่อมองพั่งจื่อด้วยความโมโห “นี่แกจงใจใช่ไหม!”

หลูเสียวอ่าเข้ามาใกล้ “พั่งจื่อ นายพูดจริงเหรอ? เลี้ยงที่ภัตตาคารต้าหงเหรอ?”

“แน่นอน! เสียวอ่า ถ้าเธอให้เขาให้น้ำชามนั้นกับฉันได้ พี่จะซื้อกระเป๋าหลุยส์รุ่นใหม่ที่สุดให้เลย! ว่ายังไง?” พั่งจื่อตอบกลับทันที

“จริงเหรอ?! แต่…” หลูเสียวอ่ากำลังจะพูด

“ไม่ได้!” โหวจื่อพลันสวนขึ้นมา “”ไม่ได้เด็ดขาด! เสียวอ่า เธอก็ดื่มน้ำของเธอ เจ้าอ้วนนี่ทำให้น้ำครึ่งชามฉันสกปรกแล้ว แถมยังคิดจะหลอกเธออีก! ก็แค่กระเป๋าหลุยส์ไม่ใช่รึไง? ฉันจะซื้อให้เอง!”

“โหวจื่อ เธอดีจริงๆ เลย” หลูเสียวอ่ายิ้มมีความสุข เธอแปลกใจเหมือนกันว่าน้ำนี่มีอะไรน่าหลงใหลกันแน่ ทำให้ตัวตลกสองคนนี่ทะเลาะกันแบบนี้ได้

พั่งจื่อถาม “โหวจื่อ ถ้าอย่างนั้นน้ำครึ่งชามของนายจะทำยังไง?”

“อึกๆ!” โหวจื่อดื่มอึกเดียวหมด!

ฟางเจิ้งมองค้อน ก่อนหมุนตัวกลับ น่าขยะแขยง…ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว!

หลูเสียวอ่า หร่วนอิ่งและเจียงถิงก็รับไม่ได้จึงหันหลังกลับ

พั่งจื่อมองอึ้งๆ ทั้งยังเอ่ยขึ้น “เวร นะ…นายไม่รังเกียจจริงๆ เหรอเนี่ย?”

โหวจื่อแค่นเสียงหึหึ “เทียบกับน้ำนี่แล้ว น้ำลายนิดเดียวของนายจะมีค่าอะไร?”

“ไต้ซือ ชามนี้ของฉันได้ไหมคะ?” หลูเสียวอ่าอยากรู้อยากเห็นจริงๆ อดใจไม่ไหววิ่งไปถามตรงหน้าฟางเจิ้ง

ฟางเจิ้งพยักหน้า “ได้”

หลูเสียวอ่ารับชามในมือฟางเจิ้งมา เม้มปากเบาๆ ดูเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก ท่าทางสุภาพอ่อนโยน เห็นได้ชัดว่าถึงเธอจะดูคึกคัก แต่จริงๆ แล้วเป็นเด็กสาวที่ได้รับการอบรมมาดีมาก

แต่ต่อมา…

หลูเสียวอ่าพลิกชามดื่มอย่างเต็มที่

โหวจื่อกับพั่งจื่อที่ยังทะเลาะกันอยู่ข้างๆ เห็นดังนั้นก็หยุดลง พั่งจื่อเตะโหวจื่อไปทีหนึ่ง โหวจื่อเลยหยั่งเชิงถาม “เสียวอ่า ให้ฉันกินอึกนึงได้ไหม?”

ป้าบ!

หลูเสียวอ่าตบเข้าที่หัวโหวจื่อ มือข้างหนึ่งถือชามที่หมดเกลี้ยง! พลิกอยู่นานก็ไม่มีน้ำเหลือจริงๆ ถึงวางชามลงอย่างอาลัยอาวรณ์ จากนั้นถลึงตาแค่นเสียงขึ้นจมูก “เจ้าโหวบ้า น้ำดีขนาดนี้ทำไมไม่แบ่งฉันสักอึก แถมยังจะมาดื่มของฉันอีก?”

โหวจื่อพลันร้องไห้ หลูเสียวอ่าที่รักยังนึกถึงน้ำของเขาอีก! นี่เรียกว่าจะหากำไรจากผู้อื่นแต่กลับเสียหายซ้อนสองแท้ๆ…แต่โหวจื่อตอบกลับในทันที “ให้เธอแล้วนะ! แต่พั่งจื่อมาเลียก่อน! น้ำแบบนี้ฉันจะให้เธอได้ยังไง? ให้เธอแล้วจะดื่มได้เหรอ?”

หลูเสียวอ่ามองพั่งจื่อด้วยความทะมึนทึบ พั่งจื่อจึงยกมือขึ้นสูง “มื้อเย็นฉันเลี้ยงเอง!”

หลูเสียวอ่ายิ้มออกทันที

ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน ฟางเจิ้งตักน้ำมาอีกสองชาม “พวกโยมสองคนจะดื่มไหม?”

………………………..