ภาคที่ 1 การรุกกลับของศิษย์พี่ บทที่ 26 ผลการตัดสินสุดท้าย

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เหยียนซวี่จ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ ฝ่ายหลังยิ้มจางๆ รอด้วยความสงบ ไม่ได้เอ่ยกล่าวอะไรอีก

ผู้อาวุโสฝ่ายอาญามองพวกเขาทั้งสองคนแล้วถอนหายใจครั้งหนึ่ง “เคล็ดลับนี้ ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ในคัมภีร์ต่างๆ ของสำนักก็ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้”

“ศิษย์หลานเยี่ยนเจ้าอาจเป็นผู้ค้นพบคนแรก ก่อนอื่นไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องบันทึกลงเป็นความดีความชอบของเจ้า”

“ส่วนผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งหุบเขาวายุวิญญาณจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่นั้น ต้องรอเรียกเขามาพบและซักถามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อน จึงจะตัดสินใจได้”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มแล้วพูดว่า “ความลับของแก่นสารหยก เบื้องต้นควรจะควบคุมให้รู้ในขอบเขตที่แน่นอน เพราะไม่ว่าอย่างไรวิธีการที่จะได้สารมาก็ง่ายมาก”

“นอกจากหุบเขาวายุวิญญาณแล้ว โลกก็ยังใหญ่นัก ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่ผลิตศิลาลายเมฆอยู่ ของสิ่งนี้ยังเทียบไม่ได้กับแก่นสารหยก”

“ทางสำนักเองก็ต้องการแก่นสารหยกเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรสิ่งที่มีน้อยย่อมมีค่ามากกว่า หากต้องการจะผูกขาดก็ควรจะปกปิดข้อมูลไว้ให้ดี”

“เพื่อไม่ให้เป็นเป้าสังเกต การขุดหาก็ควรจะต้องค่อยเป็นค่อยไป ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสทางสำนักจะต้องมีการพิจารณารอบด้าน เรื่องนี้ก็คุยกันเท่านี้ก่อนเถอะขอรับ”

ผู้อาวุโสฝ่ายอาญากล่าวว่า “เรื่องนี้แน่นอนอยู่แล้ว”

เขามองเหยียนซวี่แวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า “เรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับหลายฝ่ายทีเดียว ไม่ได้เป็นเพียงแค่ปัญหาของอาณาจักรถังตะวันออกเท่านั้นแล้ว อีกทั้งไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของเกาะนภาตะวันออกแล้วด้วย จำเป็นต้องให้ทางสำนักเป็นฝ่ายตัดสิน”

เหยียนซวี่มีสีหน้านิ่งชา พลางผงกศีรษะ “ข้าเห็นด้วย”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดต่อว่า “เพียงแต่ว่า ความสำคัญของหุบเขาวายุวิญญาณ ณ ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่อดีตจะเทียบเคียงได้อีกต่อไป ก่อนที่จะได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการจากทางสำนัก ก็ยังคงต้องรักษาความมั่นคงเอาไว้ ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจที่กำลังรอการสอบสวนคนหนึ่งยังประจำการณ์อยู่ที่นั่นเช่นเดิม เช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือขอรับ”

ผู้อาวุโสฝ่ายอาญานิ่งเงียบไปเล็กน้อย ดวงตาเหยียนซวี่หรี่ลงเป็นเส้นตรง ในแววตาแผ่รังสีเย็นยะเยือกออกมา

“เยี่ยนจ้าวเกอ นี่ใช่เรื่องที่เจ้าสามารถสอดมือได้หรือ?”

“เจ้าสร้างผลงานเรื่องศิลาลายเมฆไว้ก็จริง ทว่าการแต่งตั้งหรือปลดตำแหน่งผู้อาวุโสปฏิบัติกิจ และการกำหนดคนที่จะมาประจำการใช่สิ่งที่เจ้าจะมีส่วนร่วมได้หรือ?”

“อย่าได้ใจจนลำพองตัว!”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “เหวินหนิงจือเป็นคนสนิทของท่านผู้อาวุโสเหยียน ท่านก็ต้องรู้จักเขาดีมากกว่าข้าแน่อยู่แล้ว”

ความเยือกเย็นภายในดวงตาของเหยียนซวี่ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก เขาจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอได้อย่างไร

คนสนิทของท่านอาจคบค้ากับศัตรู เช่นนั้นแล้วท่านเล่า?

