ตอนที่ 489 ความคิดโตขึ้นอีกแล้ว

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“เสี่ยวเชี่ยน จิตวิทยาในฐานะที่เป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งของสังคมมนุษย์ พวกเรายังหาข้อสรุปไม่ได้เกี่ยวกับคนเราเมื่อตายกลายเป็นฝุ่นผงแล้วไปที่ไหนต่อ ฉันไม่รู้ว่าโลกนี้มีวิญญาณหรือเปล่า แต่ฉันเชื่อว่ามีวิธีที่ทำให้ฉันกับลูกชายได้อยู่ด้วยกันตลอดไป นั่นก็คือทำให้คนที่เขาชอบที่สุดตอนมีชีวิตอยู่ได้มีชีวิตที่เป็นสุข เธอจะบอกว่าฉันทำเพื่อลูกชายก็ได้ แต่ที่มากกว่าก็คือมันเป็นทางออกหนึ่งให้จิตใจของฉัน”

 

 

นี่คือคนสูงวัยที่มีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่าครึ่งชีวิต คำพูดที่กลั่นออกมาจากสมองอันชาญฉลาด

 

 

เวลานี้เสี่ยวเชี่ยนยากที่จะเข้าใจถึงสภาพจิตใจของศาสตราจารย์หลิวได้ทั้งหมด แต่เธอกลับเข้าใจถึงความรักที่แม่คนหนึ่งมีให้กับลูกอย่างเต็มที่

 

 

ต่อให้เขาไม่อยู่แล้วก็ต้องเป็นตัวแทนเขาทำให้คนที่เขารักมีความสุข

 

 

ก่อนหน้านี้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าการที่ศาสตราจารย์หลิวเข้าไปใกล้ชิดหูเหม่ยจิ้งนั้นเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก พอมาดูตอนนี้ถึงพบว่า ศาสตราจารย์หลิวไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ลำบากอะไร กลับมีความสุขด้วยซ้ำ

 

 

เรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจให้เสี่ยวเชี่ยนเป็นอย่างมาก

 

 

เธอคิดทบทวนแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างอะไรกับหวางย่าเฟย เรื่องแบบเดียวกันที่คิดว่าไม่มีใครทำได้ แต่กลับมีผู้ใหญ่ทำได้อย่างไม่เปิดเผย อีกทั้งการแก้ปัญหาแบบนี้เธอก็ไม่เคยเจอมาก่อน ในเวลานี้ในใจของเสี่ยวเชี่ยนเกิดความรู้สึกที่หลากหลาย

 

 

ไม่มีคนที่ถูกเสมอ ต่อให้บางช่วงคิดว่าตัวเองทำได้ดีมากแล้ว แต่พอเดินผ่านไปแล้วหันกลับมามอง ที่แท้ก็สามารถทำได้ดีกว่านี้อีก

 

 

บทเรียนในวันนี้สอนเธอได้อย่างลึกซึ้ง เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่านี่เป็นการสะเทือนใจมากที่สุดตั้งแต่เธอกลับมาเกิดใหม่

 

 

“เรื่องบุคลิกสองขั้ว บ้านเรามีการถกเถียงกันมาตลอด การปลุกความทรงจำจะเป็นการดึงเอาเรื่องที่น่ากลัวที่สุดกลับมา ถ้าไม่ปลุกความทรงจำอีกหนึ่งตัวตนก็จะหนีจากความเป็นจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าวันไหนความทรงจำในอดีตที่โหดร้ายนั้นจะกลับมา เสี่ยวเชี่ยน อีกหน่อยถ้าเธอรักษาคนไข้แล้วเจอเคสแบบนี้เธอจะทำไง?”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเงียบไปนาน ในที่สุดเธอก็พูดคำตอบที่ต่างจากเมื่อชาติที่แล้ว

 

 

“สังเกตอาการอย่างละเอียดแล้วรักษา ไม่มีคำตอบที่แน่นอนสำหรับคำถามนี้ค่ะ คนไข้ต่างกันย่อมมีทางเลือกที่ต่างกัน บางคนเหมาะกับแบบนี้ บางคนเหมาะกับอีกแบบ”

 

 

เรื่องที่คิดมาทั้งชาติ ในที่สุดเวลานี้เสี่ยวเชี่ยนก็เข้าใจแล้ว

 

 

ศาสตราจารย์หลิวพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยความคาดหวัง

 

 

“เธอเก่งมากที่คิดได้แบบนี้ ไม่ใช่แค่โรคนี้นะ ในขอบข่ายงานของพวกเรายังมีอีกหลายคำถามที่ไม่มีคำตอบที่แน่นอน ก็เหมือนกับชีวิตของคนเรา การแก้ปัญหาในแต่ละช่วงย่อมมีรูปแบบที่ต่างกัน บางครั้งเราต้องใช้ตรงนี้ในการตัดสิน”

 

 

ศาสตราจารย์หลิวลูบตรงตำแหน่งหัวใจ “จิตแพทย์ก็เหมือนกับกระจกบานหนึ่งที่สามารถส่องให้เห็นถึงต้นตอปัญหาของผู้เข้ารับคำปรึกษา เวลาที่พวกเรารักษาคนไข้ ก็เหมือนกับเราได้ส่องเห็นเงาตัวเองผ่านคนอื่น”

 

 

“เหมือนจะเข้าใจแล้วค่ะ…” ทันใดนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็นึกถึงเรื่องทฤษฎีดวงวิญญาณที่สืออวี้พูดถึง หลังจากที่เธอกลับมาก็ได้ไปรักษาให้คนอื่นมาตลอด และในระหว่างนั้นเธอก็ค่อยๆเจอชิ้นส่วนวิญญาณของตัวเองที่หล่นหาย

 

 

“ค่อยๆเรียนรู้ไป รอเธออายุเท่าฉันเธอก็จะเข้าใจทั้งหมดเอง”

 

 

นี่เป็นการสนทนาช่วงมื้ออาหารกลางวันที่มีความหมายมาก เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหมือนตัวเองโตขึ้นมาอีกหน่อย

 

 

มีเสียงคนเคาะประตู ศาสตราจารย์หลิวจึงไปเปิด

 

 

“เสี่ยวจ้าว?”

 

 

เสี่ยวจ้าวก็คืออาจารย์ที่ปรึกษาของเสี่ยวเชี่ยน

 

 

“ศาสตราจารย์หลิวคะฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยเกี่ยวกับเรื่องที่จะให้เฉินเสี่ยวเชี่ยนเรียนจบก่อน เกิดเรื่องกับเขาแล้วค่ะ มีคน…”

 

 

เสี่ยวจ้าวพูดไปได้ครึ่งทางก็เงยหน้าเห็นเสี่ยวเชี่ยนที่นั่งคาบตะเกียบอยู่ในห้องรับแขก

 

 

เสี่ยวเชี่ยนโบกมือให้เธอ “มีคนมาร้องเรียนหนูเรื่องรักษาคนไข้โดยไม่มีใบอนุญาตใช่ไหมคะ?”

 

 

เหอๆ มีคนทนไม่ไหวจริงๆด้วยสินะ

 

 

เสี่ยวเชี่ยนรู้อยู่แล้วว่าอาหญิงจะต้องมาเห่าใส่ ไม่ได้เกินความคาดหมายเลยสักนิด แอบอยากให้มีเรื่องสนุกเสียด้วยซ้ำ

 

 

“มันเรื่องอะไรกัน เข้ามาคุยก่อน” ศาสตราจารย์หลิวให้เสี่ยวจ้าวเข้าไปในห้องรับแขก

 

 

เสี่ยวจ้าวมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยความลำบากใจ มาพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเจ้าตัวจะดีเหรอ?

 

 

“มีอะไรก็พูดมาตรงๆได้เลยค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างสบายๆแล้วคีบเนื้อเข้าปากคล้ายกับไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ

 

 

“พูดมาเถอะ เด็กคนนี้ยังไม่เครียดเลย” เห็นได้ชัดว่าศาสตราจารย์หลิวยืนอยู่ข้างเสี่ยวเชี่ยน

 

 

เสี่ยวเชี่ยนสังเกตตำแหน่งยืนของศาสตราจารย์หลิว ถึงแม้อาจารย์จะแสดงออกว่าวางตัวเป็นคนกลาง แต่ท่ายืนของเธอ ขาเอียงมาทางเสี่ยวเชี่ยน ท่าทางเล็กๆน้อยๆที่แสดงออกสามารถสะท้อนถึงสิ่งที่อยู่ในใจ

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจดีถึงหลักการมีต้นไม้ใหญ่ให้พึ่งพิง ในช่วงที่ปีกเธอยังไม่แข็งแรงนี้ อยู่ในมหาวิทยาลัยพึ่งพาอาจารย์ย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน อีกทั้งอาจารย์ก็เป็นคนที่ปกป้องลูกศิษย์ เรื่องนี้สร้างปัญหาไม่ได้อยู่แล้ว ครั้งนี้อาหญิงทำขายหน้าอีกแล้ว

 

 