ผู้อาวุโสฝ่ายอาญามองเยี่ยนจ้าวเกอพลางถอนหายใจเบาๆ

แสดงนิสัยไม่ยอมเสียเปรียบ และใช้อำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าผู้อาวุโสปฎิบัติกิจก็ช่างเถอะ ทว่าเขายังกล้าดื้อด้านต่อหน้าผู้อาวุโสคุมการณ์อีกด้วย กระนั้นครั้งนี้เขาก็ไม่มีหลักฐานอยู่จริงๆ เพียงแค่เดินทางมาซักถามเยี่ยนจ้าวเกอตามความสงสัยเท่านั้น แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ยืนยันได้ว่าเหวินหนิงจือรู้ความลับเรื่องศิลาลายเมฆ ถึงกระนั้นจะไม่ตรวจสอบได้อย่างไร

เขาเองรู้อยู่แล้วว่าเยี่ยนจ้าวเกอกำลังโจมตีกลับ แต่ใครจะรับประกันได้ว่าเหวินหนิงจือจะไม่มีส่วนรู้เห็นจริงๆ

ถึงแม้จะบอกว่าผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่เพียงแค่นึกถึงทุกๆ ปีที่ผ่านมา มีการส่งออกศิลาลายเมฆจำนวนมากมายมหาศาล ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาก็รู้สึกปวดใจไม่น้อย

ส่วนเรื่องที่เหวินหนิงจือกล่าวฟ้องเยี่ยนจ้าวเกอนั้น กลายเป็นสาเหตุการต่อสู้กันของแต่ละฝ่าย และมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นความแค้นส่วนตัวที่เกิดขึ้นจากเรื่องของผู้อาวุโสชุยมากกว่า

ราชาแห่งอาณาจักรถังตะวันออกก็พูดขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “แม้ว่าหุบเขาวายุวิญญาณจะตั้งอยู่ในเขตของถังตะวันออก แต่ก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขากว่างเฉิง คงไม่เหมาะที่ข้าจะพูดอะไรมากนัก เพียงแต่ว่าการขุดหาแก่นสารหยกในภายภาคหน้า ก็ขอให้เหลือเผื่อถังตะวันออกของข้าด้วย ส่วนราคา แน่นอนว่าจะไม่ทำให้เขากว่างเฉิงขาดทุนเป็นแน่ ทุกอย่างยึดตามกฎกติกา”

“ช่วงสองปีมานี้การผลิตแก่นสารหยกของภูผาพิภพและวายุพิภพค่อนข้างขาดแคลนและแร้นแค้นเป็นอย่างยิ่ง ถังตะวันออกของข้าเองก็มีความต้องการอย่างเร่งด่วน ต้องรบกวนเขากว่างเฉิงให้การสนับสนุนด้วย”

แม้ว่าจะไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ แต่ถึงอย่างไรหุบเขาวายุวิญญาณก็ตั้งอยู่บนแผ่นดินของอาณาจักรถังตะวันออก ราชาแห่งอาณาจักรไม่ต้องพูดชัดเจน ก็ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่มีต่อเหวินหนิงจือแล้ว

เหยียนซวี่หลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนที่สีหน้าจะกลับมาราบเรียบดังเดิม

เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาสงบนิ่งขึ้นแล้ว จึงหันไปมองสวีชวนที่อยู่อีกด้านหนึ่ง “แม้ข้าจะเชื่อว่าหนิงจือไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ แต่ในเมื่อตอนนี้เขาต้องได้รับการสอบสวน ขณะเดียวกันหุบเขาวายุวิญญาณก็ต้องการการฟื้นฟูโดยเร็ว เช่นนั้นเขาก็ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสปฏิบัติกิจในพื้นที่นั้นอีกต่อไป”

“การจะย้ายคนจากพื้นที่อื่นมาจะต้องใช้เวลาในการสร้างความคุ้นเคย เรื่องของหินลายเมฆก็หย่อนนอกตึงในรอช้าไม่ได้ สวีชวน เจ้าเป็นผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งเมืองใกล้ปราการ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับหุบเขาวายุวิญญาณมากที่สุด อีกทั้งยามปกติก็มีการไปมาหาสู่กันมากที่สุด ข้าขอให้เจ้าดูแลหุบเขาวายุวิญญาณไปก่อนชั่วคราวแล้วกัน รอให้มีการตัดสินอย่างเป็นทางการจากทางสำนักก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกครั้ง”

“คนคนเดียวแบกรับสองหน้าที่ ถึงภาระหน้าที่จะหนักมาก แต่เจ้าต้องตื่นตัวอยู่เสมอด้วย”

สวีชวนสงบจิตใจของตนเองลงครู่หนึ่ง ความทะเล้นในตอนที่อยู่กับเยี่ยนจ้าวเกอตามลำพังเลือนหายไปหมดสิ้น เขาตอบกลับไปด้วยท่าทีที่เอาจริงเอาจังและหนักแน่นว่า “น้อมรับคำบัญชาสำนัก ข้าจะทำสุดความสามารถและพยายามอย่างเต็มกำลัง”

เหยียนซวี่มองไปที่เยี่ยนจ้าวเกอแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร แล้วหันไปผงกศีรษะให้กับผู้อาวุโสฝ่ายอาญาและราชาอาณาจักรถังตะวันออก “ตาเฒ่าหานมีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกร ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ข้าจะลองออกไปตามหาตัวเขาดูอีกครั้ง”