“มีคนมาร้องเรียนกับพวกเราบอกว่าเฉินเสี่ยวเชี่ยนรักษาคนไข้โดยไม่มีใบอนุญาต หากทางมหาวิทยาลัยไม่มีคำอธิบายเรื่องนี้เขาก็จะเอาเรื่องนี้ไปร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก หากมีข่าวลอดออกไปจะไม่ดีต่อมหาวิทยาลัย เรื่องนี้เขาเข้ามาคุยกับคณบดีโดยตรง คณบดีไม่กล้าข้ามหน้าศาสตราจารย์หลิวเลยให้มาถามก่อนค่ะว่าจะเอาไง…”

 

 

“อะไรคือเอาไง? เขาบอกว่ามีก็มีงั้นเหรอ? หลักฐานล่ะ?” ศาสตราจารย์หลิวชักสีหน้า

 

 

“มีรูปถ่าย มีพยาน ฝ่ายนั้นพาอาจารย์สมัยมอปลายของเฉินเสี่ยวเชี่ยนมา อาจารย์ดูรูปถ่ายนี่สิคะ…”

 

 

เสี่ยวจ้าวยื่นรูปถ่ายให้ เสี่ยวเชี่ยนดูแล้วก็ขมวดคิ้ว

 

 

ในรูปเป็นตอนเมื่อวานเย็นที่หวางย่าเฟยยัดซองจดหมายใส่มือเธอ เป็นรูปถ่ายที่ต่อเนื่องกันตั้งแต่หวางย่าเฟยยัดซองจนหมายจนกระทั่งเธอเปิดซองจดหมายออกดู

 

 

อย่างกับละครน้ำเน่า

 

 

ให้ใครดูก็คงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

ลางสังหรณ์เมื่อวานของเธอนั้นถูกต้องแล้ว มีคนสะกดรอยตามเธอ

 

 

“จังหวะการถ่ายใช้ได้เลยนะคะ แต่ถ่ายหนูออกมาน่าเกลียดไปหน่อย ทำไมถึงได้ถ่ายมุมนี้นะ? ขาหนูดูสั้นไปเลย” เสี่ยวเชี่ยนวิจารณ์ภาพถ่าย

 

 

“นักศึกษาเฉินเสี่ยวเชี่ยน นี่เธอไม่รู้สึกถึงความร้ายแรงของปัญหานี้เลยเหรอ? เรื่องนี้มันเกี่ยวกับชื่อเสียงของทางมหาวิทยาลัยนะ ถ้าไม่สามารถให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลได้ พวกเราคงต้องไล่เธอออกตามกฎ ทำให้เธอ…”

 

 

“ใครกล้ามาแตะต้องเขาเดี๋ยวได้เห็นดีกัน” ศาสตราจารย์หลิวตบโต๊ะ ไก่ทอดราสซอสกระเด้งขึ้นตามแรงตบ

 

 

“ศาสตราจารย์หลิวเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว…”

 

 

“ขนาดไหน? ฉันเป็นคนให้เขาไปฝึกงาน ใครบอกว่านั่นคือการรักษากัน? เอาเงินใส่ซองมาให้แล้วมีปัญหาอะไรเหรอ? งั้นที่ฉันเห็นเสียวหลี่ยัดเงินให้อธิการบดี เห็นเสี่ยวอู๋ลงมาจากรถรองคณบดีตอนดึกๆดื่นๆ แล้วก็เธอ…”

 

 

“ฉันไม่ได้ล่วงเกินอาจารย์เลยนะคะ” เสี่ยวจ้าวกลัวศาสตราจารย์หลิวมาก

 

 

ไม่มีใครกล้าหาเรื่องหญิงสูงวัยคนนี้ ในแวดวงคนในมหาวิทยาลัยไม่มีใครที่มีประวัติขาวสะอาดเท่าไร แต่ศาสตราจารย์หลิวกลับยึดถือแนวทางที่ใสสะอาดได้มาตลอด คนแบบนี้จุดที่น่ากลัวที่สุดอยู่ที่สามารถยอมพลีชีพพร้อมที่จะลากคนร่วมลงนรกไปด้วยกัน ดังนั้นพอได้ยินว่าเสี่ยวเชี่ยนอาจเป็นคนของศาสตราจารย์หลิว คณบดีจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เลยให้อาจารย์ระดับล่างมาหยั่งเชิงดูก่อน

 

 

ท่าทีของศาสตราจารย์หลิวเด็ดขาดมาก ใครกล้าแตะต้องเสี่ยวเชี่ยนแม้แต่ปลายเล็บเธอก็จะจัดการคนๆนั้นให้สิ้นซาก พูดได้ทำได้อย่างแน่นอน