หลังจากกล่าวลาแล้ว เหยียนซวี่ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากตำหนักใหญ่ไป โดยไม่ได้พูดอะไรอีก

ราชาอาณาจักรถังตะวันออกก็ลุกขึ้นยืน แล้วหันไปพูดกับผู้อาวุโสฝ่ายอาญาว่า “ความผิดปกติของหุบเหวปราการมังกรไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เรื่องของแก่นสารหยกค่อยคุยกันวันหลังก็ได้ ข้าเองก็จะไปดูลาดเลาที่หุบเหวปราการมังกรสักหน่อย เชิญผู้อาวุโสตามสะดวก หากมีเรื่องอันใด ถังตะวันออกยินดีให้ความร่วมมือ”

ผู้อาวุโสฝ่ายอาญาพยักหน้า “ขอบพระทัยฝ่าบาท สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะไม่ทำให้ฝ่าบาทต้องลำบาก ทางสำนักจะเจรจาหารือกับพวกเขาเอง”

เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มบางๆ แล้วกล่าวว่า “ท่านลุงโปรดระมัดระวังด้วย อีกเดี๋ยวจ้าวเกอค่อยไปพบนะขอรับ”

ใบหน้าที่เคร่งขรึมของราชาอาณาจักรถังตะวันออกเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อจะตบไหล่เยี่ยนจ้าวเกอเบาๆ แล้วเดินออกไป

ผู้อาวุโสฝ่ายอาญากระแอมครั้งหนึ่ง เขามองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ พลางพูดช้าๆ ว่า “พักเรื่องของเหวินหนิงจือเอาไว้ก่อน”

“ศิษย์หลานเยี่ยน ครั้งนี้เจ้านำศิษย์รุ่นเยาว์เข้ารับการฝึกฝนที่หุบเหวปราการมังกร ศิษย์คนหนึ่งในนั้นเป็นตายไม่แน่ชัด แม้เจ้าจะไม่ใช่ผู้กระทำ แต่เจ้าในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ผู้นำ ก็ต้องรับผิดชอบในระดับหนึ่งเช่นกัน”

“ส่วนที่เจ้าพบวิธีการพัฒนาเตาผลึกหินชั้นใน นั่นถือป็นความดีความชอบ”

“เจ้าเอาชนะเฉาหยวนหลง อัจฉริยะลูกศิษย์สืบทอดหลักของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ สร้างชื่อเสียงให้แก่สำนัก ก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยกย่องเช่นกัน”

“อีกทั้งค้นพบความลับของศิลาลายเมฆ นับว่าเป็นความดีความชอบครั้งใหญ่ยิ่งนัก”

“หากแต่ความดีความชอบไม่อาจหักล้างกับความผิด ทางสำนักแบ่งแยกการให้บำเหน็จรางวัลและการลงทัณฑ์อย่างชัดเจน การให้รางวัลและการลงโทษเล็กน้อยที่เจ้าจะได้รับนั้น จะประกาศอย่างเป็นทางการในไม่ช้านี้ และจะไม่มอบรางวัลจากที่เป็นความลับให้เจ้าอย่างเปิดเผย ข้าเชื่อว่าเจ้าเข้าใจเรื่องนี้ดี”

การลงโทษเพียงเล็กน้อยแค่นี้ถือได้ว่าพอเป็นพิธีเท่านั้น ทว่าก็เป็นเรื่องของกฎระเบียบของสำนักที่แม้แต่เจ้าสำนักยังต้องปฏิบัติตาม เยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่รู้สึกติดขัดอะไร

และเห็นได้ชัดว่าบำเหน็จรางวัลยิ่งใหญ่มาก มากเสียจนการลงโทษที่เขาจะได้รับดูไม่สลักสำคัญฮะไร

เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจกฎเกณฑ์นี้อยู่แล้ว จึงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มจาง “ข้าเข้าใจขอรับ”

เมื่อกล่าวลาและออกจากตำหนักใหญ่แล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็เห็นบรรดาศิษย์ที่ได้ติดตามตนเข้าไปในหุบเหวปราการมังกรก่อนหน้านี้ แห่ล้อมกันเข้ามา “ศิษย์พี่เยี่ยน เป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีอะไรใช่หรือไม่”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “เดิมทีก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แค่พูดอธิบายกับบรรดาท่านผู้อาวุโสให้ชัดเจนก็เท่านั้น จะมีเรื่องอะไรได้เล่า”

“แต่คงจะมีบางคนเกิดเรื่องเข้าแล้ว”

ในวันเดียวกันนั้น เหวินหนิงจือ ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งหุบเขาวายุวิญญาณถูกปลดออกจากตำแหน่งเดิมชั่วคราว ทั้งยังได้รับการเรียกเข้าพบเพื่อซักถามจากผู้อาวุโสฝ่ายอาญาแห่งเกาะตะวันออก

และหลังจากนั้นไม่นาน บำเหน็จรางวัลอย่างเป็นทางการของเยี่ยนจ้าวเกอก็มาถึง

……….